เวียดนามเผยกระทรวงฯ โต้ทุ่มตลาด จ่อเก็บภาษีน้ำตาลจากไทย

กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (MoIT) อนุมัติเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดน้ำตาลของไทยในอัตรา 33.88% อัตราภาษีดังกล่าวจะได้รับการทบทวนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่เป็นธรรม การตัดสินใจเรียกเก็บภาษีเกิดขึ้นหลังจากกระทรวงฯ เปิดการสอบสวนในเดือนกันยายน 2563 เพื่อพิจารณา หากว่าน้ำตาลที่นำเข้าจากไทยนั้น ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งต่อมาพบว่าธุรกิจไทยส่งออกน้ำตาลไปยังเวียดนามราว 1.3 ล้านตัน พุ่ง 330.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปริมาณการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลเสียหายต่ออุตสาหกรรมน้ำตาลของเวียดนาม ทำให้โรงงานแปรรูปน้ำตาลจำนวนมากต้องปิดกิจการชั่วคราวและปลดพนักงาน โดยทางกระทรวงฯ ระบุว่ามีคนตกงานมากถึง 3,300 คน และเกษตรกรกว่า 93,000 คนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว ดังนั้น ทางกระทรวงฯ และผู้ที่เกี่ยวข้อง จะทำการตรวจสอบข้อมูลและหารือ คาดว่าผลการสอบสวนจะสิ้นสุดในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/ministry-imposes-antidumping-tax-on-sugar-from-thailand/196207.vnp

เวิลด์แบงก์ชี้จีดีพีไทยปี’63 หดตัวกว่า 5% คาดตกงานและสูญเสียรายได้จากโควิด-19 กว่า 8.3 ล้านคน

นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยว่า ยอมรับเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากโควิด-19 โดยเวิลด์แบงก์คาดการณ์อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลในประเทศ (GDP) ปีนี้อาจหดตัวกว่า 5% และน่าจะใช้เวลามากกว่า 2 ปีกว่า ที่จะกลับสู่ระดับจีดีพีก่อนที่จะประสบปัญหาโควิด-19 การส่งออกคาดหดตัวประมาณ 6.3% ซึ่งเป็นการชะลอตัวลงรายไตรมาสที่แรงที่สุดในรอบ 5 ปี เนื่องจากความต้องการสินค้าไทยในต่างประเทศยังคงอ่อนแอ จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะลดลง 3.2% เนื่องจากมาตรการห้ามการเดินทางและรายได้ที่ลดลง ซึ่งจำกัดการใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยเฉพาะในไตรมาส 2/2563 ประกอบกับมีคนตกงานกระจายไปทั่ว และกระทบต่อครัวเรือนชนชั้นกลางไปถึงครัวเรือนที่ยากจน ภาคการท่องเที่ยวที่คิดเป็นสัดส่วน 15% ของจีดีพีได้รับผลกระทบอย่างมากจากการที่ไทยเกือบจะห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 “ประมาณการว่าไทยจะมีคนตกงานและสูญเสียรายได้จากโควิด-19 กว่า 8.3 ล้านคน ทำให้งานมากมายโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการมีความเสี่ยง ซึ่งจากรายงานยังพบอีกว่าจำนวนผู้ที่ไม่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือผู้ที่มีรายได้ต่อวันต่ำกว่า 5.5 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ตามภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อ) จะสูงขึ้นกว่าหนึ่งเท่าตัวจาก 4.7 ล้านคนในไตรมาสแรกเป็น 9.7 ล้านคนในไตรมาส 2/2563 โดยเฉพาะ สัดส่วนของคนที่ไม่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจในกลุ่มครัวเรือนชนชั้นกลางในภาคการผลิตและภาคบริการจะเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว จาก 6% เป็น 20%”

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/economics/news_4412170

เวียดนามเผยคนตกงานกว่า 5 ล้านคน เหตุโควิด-19 ระบาด

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สำนักงานส่งเสริมชีวิตคนพิการและสำนักงานกิจการทางสังคม มีการเข้าร่วมประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล เปิดเผยว่าธุรกิจหลายแห่งในเวียดนามระงับกิจการชั่วคราวหรือลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ลูกจ้างตกงานกว่า 5 ล้านคนทั่วประเทศ ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เหตุจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งจากการสำรวจ แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่เดือนม.ค.-เม.ย. สัดส่วนของคนตกงานอยู่ที่ร้อยละ 75.4 ของกลุ่มคนวัยทำงาน ถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี และธุรกิจส่วนใหญ่ในตลาดท้องถิ่นร้อยละ 86 ได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะตัวลูกจ้างที่อยู่ในธุรกิจการค้าปลีก โลจิสติกส์ บริการอาหารและท่องเที่ยว ที่ต้องถูกปลดออกหรือพักงาน ทั้งนี้ ในเดือนพ.ค. จำนวนพนักงานที่กลับมาทำงานต่อเพิ่มขึ้นราว 70,000-80,000 คน แต่ก็ยังคงเผชิญกับการท้าทายหลายด้าน เนื่องจากตลาดส่งออกยังคงซบเซา นอกจากนี้ เมื่อพิจาณาถึงสถานการณ์ต่างๆ ทางสำนักงานแรงงานดำเนินหาแนวทางแก้ไขปัญหาหลายด้านด้วยกัน เพื่อช่วยเหลือทั้งนายจ้างและลูกจ้าง รวมถึงหลีกเลี่ยงในการปลดคนออก

ที่มา : https://english.vov.vn/society/over-five-million-employees-lose-jobs-due-to-covid19-414512.vov