สปป.ลาวดึงดูดการลงทุนมูลค่า 36 พันล้านเหรียญสหรัฐฯจากนักลงทุนต่างประเทศ

รัฐบาลได้อนุมัติโครงการการลงทุนมากกว่า 6,000 โครงการและจะมีการระดมทุนรวม 36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กระทรวงการวางแผนและการลงทุนซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการบริหารการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนเปิดเผยตัวเลขล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2532-2562 จำนวนโครงการลงทุนทั้งหมดมีมูลค่ารวม 36.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากสถิติพบว่าจีนเป็นนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนมูลค่าสูงที่สุดโดยมีโครงการรวมทั้งสิ้น 862 โครงการมูลค่าการลงทุนรวมกัน 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาจะเป็นประเทศไทยและเวียดนามมีมูลค่าการลงทุน 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและ 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ ในอนาคตรัฐบาลจะออกนโยบาบที่จะช่วยส่งเสริมการลงทุน รวมถึงการปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจและทำให้ธุรกิจต่างๆ ดำเนินงานในสปป.ลาวได้ง่ายขึ้นและเพื่อปรับปรุงสถานการณ์สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่กระทรวงการวางแผนและการลงทุนได้จัดตั้งบริการแบบครบวงจรเพื่อให้นักธุรกิจได้รับอนุญาตการลงทุนรวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจได้สะดวกขึ้นเพื่อเป็นการสร้างบรรยายกาศที่ดีด้านการลงทุนในประเทศ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos.php

การค้าระหว่างสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 35% ในไตรมาสที่ 1

ข้อมูลด้านการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสหรัฐอเมริกามีมูลค่าอยู่ที่ราว 1.678 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรกของปี 2563 เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วตามข้อมูลการค้าของรัฐบาลสหรัฐ โดยการส่งออกของกัมพูชาประกอบด้วย 1.594 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 42% ในขณะที่การนำเข้าของกัมพูชาอยู่ที่ 85 ล้านดอลลาร์ลดลง 30% จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา ซึ่งพบว่าการส่งออกในประเทศส่วนใหญ่เป็นสินค้าสิ่งทอ รองเท้า สินค้าการท่องเที่ยวและสินค้าเกษตร การนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่เป็นยานพาหนะอาหารสัตว์และเครื่องจักร โดยรองประธานหอการค้ากัมพูชากล่าวว่าตัวเลขการค้าสะท้อนให้เห็นถึงกิจกรรมการผลิตที่เพิ่มขึ้นในกัมพูชาเพื่อการส่งออก เนื่องจากอีกปัจจัยหนึ่งคือระบบ GSP ของสหรัฐอเมริกาที่ได้ให้กับกัมพูชาในปี 2559 เพื่อการส่งออกของ สินค้าการท่องเที่ยว เช่นกระเป๋าและกระเป๋าถือได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามที่สมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าในกัมพูชา (GMAC) โดย 80% ของมูลค่าสินค้าการท่องเที่ยวมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ ถูกส่งไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว

ที่มา: https://www.khmertimeskh.com/50720675/us-trade-up-35-in-q1/

Covid-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าในกัมพูชากว่า 130 แห่ง

อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าของกัมพูชาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของ COVID-19 อย่างต่อเนื่องกับการส่งออกที่ได้รับผลกระทบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกล่าวว่ามีโรงงานถึง 130 โรงงานที่ยื่นขอให้ระงับการผลิตและส่งผลกระทบต่อแรงงานกว่า 100,000 ราย ซึ่งสำหรับไตรมาสที่สองของปีนี้การส่งออกเสื้อผ้าและรองเท้าจะลดลง 50 ถึง 60% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในปัจจุบันกัมพูชายังไม่ได้รับคำสั่งซื้อใดๆ จากผู้ซื้อในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนรวมถึงในอนาคตอันใกล้ ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าการส่งออกเสื้อผ้าและรองเท้าจะได้รับผลกระทบอย่างหนักในไตรมาสที่สองของปีนี้ สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางการตลาดหลักสำหรับการส่งออกเสื้อผ้าของกัมพูชาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ CoVid-19 ด้วย โดยรัฐบาลและเจ้าของโรงงานตกลงที่จะให้ค่าจ้างขั้นต่ำ 70 เหรียญสหรัฐต่อเดือนสำหรับพนักงานที่ถูกระงับแต่ละราย ซึ่งรัฐบาลให้เงินสนับสนุน 40 เหรียญสหรัฐส่วนที่เหลืออีก 30 เหรียญสหรัฐจะเป็นภาระของเจ้าของโรงงาน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50717977/coronavirus-takes-its-toll-on-garment-industry-with-130-factories-suspending-operations-affecting-100000-workers/

เวียดนามคาดไตรมาสแรก ยอดส่งออกกุ้งพุ่งไปยังสหรัฐฯ ญี่ปุ่น

อุตสาหกรรมกุ้งเวียดนามในตลาดสำคัญสดใส ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดนเฉพาะตลาดญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา แม้ว่าอยู่ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 สมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) กล่าวว่า ญี่ปุ่นติด 5 อันดับแรกของตลาดส่งออกกุ้งรายใหญ่ของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 21 ของมูลค่าส่งออกกุ้งรวม หลังจากในเดือนก.พ. ส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวพุ่งขึ้นร้อยละ 63 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ขยับขึ้นเป็นตลาดส่งออกกุ้งอันดับ 2 ของเวียดนามในไตรมาสแรก เนื่องจากมีความต้องการอาหารจำเป็นเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน รวมถึงกุ้งด้วย ท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัส ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนแรก เวียดนามส่งออกกุ้งไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่า 115.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน นับว่าเป็นการขยายตัวสูงที่สุดในบรรดาตลาดส่งออกสำคัญ อย่างไรก็ตาม ตลาดส่งออกอื่นๆ กลับมีมูลค่าลดลง ได้แก่ สหภาพยุโรป เกาหลีใต้และจีน เป็นต้น ถึงแม้ว่าไม่ทราบความชัดเจนเมื่อไรการระบาดจะสิ้นสุดลง แต่ความต้องการกุ้งทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลกยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-sees-high-shrimp-export-growth-to-us-and-japan-in-q1/172232.vnp

ดอน เตรียมร่วมประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐ รับมือโควิด

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันพฤหัสบดีที่ 23 เม.ย. 2563  เวลา 08.00 – 10.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของลาว ในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐ จะเป็นประธานการประชุมร่วมกับนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ทั้งสองฝ่ายจะเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศอย่างโปร่งใสและทันท่วงที การเสริมสร้างขีดความสามารถในการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขโดยใช้กลไกด้านสาธารณสุขที่อาเซียนมีบทบาทนำ อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมนั้น รมว.ต่างประเทศลาว และสหรัฐ ในฐานะประธานร่วมของการประชุมจะออกแถลงการณ์ร่วม เพื่อสะท้อนเจตนารมณ์ที่อาเซียนและสหรัฐ จะร่วมมือกันรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านสาธารณสุขและเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในอนาคตด้วย

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/877160?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=foreign

การค้าระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 33% สู่ 585 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมกราคม

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสหรัฐอเมริกามีมูลค่าอยู่ที่ 585 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมกราคม 2563 เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตัวเลขรายงานจากสำนักงานการค้าของสหรัฐฯแสดงให้เห็นว่าการส่งออกของกัมพูชาไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 38% เป็น 560 ล้านเหรียญสหรัฐในขณะที่การนำเข้าจากสหรัฐฯอยู่ที่ 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลงจาก 34.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาพบว่าสินค้าส่งออกของกัมพูชาส่วนใหญ่ที่ส่งไปยังสหรัฐอเมริกา ได้แก่ สิ่งทอ รองเท้า สินค้าการท่องเที่ยวและสินค้าเกษตร ขณะที่สหรัฐฯส่งออกยานพาหนะ อาหารสัตว์และเครื่องจักรเป็นส่วนใหญ่ ในปี 2562 การค้าระหว่างประเทศมีมูลค่าอยู่ที่ 5.8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50708596/cambodia-u-s-trade-volume-up-by-33-percent-to-us585-million-in-january/

สหรัฐฯ ดึงดูดการลงทุนของเวียดนามสูงสุด ในช่วง 3 เดือนแรก

เวียดนามลงทุนไปยังต่างประเทศ ด้วยมูลค่า 49.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 สหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่มีมูลค่าการลงทุนของเวียดนามไปยังต่างประเทศสูงที่สุด โดยเวียดนามมีโครงการจดทะเบียนการลงทุน 78 โครงการ ด้วยมูลค่า 22.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ โครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนจำนวน 6 โครงการ ด้วยมูลค่า 26.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสาขาธุรกิจที่ได้รับการลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจบริการด้านที่พักและอาหาร มูลค่า 14.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29.9 ของการลงทุนทั้งหมดโดยมาจากบริษัทเวียดนาม รองลงมาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และด้านการผลิต ซึ่งในช่วงไตรมาสแรก สหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้รับทุนรายใหญ่ที่สุดจากเวียดนาม มูลค่า 20.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40.8 ของการลงทุนทั้งหมด รองลงมาสิงคโปร์และกัมพูชา ทั้งนี้ จากข้อมูลของหน่วยงานการลงทุนในต่างประเทศ ระบุว่าในเดือนม.ค.-มี.ค. เวียดนามมีโครงการจดทะเบียนใหม่ 758 โครงการ ด้วยมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในแง่ของเงินทุนโครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุน 230 โครงการ มูลค่า 1.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วยร้อยละ 82 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/us-attracts-most-vietnamese-investment-in-three-months/170914.vnp

เวียดนามส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์พุ่งสูงขึ้นไปยังสหรัฐฯ ในช่วง 2 เดือนแรก

จากรายงานของกรมศุลกากร เผยว่าเวียดนามส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปยังสหรัฐฯ ด้วยปริมาณอยู่ที่ 17,900 ตัน คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 126.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21, 3.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยราคาส่งออกเฉลี่ยของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในช่วง 2 เดือนแรก อยู่ที่ 7,046 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับตลาดสหรัฐฯ เนเธอแลนด์และจีนยังคงเป็นตลาดส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ทั้งนี้ สมาคมเม็ดม่วงหิมพานต์เวียดนาม ระบุว่าอุตสาหกรรมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของเวียดนาม คาดว่าจะได้รับความลำบากในการส่งออกช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสินค้าล้นตลาด ซึ่งการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว มีความเสี่ยงหลายประการด้วยกันและเกิดความผันผวนของตลาดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ทางหน่วยงานแนะนำให้ผู้ประกอบการประเมินอย่างรอบด้านก่อนที่จะทำสัญญาซื้อเม็ดมะม่วงหิมพานต์(ดิบ) โดยไม่มีทางออก และควรติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แผนการผลิตเป็นไปอย่างเหมาะสมและตั้งเป้าแผนธุรกิจในปีนี้ รวมถึงแนะนำให้อุตสาหกรรมในประเทศพัฒนาคุณภาพต่อเนื่องและค่อยปรับปรุง/ซ่อมแซ่มเครื่องจักร อุปกรณ์ เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/654034/viet-nams-cashew-exports-to-us-up-in-two-months.html

เวียดนามยังคงนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลของกรมศุลกากร เปิดเผยว่าสหรัฐอเมริกาเป็น 1 ในแหล่งวัตถุดิบรายใหญ่ที่สุดจากเวียดนาม และมีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่แล้ว พบว่ามูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 14.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 18  รวมถึงคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบด้วยมูลค่า 14.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกเพิ่มขึ้นร้อยละ 84.3 ด้วยมูลค่า 826.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ การนำเข้าสินค้าอื่นๆ เริ่มต้นเพิ่มขึ้นในช่วงปีนี้ ได้แก่ อาหารทะเลและวัตถุดิบอาหารเลี้ยงสัตว์ที่นำเข้าทำให้ราคาลดลง เป็นผลมาจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ทางผู้อำนวยการบริษัทเทรดดิ้งอาหารทะเลระหว่างประเทศ ระบุว่าการส่งออกล็อบสเตอร์ของสหรัฐฯไปยังจีนลดลง เนื่องมาจากราคาสินค้าและทำให้ต้องนำเข้าจากเวียดนามพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้คนไม่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้านเท่าไรนัก เนื่องจากความกังวลต่อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้อุปทานของภัตตาคารลดลง แต่ในทางกลับกัน จำนวนผู้คนที่ทำอาหารในบ้านเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vn-imports-of-us-goods-continue-to-rise-411376.vov

สหรัฐอเมริกาสนับสนุนงบประมาณแก่สปป.ลาวในการป้องกัน Covid-19

รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้สนับสนุนงบประมาณ 1.9 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในการช่วยเหลือสปป.ลาว .ในการป้องกันการแพร่กระจายของ Covid-19 และยังมีการพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุขของสปป.ลาวเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านสาธารณสุขมากขึ้น โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมโรคติดต่อสหรัฐฯ (DCDC)และกระทรวงสาธารณสุขสปป.ลาวภายใต้การสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลก (WHO) อีกด้วย ทำให้การดำเนินการดังกล่าวมีประสิทธิภาพ ในปัจจุปันนอกจากปัญหาเรื่องความยากจนที่เป็นปัญหาเรื้อรังของสปป.ลาวที่กำลังเผชิญอยู่ ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างที่ต้องได้รับการแก้ไขคือปัญหาการเข้าถึงระบบสาธารณสุขต่างๆ ของสปป.ลาวที่ในปัจจุบันมีประชากรมากกว่าร้อยละ 50 ที่ได้รับการรักษาที่ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นการได้รับเงินสนับสนุนดังกล่าวไม่เพียงเป็นการช่วยสนับสนุนการป้องกันไวรัส Covid-19 แต่จะทำให้ระบบสาธารณสุขของสปป.ลาวมีความั่นคงและประสิทธิภาพมากขึ้น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_USA_53.php