บริษัท Greengoods สนับสนุนแนวปฏิบัติทางการเกษตรสมัยใหม่ในสปป.ลาว

นักศึกษาคณะเกษตร สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว (NUOL) และเกษตรกรจะได้รับบทเรียนและฝึกปฏิบัติด้านการเกษตรสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเกษตร โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทโซลูชั่นด้านการเกษตรจาก บริษัท กรีนกู๊ดส์ จำกัด ประเทศเกาหลีใต้ การเข้ามาช่วยเหลือของเกาหลีใต้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตทางการเกษตร และที่สำคัญที่สุดคือเปลี่ยนการผลิตทางการเกษตรแบบเดิมให้กลายเป็นวิธีปฏิบัติทางการเกษตรสมัยใหม่

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Greengoods221.php

รถไฟ‘ลาว-จีน’ใกล้เปิดหวูด ไทยวางยุทธศาสตร์รองรับค้าผ่านแดน

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้ร่วมประชุมวางแผนงานและบูรณาการแผนงานของทั้งสองหน่วยงานร่วมกัน เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าจีน – ลาว – ไทย จากรถไฟจีน – ลาว ผ่านสะพานมิตรภาพไทย – ลาว (หนองคาย-เวียงจันทน์) ซึ่งการเปิดให้บริการขบวนรถไฟขนส่งสินค้าข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ถือเป็นความสำเร็จในการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระบบรางของทั้ง 2 ประเทศเข้าด้วยกัน ซึ่งสอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศในการสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง นอกจากนี้เป็นการรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าข้ามแดนระหว่างไทย-ลาว ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากการเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง สปป.ลาว-จีน วันที่ 2 ธ.ค.ปีนี้

ที่มา : https://www.naewna.com/business/614387

รัฐบาลสปป.ลาวให้คำมั่นที่จะกระจายแหล่งพลังงานเพื่อลดการนำเข้า

รัฐบาลให้คำมั่นว่าจะกระจายแหล่งพลังงานโดยการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในฤดูแล้ง การพัฒนาเหล่านี้จะสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลในการเพิ่มปริมาณการส่งออกพลังงาน และลดปริมาณการนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาวมีศักยภาพมหาศาลในการผลิตพลังงานจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ แสงอาทิตย์ และพลังงานลมเพื่อจำหน่ายให้กับไทย เวียดนาม และกัมพูชา ณ ปี 2020 สปป.ลาวมีแหล่งพลังงาน 82 แหล่ง โดยมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมมากกว่า 10,000 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ความท้าทายหลักคือโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่มีศักยภาพประมาณ 1,500 เมกะวัตต์สูญเสียไปโดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำในช่วงฤดูฝนที่มีกระแสน้ำไหลสูง แต่ลาวต้องนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศไทยมากขึ้นในฤดูแล้ง ราคาที่ EDL จ่ายสำหรับไฟฟ้าที่นำเข้านี้ทำให้มีราคาแพงกว่าไฟฟ้าที่นำเข้าจาก กฟผ. เกือบสองเท่า นี้เป็นสาเหตุสำคัญในการที่สปป.ลาวจำเป็นอย่างยิ่งในการลดการนำเข้าเละเพิ่มผลลิตไฟฟ้าในประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_220_21.php

รัฐบาลสปป.ลาวดันธุรกิจกระตุ้นการผลิตให้ตลาดจีน

รัฐบาลเตรียมจัดการเจรจากับผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อกระตุ้นให้พวกเขาผลิตสินค้าที่ผู้ซื้อชาวจีนต้องการมากขึ้น แผนของรัฐบาลในการส่งเสริมการผลิตเชิงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับการรถไฟลาว-จีน ซึ่งมีกำหนดจะเปิดให้บริการในเดือนหน้า เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รัฐบาลจะจัดการเจรจากับหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจลงทุนและผลิตสินค้า 9 ประเภทได้แก่ โค ข้าว กล้วย มันสำปะหลัง ชา แตงโม ถั่ว และน้ำยางพารา ซึ่งรัฐบาลจีนได้ให้โควตาการส่งออกแก่ลาว การดำเนินการนี้จะช่วยลดข้อกำหนดขั้นตอนการส่งออก

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_to219.php

นายกฯ คาดนำเข้าวัคซีนโควิดเพิ่มอีกหลายล้าน ตั้งเป้าฉีดครอบคลุมร้อยละ 70

นายกรัฐมนตรีพันธุ์คำ วิภาวัณห์ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับรัฐสภาว่า “วัคซีนโควิด-19 หลายล้านโดส คาดว่าจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้เวียดนามสัญญาว่าจะบริจาควัคซีน 600,000 โดสให้ลาว ในขณะที่จีนซึ่งเป็นผู้ให้บริการวัคซีนชั้นนำของลาวจะให้ 2.5 ล้านโดส” ด้วยปริมาณใหม่เหล่านี้ จำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนจะไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสำคัญในความพยายามที่จะควบคุมการแพร่ระบาดโดยการสร้างภูมิคุ้มกันต่อผู้คนจากไวรัส ทั้งนี้รัฐบาลสปป.ลาวมุ่งมั่นที่จะฉีดวัคซีนให้มากถึง 70% ของประชากรผู้ใหญ่ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินเป้าหมายเดิมที่ตั้งอยู่ที่ร้อยละ 50 ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้เรียบร้อยแล้ว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PM_million_218.php

รัฐบาลสปป.ลาวเร่งกระตุ้นจีดีพี ลดเงินเฟ้อ

นักเศรษฐศาสตร์และสมาชิกสภานิติบัญญัติได้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ประโยชน์จากผลประโยชน์ที่ได้รับจากการรถไฟลาว-จีนเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากทางรถไฟได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งรัดโครงการฉีดวัคซีนและเปิดประเทศใหม่เพื่อลดผลกระทบจากการระบาดใหญ่ที่มีต่อเศรษฐกิจ ในปี 2565 รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP ไว้ที่ร้อยละ 4 และอัตราเงินเฟ้อที่ร้อยละ 5-7 อย่างไรก็ตาม ประธานคณะกรรมการวางแผน การเงิน และตรวจสอบของรัฐสภา และนักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ดร.ลีเบอร์ ลีบูเปา กล่าวกับที่ประชุมรัฐสภาว่ารัฐบาลจำเป็นต้องทบทวนตัวเลขเหล่านี้ “โดยหลักการแล้ว การเติบโตของ GDP จะต้องสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มเชิงบวกในการพัฒนาประเทศ หากอัตราเงินเฟ้อสูงกว่า GDP ก็หมายความว่าไม่มีการเติบโต”

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt217.php