ไทยเตรียมต้อนรับ 9 สายการบินใหม่ ในปี 2567

รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคนในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 27 ล้านคนในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากการเปิดตัวสายการบินใหม่ 9 สายการบิน โดยสายการบินใหม่ที่จะเริ่มดำเนินการ ได้แก่ Asian Aerospace Service, Siam Seaplane, Really Cool Air, Avanti Air Sarter, Landarch Airlines, Bangkok Helicopter Services, พัทยาแอร์เวย์, Asia Atlantic Airlines และ P80 Air แม้ว่าบางเที่ยวบินจะมุ่งเน้นไปที่เที่ยวบินระดับภูมิภาคและภายในประเทศ
แต่บางเที่ยวบินก็คาดว่าจะเพิ่มขีดความสามารถให้กับตลาดการบินของไทย ซึ่งอาจรวมถึงเส้นทางระหว่างประเทศด้วยสายการบินเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะสร้างงานและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2566 ท่าอากาศยานไทยมีผู้โดยสารประมาณ 100 ล้านคน และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีกเป็น 130 ล้านคนในปีงบประมาณ 2567 การคาดการณ์นี้บ่งชี้ถึงการกลับมาสู่ระดับผู้โดยสารที่ใกล้ก่อนการแพร่ระบาดในปี 2562 ทั้งนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการบินจะฟื้นตัวในปี 2567 สอดคล้องกับการคาดการณ์โดยรวมว่าอุตสาหกรรมการบินจะฟื้นตัวได้เกือบเทียบเท่าก่อนสถานการณ์โควิด การพัฒนานี้มีแนวโน้มที่จะมีส่วนสำคัญต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีหน้า

ที่มา: https://thainews.prd.go.th/en/news/detail/TCATG240102112437386

ไทยตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท ในปี 2567

รัฐบาลมุ่งเน้นส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้
3.5 ล้านล้านบาท ในปี 2567 ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยข้อมูลในปี 2566 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 27 ล้านคน นับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคม 2566 พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงถึง 27.25 ล้านคน นักท่องเที่ยวที่สำคัญมาจากมาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และรัสเซีย ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวในลำดับต้นๆ ของตัวเลขนักท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมา สำหรับปี 2567 รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวโดยเน้นสถานที่ยอดนิยมและไม่ค่อยมีคนรู้จัก โดยตั้งเป้ารายได้แบ่งเป็นการท่องเที่ยวในประเทศ 1 ล้านล้านบาท และการท่องเที่ยวต่างประเทศ 2.5 ล้านล้านบาท การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหอการค้าไทยกำลังส่งเสริมจังหวัดแพร่ ลำปาง และนครสวรรค์ ในด้านศักยภาพการท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้ใช้ ททท. เน้นย้ำถึงผลกระทบเชิงบวกของนโยบายปลอดวีซ่าสำหรับประเทศต่างๆ เช่น คาซัคสถาน จีน และรัสเซีย โดยมีแผนจะขยายสิทธิประโยชน์ให้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศเหล่านี้ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวยังเรียกร้องให้รัฐบาลให้การสนับสนุนเพิ่มเติม เน้นย้ำถึงความสำคัญทางเศรษฐกิจของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาค เช่น นครราชสีมา ซึ่งขึ้นชื่อในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกถึงสามแห่ง

ที่มา: https://thainews.prd.go.th/en/news/detail/TCATG240101171841247

“ไวรัสอู่ฮั่น”คาดลากยาว6เดือน ธุรกิจท่องเที่ยวไทยกระทบหนัก

 พิษไวรัสอู่ฮั่นเขย่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก หวั่นสถานการณ์แพร่ระบาดลากยาว 3-6 เดือน กระทบทัวร์ “อินบาวนด์-เอาต์บาวนด์” ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง “โรงแรม-สายการบิน”ได้รับผลกระทบหนักหนัก ททท.ผวานักท่องเที่ยวหนีเอเชีย โดยไทยได้รับผลกระทบจากการที่ นักท่องเที่ยวจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวหลักยกเลิกทัวร์และการจองจากการแพร่ระบาดของไวรัส ผ่านมา ภาคเอกชนท่องเที่ยวได้ประชุมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อประเมินสถานการณ์ รวมถึงทำแผนเสนอมาตรการต่างๆ ในเบื้องต้นควรหันมากระตุ้นตลาดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเงินในประเทศ และเร่งทำตลาดท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศโดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ประเทศที่กำลังพัฒนานักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีกำลังซื้อที่มากขึ้นทำให้เป็นตลาดที่น่าสนใจที่จะมาชดชเยแทนนักท่องเที่ยวจีน รัฐบาลควรมมีมาตราการท่องเที่ยวเพื่อ พยุงสถานการณ์ในขนาดนี้ให้ผ่านพ้นไป และสิ่งสำคัญควรมีมาตราคัดกรองโรคและควบคุมที่เข้มงวดเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้มาเยือน

ที่มา: www.prachachat.net