สปป.ลาวเพิ่มความเข้มแข็งในการควบคุมชายแดนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากโควิด -19 ที่นำเข้า

รัฐบาลลาวได้สั่งการให้ทั่วประเทศเฝ้าระวังชายแดนอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด -19 ชาวสปป.ลาวที่ทำงานในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ สามารถกลับไปสปป.ลาวได้ แต่ต้องเข้าที่จุดผ่านแดนอย่างเป็นทางการเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองโควิด -19 การปิดชายแดนครั้งนี้ถึงแม้จะทำให้สปป.ลาวรับมือกับโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิแต่ผลเสียที่ตามมาคือเรื่องของการค้าชายแดนที่เป็นช่องทางหลักในการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยที่คิดเป็นมูลค่าการค้ากว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด การปิดชายแดนจะทำให้การขนส่งสินค้าเข้ามามีความล่าช้าและต้นทุนในการขนส่งที่สูงขึ้นซึ่งจะย้อนกลับมาสร้างผลกระทบแก่ค่าครองชีพสปปป.ลาว เนื่องจากสปป.ลาวพึ่งพาสินค้านำเข้าเป็นหลักภายในประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลจำเป็นต้องหาแนวทางแก้ไขควบคู่ไปกับมาตรกรป้องกันที่เข้มงวด

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/asiapacific/2021-05/17/c_139950983.htm

กัมพูชาเคาะปรับสีจังหวัดเขตพื้นที่สีแดงลดลง

รัฐบาลกัมพูชามีแผนที่จะปรับลดเขตพื้นที่สีแดงลงให้เหลือเพียงระดับครัวเรือน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเขตเมืองหลวงลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกรุงพนมเปญลดลงอย่างมากจาก 500 รายต่อวันก่อนหน้านี้ มาอยู่ที่ต่ำกว่า 200 รายต่อวัน โดยแผนการคลายล็อกดาวน์ดังกล่าวจะมีผลและถูกนำมาใช้ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม เมื่อมีการประกาศมาตรการบริหารจัดการใหม่กับโควิด-19 ในกรุงพนมเปญฉบับใหม่ ซึ่งยังสั่งให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นติดตามสถานการณ์ด้านสุขภาพและเสบียงอาหารของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ที่ถูกล็อกดาวน์ต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50857943/red-zones-to-be-minimised-to-households/

เมียนมาได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากต่างประเทศมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับ COVID-19

ญี่ปุ่นให้เงินช่วยเหลือฉุกเฉิน 45,000 ล้านเยนเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจของเมียนมาร์จากวิกฤติ COVID-19 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นได้ขยายการช่วยเหลือทางการเงินระหว่างการพบปะกับที่ปรึกษาแห่งรัฐนางอองซานซูจีที่เมืองเนปยีดอในวันที่ 24 สิงหาคม 63 ซึ่งจะประกอบด้วยงบประมาณช่วยเหลือฉุกเฉิน 30 พันล้านเยน และความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) อีก 1.5 หมื่นล้านเยนเพื่อช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงแผนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในเมียนมาและรักษาช่องทางที่ชัดเจนสำหรับการลงทุนของญี่ปุ่น จนถึงขณะนี้ญี่ปุ่นได้ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค ด้านการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ มูลค่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่เมียนมา การช่วงเหลือเพิ่มเติมเกิดขึ้นไม่นานหลังได้รับเงินกู้ 80 พันล้านจัตภายใต้โครงการริเริ่มระงับการให้บริการหนี้ (DSSI) ที่รับรองโดยธนาคารโลกและประเทศภายใต้ G20 DSSI ได้รับการรับรองในเดือนเมษายน 63 เพื่อตอบสนองต่อการเรียกร้องของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ให้ระงับการชำระหนี้แก่ประเทศที่ยากจนที่สุดเพื่อช่วยจัดการผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 จนถึงขณะนี้เมียนมายังได้รับเงินครึ่งหนึ่งของกองทุนมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ IMF จัดหาให้ในเดือนกรกฎาคม 63 เพื่อสนับสนุนเด้านศรษฐกิจส่วนที่เหลือจะได้รับในปีงบประมาณที่จะถึงนี้ นอกจากนี้รัฐบาลยังสามารถระดมทุนจากธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจก้าวไปข้างหน้า คาดการณ์ว่างบประมาณที่ใช้ไปจะขาดดุลงบประมาณที่ร้อยละ 5.41 ของ GDP ในปีนี้

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-receives-more-overseas-financial-support-combat-covid-19.html

EXIM Bank แนะผู้ประกอบการหาลู่ทางลงทุน RCEP พร้อมเตรียมกลยุทธ์รับมือตลาดเปิด มองอินเดียมีโอกาสกลับเข้าร่วมกลุ่ม

ฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ระบุ จบไปแล้วกับการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 35 ที่ประเทศไทยในฐานะประธานและเจ้าภาพการประชุมอาเซียนตลอดทั้งปี 2562 ซึ่งแม้ว่า RCEP จะยังไม่สำเร็จผลอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถคาดการณ์และมีเวลาในการเตรียมพร้อมเพื่อรุกโอกาสการค้าการลงทุนที่กำลังจะเกิดขึ้น ผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องเตรียมกลยุทธ์ให้พร้อม โดยเฉพาะด้านการลงทุนที่เปิดกว้างขึ้นจากความตกลง RCEP ซึ่งสำหรับผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการขยายการลงทุนไปต่างประเทศ ควรศึกษาลู่ทางและแสวงหาโอกาสลงทุนในประเทศสมาชิก RCEP โดยอาศัยจุดแข็งของประเทศนั้น อาทิ ความพร้อมด้านแรงงาน และทรัพยากรทางธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกิจการ โดยประเทศสมาชิก RCEP (ไม่รวมอินเดีย) มีขนาดเศรษฐกิจรวมกันถึง 24.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 29% ของขนาดเศรษฐกิจโลก ขณะที่มีประชากรรวมกันถึงราว 3.6 พันล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% ของจำนวนประชากรโลก

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/iq03/3063988