ประสิทธิภาพด้านพลังงานถือเป็นส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจกัมพูชาในอนาคต

เนื่องจากความต้องการพลังงานของกัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีผู้เชี่ยวชาญจึงเรียกร้องให้มีการพัฒนาและดำเนินนโยบายที่ชัดเจน ซึ่งสนับสนุนให้ทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมมีส่วนร่วมในการฝึกฝนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม โดยคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของกัมพูชาในระหว่างปี 2019-2040 ซึ่งคาดว่าการใช้พลังงานหลักทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากการคาดการณ์ความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกัมพูชาสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศระบุว่าการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการนำกัมพูชาไปสู่สังคมสถานะพลังงานสะอาด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50783204/achieving-energy-efficiency-crucial-to-kingdoms-economy/

กัมพูชาเร่งศึกษาด้านพลังงานรองรับนโยบาย “Kingdom’s industry 4.0”

ในขณะที่กัมพูชากำลังก้าวเข้าสู่โลกของอุตสาหกรรม 4.0 ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ากุญแจสำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศคือพลังงานและทรัพยากรมนุษย์ที่ถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยสังเกตว่าความต้องการพลังงานสะอาดกำลังเพิ่มขึ้นและด้วยความต้องการดังกล่าวจะทำให้ความต้องการพนักงานที่มีทักษะพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันกัมพูชาค่อนข้างล้าหลังในเรื่องพลังงานหมุนเวียน เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและเวียดนาม ทั้งกัมพูชายังไม่มีแผนงานหรือนโยบายที่แท้จริงในการพัฒนาศักยภาพทางด้านนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/782455/education-on-energy-is-key-to-kingdoms-industry-4-0-future/

บริษัทจัดการด้านพลังงานระดับโลกลงสนามอุสาหกรรมพลังงานภายในกัมพูชา

บริษัทจัดการพลังงานระดับโลก Eaton ประกาศว่าได้ร่วมมือกับ One Stop Solution Electric (OSS) ในฐานะตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตสำหรับผลิตภัณฑ์จัดการด้านพลังงานไฟฟ้าแรงต่ำที่จะจำหน่ายในตลาดกัมพูชา โดยความร่วมมือนี้จะเริ่มต้นในเดือนนี้และจะช่วยในการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ และสร้างความน่าเชื่อถือสำหรับภาคการก่อสร้างที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมทั้งรัฐบาลกัมพูชามีเป้าหมายที่จะขยายและนำส่งกระแสไฟฟ้าไปยังทั่วทั้งประเทศในอนาคต ซึ่ง OSS จะเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของซีรี่ส์ Moeller ของ Eaton ในช่วงแรงดันไฟฟ้าต่ำ เช่น เบรกเกอร์ขนาดเล็กและอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก โดยถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานการจัดการพลังงานของอาคาร ซึ่งผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดไฟฟ้าในท้องถิ่นมีการเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2010 เนื่องจากรายงานความก้าวหน้าด้านพลังงานของธนาคารโลกที่เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่ากัมพูชาใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 8 ต่อปีตั้งแต่ปี 2010

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50779435/power-management-company-enters-market-promoting-reliability/

รัฐบาลสร้างกองทุนเพื่อส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน

รัฐบาลได้จัดตั้งกองทุนเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาพลังงานหมุนเวียนท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการใช้ไฟฟ้า ในสปป.ลาว นายกรัฐมนตรี Thongloun Sisoulith ได้รับรองพระราชกฤษฎีกานายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนทางกฎหมายสำหรับการจัดตั้งและการดำเนินงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาพลังงานสปป.ลาว โดยกองทุนนี้บริหารงานโดยกระทรวงพลังงานและการเหมืองซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจาก 5 กระทรวงและธนาคารแห่งสปป. ลาวเป็นผู้กำหนดนโยบายจุดมุ่งหมายของโครงการนี้คือการให้เงินกู้เพื่อการส่งเสริมและพัฒนาพลังงานหมุนเวียนโดยเฉพาะการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เชื้อเพลิงชีวภาพและก๊าซ ซึ่งโครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กจะได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนทางการเงินผ่านกองทุนนี้ นอกจากนี้กองทุนจะจัดหาเงินทุนสำหรับการขยายการจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่ชนบทเพื่อการเกษตรและการส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เงินทุนบ้างส่วนยังนำไปใช้ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สร้างความตระหนักรู้ในด้านการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt196.php

เวียดนามจะซื้อไฟฟ้าเพิ่มจากเพื่อนบ้านรวมถึงลาว: รายงาน

เวียดนามคาดว่าจะซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านอย่างสปป.ลาว กัมพูชาและจีนเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นของประเทศ นับจากนี้จนถึงปี 2573 เวียดนามอาจซื้อไฟฟ้าจากสปป.ลาว 14GW (14,000MW) จากจีน 3.8GW และ 4GW จากกัมพูชาตามรายงานของไซง่อนไทม์ส กระทรวงพลังงานและการเหมืองแร่ของสปป.ลาวกล่าวว่ารัฐบาลของทั้งสองประเทศได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อที่จะวางแผนเพิ่มการนำเข้าไฟฟ้าจากสปป.ลาว 5,000 เมกะวัตต์ในปี 2569-2573 ไฟฟ้าส่วนใหญ่นำเข้าจากพื้นที่ทางตอนเหนือ – กลางภาคกลางและพื้นที่ที่ราบสูงตอนกลาง โดยคาดว่าภูมิภาคเหล่านี้จะขาดแคลนไฟฟ้าหลังปี 2568 ทำให้รัฐบาลเวียดนามเพิ่มแหล่งจ่ายไฟจากภาคใต้และจากประเทศอื่น ๆ ซึ่งหนึ่งในปัญหาของการขาดแคลนไฟฟ้ามาจากการขาดแคลนน้ำที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้านั้นเอง เวียดนามเป็นหนึ่งในห้าประเทศที่สปป.ลาวขายไฟฟ้าให้เยอะที่สุด ปริมาณไฟฟ้าที่สปป.ลาวส่งออกในช่วง 5 ปีตั้งแต่ปี 2559-2563 สูงถึง 129,605 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงมูลค่า 7,203 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 164 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ จุดนี้เองเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สปป.ลาวหันมามุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าเพื่อก้าวสู่การเป็น แบตเตอรี่แห่งเอเชี่ยตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Vietnam_195.php

พลังงานแสงอาทิตย์ยังคงมีความสำคัญกว่าการนำขยะมาผลิตพลังงานในกัมพูชา

โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 30 เมกะวัตต์ในจังหวัดโพธิสัตว์ ได้เริ่มผลิตไฟฟ้าให้กับกริดแห่งชาติโดยมีโครงการที่ได้รับอนุมัติอีกสามโครงการที่จะผลิตพลังงานในปลายปี 2020 แต่สิ่งนี้ยังคงมีคำถามเกี่ยวกับการที่จะนำขยะภายในท้องถิ่นมาเข้าขบวนการเปลี่ยนเป็นพลังงาน หรือที่เรียกันว่าพลังงานขยะ (WTE) ยังไม่ถูกนำมาใช้ ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 140 เมกะวัตต์จะแล้วเสร็จใน 4 จังหวัดทั่วกัมพูชาภายในสิ้นปี 2020 โดยพลังงานแสงอาทิตย์เป็นทิศทางที่กัมพูชากำลังดำเนินไปในแง่ของพลังงานหมุนเวียนในขณะนี้แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการศึกษาความเป็นไปได้ของโรงไฟฟ้าขยะชุมชนก็ตาม ซึ่งอัตราค่าไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะอยู่ที่ประมาณ 0.14 ถึง 0.15 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงที่ขายให้กับ Electricite du Cambodge (EDC) และอัตราค่าไฟฟ้าจากเขื่อนพลังน้ำอยู่ที่ 0.06 ถึง 0.07 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ และจากโรงไฟฟ้าถ่านหินประมาณ 0.08 เหรียญต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ตามรายงานของกระทรวงสิ่งแวดล้อมมีการรวบรวมและส่งขยะมูลฝอยกว่า 1.7 ล้านตัน ไปยังที่ทิ้งขยะซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยขยะมูลฝอยคิดเป็นร้อยละ 51 ของขยะทั้งหมดในปี 2561

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50766293/solar-still-beats-waste-to-energy/

ภาคอุตสาหกรรมในกัมพูชาส่งเสริมด้านพลังงานที่ยั่งยืน

สมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าแห่งกัมพูชา ร่วมกับ Global Green Growth Institute (GGGI) และ GERES กลุ่มเพื่อสิ่งแวดล้อมด้านพลังงานทดแทนและความเป็นปึกแผ่นซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ตั้งขึ้นในเมืองมาร์เซย์ตั้งแต่ในปี 1976 กำลังร่วมกันดำเนินโครงการที่เรียกว่า การส่งเสริมการปฏิบัติด้านพลังงานอย่างยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมเสื้อผ้า หรือที่เรียกว่าโครงการ “Switch Garment in Cambodia” โดยโครงการ Switch Garment ได้รับทุนจากสหภาพยุโรปเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งอายุโครงการอยู่ที่ 48 เดือน มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตเสื้อผ้าให้เกิดยั่งยืนในกัมพูชา โดยเพิ่มการลงทุนในแนวทางปฏิบัติด้านพลังงานที่ยั่งยืน ด้วยโครงการนี้จะแก้ปัญหาอุปสรรคที่ขัดขวางในด้านการลงทุนและการนำแนวทางปฏิบัติด้านพลังงานที่ยั่งยืนมาใช้และพัฒนากลไกที่เป็นนวัตกรรมสู่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตสิ่งทอในกัมพูชา ซึ่งหวังว่าโครงการนี้จะช่วยให้โรงงานสามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและค่าน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งหวังว่าโครงการนี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณร้อยละ 17 จากอุตสาหกรรมสิ่งทอ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50763442/industry-to-promote-sustainable-energy/

สิงคโปร์รุกตลาดพลังงานไฟฟ้าความร้อนจากถ่านหินที่แขวงเซกอง สปป.ลาว

บริษัท Evolution Power Investment Corporation (EPIC) และ บริษัท Kuounmixay Bridge and Road Construction and Repair Company (KMX) ซึ่งเป็นบริษัทกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ระหว่างสิงคโปร์กับ สปป.ลาว ลงนามบันทึกความเข้าใจกับรัฐบาล สปป.ลาว เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงผลิตไฟฟ้าพลังงาน ความร้อนจากถ่านหินสะอาดที่เมืองดากจึง สปป.ลาว โครงการดังกล่าว มีมูลค่า 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 1,000 เมกะวัตต์ เพื่อส่งไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ ไทย เวียดนามและกัมพูชา โดยคาดว่าการก่อสร้างโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2570และการเกิดขึ้นของโครงการดังกล่าวจะเป็นส่วนช่วยในขยายตัวเศรษฐกิจสปป.ลาวได้อย่างมั่นคง

ที่มา : https://globthailand.com/laos-11082020/

ความต้องการด้านพลังงานของกัมพูชาลดลงในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020

ความต้องการด้านพลังงานลดลงในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2020 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้โรงงาน สิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว รวมถึงโรงแรมต้องปิดตัวลงส่งผลให้การใช้พลังงานภายในประเทศลดลง โดยการใช้พลังงานตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายนเฉลี่ยอยู่ที่ 33 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันแหล่งจ่ายไฟทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 1,700 เมกะวัตต์ ลดลงจาก 1,900 เมกะวัตต์ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ถึงอย่างไรดังรายงานของกระทรวงฯพบว่าการจ่ายไฟเพิ่มขึ้นจาก 2,635 เมกะวัตต์ ในปี 2018 สู่ 3,382 เมกะวัตต์ ในปี 2019 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50755733/cambodias-energy-demand-drops-in-h1-of-2020/

ญี่ปุ่นร่วมลงทุนในภาคพลังงานของกัมพูชา

บริษัท พลังงานหมุนเวียนของญี่ปุ่นสองแห่งวางแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแกลบและแผงโซลาร์เซลล์ในประเทศกัมพูชา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยของแหล่งจ่ายพลังงานปกติของกัมพูชา ซึ่งรายงานโดยสำนักข่าวญี่ปุ่น NNA กล่าวว่าทั้งสอง บริษัท คือ Aura Green Energy Co และผู้ให้บริการระบบแผงเซลล์แสงอาทิตย์ WWB Corp. ได้ร่วมมือกันเพื่อเปิดตัวธุรกิจผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานโดยใช้ชีวมวลและพลังงานแสงอาทิตย์ในกัมพูชาภายในปี 2564 โดยการลงทุนในพลังงานทดแทนเช่นพลังงานเชื้อเพลิงแกลบจะช่วยให้ผู้ผลิตข้าวลดต้นทุนลง ซึ่งธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ในปี 2562 อนุมัติเงินกู้ 7.64 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างสวนพลังงานแสงอาทิตย์ 100 เมกะวัตต์ (mW) ในประเทศกัมพูชาเพื่อช่วยในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและกระจายพลังงานให้ทั่วถึงไปยังชุมชนมากขึ้น รวมถึงเป็นการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันอีกด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50718101/japan-jumps-in-on-energy/