“ตลาดรถยนต์เวียดนาม” โตพุ่ง 33% ปี 65

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) ระบุว่าในปี 2565 มียอดจำหน่ายรถยนต์อยู่ที่ 404,635 คัน เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 316,941 คัน เพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบปีต่อปี รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 82,714 คัน ลดลง 1.5% และรถยนต์รุ่นพิเศษ 4,980 คัน ลดลง 14% นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ที่ประกอบในประเทศ 226,487 คัน และรถยนต์นำเข้า 178,148 คัน เพิ่มขึ้น 30% และ 37% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามลำดับ ทั้งนี้ หากพิจารณาในเดือนธันวาคม พบว่ายอดจำหน่ายรถยนต์อยู่ที่ 35,301 คัน ลดลง 3% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า และลดลง 0.5% เดือนพฤศจิกายน สาเหตุมาจากความยากลำบากในการเข้าถึงสินเชื่อของธนาคาร และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องชะลอการซื้อ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/automobile-sales-increase-33-in-2022/246911.vnp

ตลาดค้าปลีกเวียดนาม ทะยาน 163.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อีก 5 ปีข้างหน้า

ตลาดค้าปลีกของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโต 11.4% ในช่วงปี 2565-2570 คิดเป็นมูลค่า 163.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงสูงขึ้นในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่อยู่กระจัดกระจาย การควบรวมและซื้อกิจการจำนวนมาก โดยผู้มีเล่นรายใหญ่เข้ามาควบรวมกิจการกับผู้ค้าปลีกรายย่อย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีทิศทางที่เติบโต เป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้มีการแข่งขันที่รุนแรงและมีโอกาสที่จะเข้าไปแย่งส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกของเวียดนาม ซึ่งใช้เครื่องมือที่หลากหลาย อาทิเช่น ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายของชำและร้านสะดวกซื้อ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-s-retail-market-to-rise-by-163-5-billion-over-next-five-years-2100000.html

“เวิลด์แบงก์” ประเมินเศรษฐกิจเวียดนาม ปี 2566 จะเติบโตอยู่ในระดับปานกลาง

ธนาคารโลก (WB) เปิดเผยรายงานแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจโลก ‘Global Economic Prospects’ ฉบับล่าสุด เปิดเผยว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม (GDP) จะขยายตัว 6.3% ในปี 2566 โดยสะท้อนให้เห็นจากปัจจัยบวกในปีที่แล้ว หลังจากเวียดนามประกาศยกเลิกข้อจำกัดการเดินทาง และเวียดนามยังได้รับอนิสงค์จากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนและภาคการส่งออก อย่างไรก็ตาม การส่งออกของเวียดนามไปยังตลาดสำคัญมีทิศทางที่ชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยิดเยื้อและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงสูงขึ้น อาจส่งผลให้การดำเนินธุรกิจทั่วโลกและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคถดถอยลงไปอีก

ที่มา : https://vir.com.vn/world-bank-says-vietnams-gdp-growth-to-moderate-in-2023-99184.html

“นักลงทุนต่างชาติ” ส่งสัญญากลับมาซื้อหุ้นเวียดนาม

แม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม (VN-Index) ปรับตัวลงแรง 33% ในปี 2565 แต่นักลงทุนต่างชาติได้อัดฉีดเงินทุนเข้าสู่ตลาดเมื่อเร็วๆนี้ ส่งผลให้ตลาดพริกกลับมาขยายตัวในรอบ 3 ปี และในช่วงสัปดาห์แรกของปี 2566 นักลงทุนต่างชาติได้อัดฉีดเงินเข้าตลาดหุ้นเวียดนาม จำนวนกว่า 1,720 พันล้านดอง ถึงแม้ว่าตลาดจะอยู่ในระดับทรงตัวก็ตาม โดยเงินทุนส่วนใหญ่ราว 95% อยู่ในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ทั้งนี้ ตามข้อมูลทางสถิติของตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ แสดงให้เห็นว่าในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน 12,000 พันล้านดอง เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ทำให้เม็ดเงินทุนรวมของตลาดหุ้นเวียดนาม ขยับสูงขึ้นอยู่ที่ 23,600 พันล้านดองเวียดนามในปี 2565

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/foreign-investors-return-to-vietnamese-stocks/

“เวียดนาม-จีน” กลับมาเปิดพรมแดนขนส่งผู้โดยสาร

เจ้าหน้าที่ขนส่งท้องถิ่น เปิดเผยกับสำนักข่าวว่าบริการขนส่งผู้โดยสารทางถนนระหว่างประเทศจีนและเวียดนาม เริ่มกลับมาให้บริการอีกครั้ง หลังจากระงับการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2563 โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 1,077 คน และเป็นผู้โดยสารขาเข้า-ขาออก 1,065 คน และ 12 คน ที่เดินทางผ่านด่านโหย่วอี้กวาในเมืองผิงเสียง ประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศจีนจะต้องรายงานผลการตรวจโควิด-19 ทราบผลภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบ นอกจากนี้ พื้นที่ชายแดนกว่างซี เริ่มกลับมาเปิดเส้นทางการขนส่งทางบกระหว่างประเทศจีนและเวียดนาม เพื่อให้บริการเชื่อมโยงเครือข่ายแบบจุดต่อจุดแก่ผู้โดยสาร

ที่มา : http://en.people.cn/n3/2023/0110/c90000-10193856.html

‘เวียดนาม’ แสดงจุดยืนร่วมมือระหว่างประเทศ

นับตั้งแต่เข้าร่วมองค์การค้าโลก (WTO) ในปี 2560 เวียดนามเข้าร่วมข้อตกลงทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีมากกว่า 500 ฉบับ รวมถึงข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) 7 ฉบับ รวมถึงยังสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศและดินแดนราว 230 แห่ง และปัจจุบันเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของ 17 ประเทศ ด้วยตำแหน่งและชื่อเสียงในระดับนานาชาติที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เวียดนามก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ในความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับความยากลำบากจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563-2565 แต่ยอดการนำเข้าและส่งออกของเวียดนาม สามารถบรรลุมูลค่าเป็นครั้งแรกเกินกว่า 700 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และขยับมาอยู่ที่ 732.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 9.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1448255/viet-nam-affirms-position-in-international-integration.html

‘นครโฮจิมินห์’ เผยเม็ดเงินทุนไหลเข้านิคมอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก พุ่ง 549 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามข้อมูลสถิติ แสดงให้เห็นว่าในปี 2565 มีเม็ดเงินทุนระลอกใหม่และการลงทุนเพิ่มเติมที่มีมูลค่ามากกว่า 549 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ไหลเข้าไปยังนิคมอุตสาหกรรมและการแปรรูปเพื่อการส่งออกนครโฮจิมินห์ (HEPZA) ซึ่งตัวเลขข้างต้นสูงกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้เกินกว่า 9.8% และนิคมอุตฯ เผยว่าเมืองโฮจิมินห์ได้เม็ดเงินทุนจากต่างประเทศ 196.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจากการลงทุนในประเทศ 352.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ คุณ Hua Quoc Trung ผู้อำนวยการของนิคมอุตฯ กล่าวว่าทิศทางของการดึงดูดการลงทุนมีแนวโน้มไปในเชิงบวกมากขึ้น นับตั้งแต่เวียดนามเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2565 ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักลงทุน ดังนั้น ผู้ประกอบการหลายรายจึงเข้ามาแสวงหาโอกาสจากนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ เนื่องจากเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าลงทุนและมีความปลอดภัยสำหรับนักลงทุนต่างชาติ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1448253/over-us-549-million-invested-in-hcm-city-s-export-processing-industrial-zones.html