รัฐมนตรีขอให้ บริษัท ญี่ปุ่นพิจารณาตลาดในประเทศ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทองขอนกระตุ้นให้ธุรกิจญี่ปุ่นพิจารณาการลงทุนในภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชา ซึ่งในการพับหารือกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกล่าวว่าจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยทางกัมพูชากล่าวว่าต้องการลงทุนบนโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น เพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นมาเยือนกัมพูชาประมาณ 100,000 คนเพิ่มขึ้น 3% จากปี 2561 โดยปีที่แล้วโครงการลงทุนของญี่ปุ่น 6 โครงการมีมูลค่ากว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยกัมพูชาตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นมากกว่า 300,000 คนต่อปีภายในปี 2563 และการค้าระหว่างกัมพูชากับญี่ปุ่นมีมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้นถึง 16.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายงานล่าสุดขององค์การการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Jetro)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50633272/minister-asks-japanese-firms-to-consider-local-market/

โครงการทางหลวงแผ่นดินสปป.ลาว ส่งเสริมการท่องเที่ยวในอาเซียน

การเดินทางข้ามอาเซียนมีแนวโน้มที่จะง่ายขึ้นเนื่องจากแผนของรัฐบาลสปป.ลาวในการสร้างทางด่วนและมอเตอร์เวย์สามสายซึ่งครอบคลุมระยะทางกว่า 1,700 กิโลเมตรจะเชื่อมโยงประเทศกับจีนและเวียดนาม ทางพิเศษ ซึ่งเริ่มก่อสร้างแล้ว 113.5 กม. ทางทิศเหนือจากเมืองหลวงและอนุญาตให้เข้าถึงเมืองท่องเที่ยวของวังเวียงได้อย่างง่ายดาย โครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ 30% แล้วคาดว่าจะเปิดในปี 2564 ทางด่วนมูลค่า 45,000 ล้านบาทเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่จะเชื่อมโยงเวียงจันทน์กับจีนตอนใต้ ในอนาคตจะสร้างมอเตอร์เวย์ 450 กม. จากวังเวียงไปยังบ่อเต็นเมืองชายแดนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเมืองโมฮันของจีน ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก 80,000 ล้านบาท ทางด่วนสายใหม่ไม่เพียงแต่จะทำให้การเดินทางไปจีนเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การเดินทางจากประเทศไทยง่ายขึ้นด้วย เมื่อทางพิเศษแล้วเสร็จผู้ใช้ทางสามารถเดินทางจากเมืองหลวงสปป.ลาวไปยังวังเวียง ทั้งหมดจะถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเดินทาง รัฐบาลยังวางแผนที่จะสร้างอีกสองมอเตอร์เวย์เพื่ออำนวยความสะดวกการขนส่งทั้งในประเทศและระหว่างประเทศอีกด้วย ที่มา:https://www.bangkokpost.com/thailand/general/1708174/laos-highway-projects-to-boost-asean-travel

จับตาเมียนมา ปูทางลงทุนท่องเที่ยว ‘รัฐยะไข่’

จากพิธีฉลองการเปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย/ตองยิน แห่งที่ 2 เชื่อมระหว่างเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และอ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งสะพานแงนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2558 โดยมีมูลค่าประมาณ 4,132 ล้านบาท ประกอบด้วยถนนฝั่งไทยความยาว 17.25 กม. ฝั่งเมียนมาความยาว 4.15 กม. นอกจากนี้ยังมีสะพานข้ามแม่น้ำเมย และจุดควบคุมชายแดนด้วย เป้าหมายสำคัญเพื่อส่งเสริมการค้าการท่องเที่ยว โดยโครงการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในเอเชียและยุโรปกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชีย และแปซิฟิก สหประชาชาติ (ESCAP) เพื่อพัฒนาและปรับปรุงระบบเครือข่ายถนนโดยรวมในภูมิภาค และช่วยลดปัญหาการจราจรบริเวณด่านชายแดนเมียวดี-แม่สอด ปริมาณการค้าระหว่างไทย-เมียนมาในเดือนต.ค. 61-ม.ค 62 มีมูลค่า 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของเมียนมารองจากจีน ปัจจุบันนโยบายรัฐบาลที่มุ่งสนับสนุนการลงทุนด้านการท่องเที่ยวและโรงแรม ใน “รัฐยะไข่” โดยโฟกัสไปที่บริเวณแนวชายฝั่งรัฐยะไข่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมกำหนดชายหาดเป็นจุดหมายใหม่ โดยชูจุดขายเรื่องความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ที่ผ่านมาการเปิดชายหาด Ngapali ได้รับความนิยมสูง มีชาวต่างชาติเดินทางโดยรถยนต์จากย่างกุ้ง ซึ่งใช้เวลา 9-10  ชั่วโมง มากกว่า 60,000 คนต่อปี จากการสำรวจความเห็นของนักลงทุนพบว่าสนใจลงทุนด้านการท่องเที่ยวสูงสุด เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น เช่น เกษตร ประมง หรือปศุสัตว์ แต่อุปสรรคสำคัญ คือ ราคาที่ดินที่สูงมาก โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งประเด็นนี้รัฐบาลท้องถิ่นให้ข้อมูลว่าได้มีโครงการก่อสร้างถนนและสนามบินที่จะเริ่มเร็วๆ นี้ และยังมีโครงการใหม่ 5 โครงการ ได้แก่ การพัฒนาเมืองใหม่และสนามบิน Mrauk-U เขตนิคมอุตสาหกรรม Ponnagyum โครงการพัฒนา Kyaetaw – Mingan และการปรับปรุงสนามบิน Ngapali และโครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์บนเกาะ Manaung หากโครงการทั้งหมดก่อสร้างแล้วเสร็จ เศรษฐกิจของเมียนมาน่าจะเติบโตและเป็นจุดที่น่าสนใจในอาเซียน

ที่มา: https://www.bangkokbanksme.com/article/31192