ผู้คนมากกว่า 84,000 คนต้องตกอยู่ในความยากจนเนื่องจากการแพร่ระบาด

สถิติระบุว่ามีผู้ว่างงาน 84,418 คนและประสบความยากลำบากทางการเงินอย่างรุนแรงทั่วประเทศอันเป็นผลมาจากการระบาดของโรคโควิด -19 รวมถึงหลายคนที่ถูกปลดออกจากงานในประเทศอื่นๆ รัฐบาลจะนำผลการสำรวจไปใช้ในการร่างมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ความช่วยเหลือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อบรรเทาความยากลำบากของผู้คนท่ามกลางข้อ จำกัด ในการเดินทางการจ้างงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัญหาดังกล่าวเป็นความท้าทายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาดังกล่าวเพื่อนำพาเศรษฐกิจสปป.ลาวสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงการแก้ปัญหาความยากจนที่เป็นปัญหาที่ภาครัฐให้ความสำคัญ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Funds101.php

รองผู้ว่าการแขวงจัดทำแผนแก้ไขปัญหาความยากจนของเด็ก

รองผู้ว่าการจาก 18 แขวงในสปป.ลาวได้มีการประชุมกัน ณ เมืองหลวงเวียงจันทน์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการ “Lao Generation 2030” ในที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับความมุ่งมั่นในการปฏิบัติโดยเฉพาะการพัฒนาข้อผูกพันตามบริบทที่มุ่งเน้นการลดความยากจนของเด็กในหลายมิติในระดับชาติผ่านแผนปฏิบัติการและงบประมาณ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรองประธานคณะกรรมาธิการแห่งชาติเพื่อความก้าวหน้าของสตรีแม่และเด็ก Mr.Alounkeo Kittikhoun กล่าวว่า“ เมื่อประเมินสถานการณ์โดยรวมในสปป.ลาวเราจะเห็นว่าประเทศมีความก้าวหน้าอย่างมากในการลดความยากจน ในช่วงทศวรรษ      ที่ผ่านมาข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าความยากจนทางการเงินปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 18 และจำนวนเด็กที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนเหล่านี้อยู่ที่ร้อยละ 17 เปอร์เซ็นต์อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายสิ่งที่เราต้องทำเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนของเด็กดังนั้นการประชุมครั้งนี้จึงมีความสำคัญเช่นเดียวกับแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในระดับแขวงทั้ง 18 แขวง” ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องจัดทำแผนเฉพาะสำหรับแต่ละแขวงและจัดสรรทรัพยากรเพื่อนำไปสู่การปฎิบัติได้จริงและเด็กเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด

ที่มา :    http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Deputy_229.php

สปป. ลาว: ความยากจนยังคงลดลง แต่ความคืบหน้าภายใต้การคุกคาม

สปป. ลาวมีความก้าวหน้าอย่างมากในการลดความยากจนในช่วง 25 ปีที่ผ่านมาโดยสัดส่วนของประชากรที่อาศัยอยู่ในความยากจนลดลงกว่าครึ่งหนึ่งจาก 46% ในปี 36 เป็น 18% ในปี 62 การค้นพบนี้มาจากรายงาน 2 ฉบับที่เผยแพร่โดย สำนักงานสถิติลาวและธนาคารโลก แต่ข่าวดีมาพร้อมกับข้อแม้: ผลประโยชน์บางส่วนจากความยากจนอาจถูกลบล้างไปได้จากผลกระทบของการระบาดของโควิด -19 ต่อเศรษฐกิจสปป.ลาว จากการสำรวจค่าใช้จ่ายและการบริโภคล่าสุดของสปป.ลาว (LECS) แสดงให้เห็นว่าอัตราความยากจนของประชากรในประเทศลดลง 6.3 % ในช่วง 6 ปีจาก 24.6% ในปี 56 เป็น 18.3% ในปี 62 หัวหน้าสำนักงานสถิติสปป.ลาวกล่าวว่า รายได้จากฟาร์มและการส่งเงินช่วยเหลือผู้คนในส่วนต่างๆของประเทศให้หลุดพ้นจากความยากจนเพิ่มขึ้น พื้นที่ชนบทได้ลดช่องว่างความยากจนกับเขตเมือง ปัจจัยหลายประการได้ชะลอการลดความยากจน โดยการหางานนอกภาคเกษตร ส่งผลให้ความไม่เท่าเทียมกันโดยรวมเพิ่มขึ้น ค่าจ้างเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 60 แต่หลายคนไม่สามารถเข้าถึงโอกาสจากการจ้างงานได้ ทั้งนี้ผลกระทบทางเศรษฐกิจของ COVID-19 เป็นความท้าทายอย่างยิ่งต่อความพยายามในการยุติความยากจน การระบาดสร้างแรงกดดันให้กับตลาดงานที่อ่อนแออยู่แล้ว ในขณะเดียวกันการกลับมาของแรงงานข้ามชาติโดยเฉพาะจากประเทศไทยทำให้การส่งเงินลดลงอย่างมาก รายงานการประเมินความยากจนคาดว่าความยากจนจะเพิ่มขึ้น 1.4 ถึง 3.1 % ในปี 63 ด้วยความท้าทายเหล่านี้จะต้องมีการแทรกแซงที่กว้างขวางโดยกำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มคนยากจนที่แตกต่างกันเพื่อฟื้นฟูการลดความยากจนในสปป. ลาว

ที่มา : https://moderndiplomacy.eu/2020/10/22/lao-pdr-poverty-continues-to-decline-but-progress-under-threat/

สปป.ลาวได้รับเงินทุนจากธนาคารโลกเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในชนบท

รัฐบาลได้กู้ยืมเงิน 22.5 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านธนาคารโลกในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโภชนาการและความยากจนซึ่งมีกรอบระยะเวลาตั้งแต่ปี 2563-2567 โดยกำหนดเป้าหมายชุมชนทางเหนือของสปป.ลาว นอกจากนี้รัฐบาลยังลงทุน 13 พันล้านกีบในโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรในหลวงน้ำทา หลวงพระบางสะหวันนะเขต สะระวัน เพื่อความยั่งยืนด้านผลผลิตทางเกษตรตามแผนยุทธศาสตร์ที่จะแก้ปัญหาความขาดแคลนด้านอาหารในสปป.ลาว ดังนั้นการได้รัยเงินช่วยเหลือจากธนาคารโลกจะเป็นแรงสนับสนุนอีกก้าวหนึ่งในการที่จะทำให้สปป.ลาวเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและมีความมั่นคงทางด้านอาหารในอนาคต

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-gov’t-taps-us225-million-world-bank-finance-tackle-rural-poverty-115094

รัฐบาลสปป.ลาวใช้ประโยชน์ด้านการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาความยากจน

เจ้าหน้าที่รัฐจะใช้ประโยชน์จากการศึกษาวิจัย เพื่อช่วยในการกำหนดแผนและเร่งการบรรเทาความยากจน ผลการวิจัยจะถูกนำมารวมและนำมาพิจารณาเมื่อจัดทำแผนลดความยากจนและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและป่าไม้ได้ริเริ่มแนวคิดการวิจัยเกี่ยวกับการลดความยากจนในชุมชนโดยคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมทีมนักวิจัยในการแก้ความยากจนในประเทศ โดยมีการสนับสนุนการเงินจากประเทศจีนในการสนับสนุนงานวิจัย ปัจจุบันสปป.ลาวมีกลุ่มคนยากจนมากถึง 8 แสนคนใน 10 แขวงทั่วประเทศก่อนหน้านี้ได้มีการช่วยเหลือจากรัฐบาลผ่าน ”กองทุนลดความยากจน” มีการใช้จ่ายเงินจำนวน 187 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อดำเนินกิจกรรมของกองทุนในระยะเวลา 16 ปี ผลของการดำเนินงานเป็นไปอย่างช้าๆ ดังนั้นการทำการศึกษาวิจัยอย่างจริงจังครั้งนี้จะนำมาซึ่งวิธีและแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดเพื่อปัญหาความยากจนที่อยู่กับสปป.ลาวมายาวนานจะได้ลดลงและหวังว่าจะหมดไปในอนาคต

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt277.php