เวียดนามคาดมูลค่าการส่งออก 300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานนำเข้า-ส่งออก เผยเวียดนามมีมูลค่าส่งออกในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 202 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สิ่งที่น่าสังเกต คือ ภาคเศรษฐกิจในประเทศของเวียดนามเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ อีกทั้งผลกระทบจากข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับอียู (EVFTA) ที่บังคับใช้เมื่อวันที่ 1 สิ.ค. ทำให้การส่งออกของเวียดนามเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ทั้งนี้ ในเดือนสิ.ค. เวียดนามมีมูลค่าการส่งออกไปสหภาพยุโรปอยู่ที่ 3.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.65 เมื่อเทียบกับเดือนก.ค. นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าได้ดำเนินการตามแผนส่งเสริมการค้าในปี 2563-2568 เพื่อส่งเสริมสินค้าให้มีประสิทธิภาพและมีความได้เปรียบทางการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงยังช่วยเหลือธุรกิจท้องถิ่นให้มีการส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและจีน เป็นต้น  

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-likely-to-earn-300-billion-usd-in-exports-this-year/188033.vnp

เวียดนามยังคงนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลของกรมศุลกากร เปิดเผยว่าสหรัฐอเมริกาเป็น 1 ในแหล่งวัตถุดิบรายใหญ่ที่สุดจากเวียดนาม และมีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่แล้ว พบว่ามูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 14.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 18  รวมถึงคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบด้วยมูลค่า 14.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกเพิ่มขึ้นร้อยละ 84.3 ด้วยมูลค่า 826.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ การนำเข้าสินค้าอื่นๆ เริ่มต้นเพิ่มขึ้นในช่วงปีนี้ ได้แก่ อาหารทะเลและวัตถุดิบอาหารเลี้ยงสัตว์ที่นำเข้าทำให้ราคาลดลง เป็นผลมาจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ทางผู้อำนวยการบริษัทเทรดดิ้งอาหารทะเลระหว่างประเทศ ระบุว่าการส่งออกล็อบสเตอร์ของสหรัฐฯไปยังจีนลดลง เนื่องมาจากราคาสินค้าและทำให้ต้องนำเข้าจากเวียดนามพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้คนไม่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้านเท่าไรนัก เนื่องจากความกังวลต่อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้อุปทานของภัตตาคารลดลง แต่ในทางกลับกัน จำนวนผู้คนที่ทำอาหารในบ้านเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vn-imports-of-us-goods-continue-to-rise-411376.vov

รัฐบาลสปป.ลาวส่งเสริมการนำเข้า-ส่งออกสร้างบรรยากาศการค้าที่ดี

รัฐบาลสปป.ลาวจะมีการดำเนินนโยบายด้านการค้าในการลดอุปสรรคด้านการนำเข้าและส่งออกสินค้าโดยหวังว่าจะปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจให้ดีขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกิจให้ขยายตัวโดยมีเป้าหมายผู้ค้าในประเทศและต่างประเทศสามารถขนส่งสินค้าของพวกเขาผ่านสปป.ลาวไปยังประเทศที่สามได้ง่ายขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะมีการลดค่าธรรมเนียมการอนุญาตการนำเข้าและส่งออกอย่างน้อย 50%จากค่าธรรมเนียมเดิมและลดการค่าอนุมัติเอกสารการนำเข้าและส่งออก 30% โดยกรอบเวลาสำหรับการดำเนินโครงการคือปี 65 นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาคุณภาพของสินค้าที่จะนำเข้าหรือส่งออกโดยต้องมีใบอนุญาตนำเข้าและส่งออกจากทางการเพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้การค้าของสปป.ลาวเป็นไปในทางที่ดีขึ้นและสินค้าที่นำเข้าก็จะมีคุณภาพและเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt.php

แนวทางใหม่สำหรับการนำเข้า / ส่งออกสินค้าเกษตรในสปป.ลาว

 รัฐบาลได้ระบุประเภทของสินค้าและปริมาณของสินค้าเกษตรและพืชที่สามารถนำเข้าและส่งออกผ่านด่านศุลกากรสปป.ลาว ภายใต้แนวทางใหม่ทุกครัวเรือนควรมีเครื่องมือและเครื่องจักร เช่น รถแทรกเตอร์ ปั๊มมอเตอร์ เครื่องบดอาหาร มอเตอร์หมุน และโรงสีข้าว หนึ่งคนอาจนำเข้าหรือส่งออกสินค้าเกษตรและพืชต่อวัน ดังนี้ เมล็ดข้าวโพดหวาน 10 กก. เมล็ดพืช 200 กรัม  เมล็ดถั่ว 5 กก. สปอร์เห็ด 10 ขวด เห็ดสด 5 กก. ปุ๋ยเคมี 2 กระสอบ สมุนไพร 5 กก. ผลไม้สด 10 กก. ไม่ประดับหรือต้นกล้า 10  ต้น ปริมาณสัตว์แปรรูปและผลิตภัณฑ์ประมงที่อนุญาตได้ต่อคนต่อสัปดาห์ 30 กก. อาหารทะเลสด 3 กก. อาหารทะเลแห้ง 2 กิโลกรัม เมล็ดหญ้าสำหรับอาหารสัตว์ 15 กก. และปลาขนาด 3-5 ซม. 500 ตัว แนวทางดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การจัดการการส่งออกและนำเข้าสินค้าเชิงพาณิชย์ที่ดีขึ้นตามกฎหมายและข้อบังคับ เพื่อปรับปรุงสุขภาพของพืชและสัตว์และปกป้องสิ่งแวดล้อม การส่งออกและนำเข้าจะไม่ต้องเสียภาษีหรืออากรศุลกากรหากสินค้ามีมูลค่าไม่เกิน US $ 50 หากมูลค่าของสินค้ามากกว่า US $ 50 จะต้องตรวจสอบสินค้าที่จุดผ่านแดนระหว่างประเทศที่สำคัญ หากผู้ส่งออกหรือผู้นำเข้าได้รับอนุญาตจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องหรือจดทะเบียนจะไม่ถูกเก็บภาษี

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/new-guidelines-importexport-agricultural-products-laos-107313

ผู้ทำการค้าในสปป.ลาว ประสบปัญหาหลังจากการระงับการนำเข้าจุดผ่านแดนท้องถิ่นเข้าสู่ประเทศจีน

ผู้ทำการค้าในจังหวัดทางตอนเหนือของสปป.ลาวมีทางเลือกน้อยลงในการนำสินค้าเข้าประเทศจีนหลังจากทางการจีนสั่งห้ามนำเข้าจุดผ่านแดนท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดรวมถึงสินค้าเกษตรสามารถเข้าสู่ประเทศจีนได้เฉพาะที่ด่านชายแดนบ่อเต็น ในแขวงหลวงน้ำทา การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการส่งออกในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทางการสปป.ลาวยังไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นทางการจากคู่ค้าจีนว่าเหตุใดจึงถูกห้ามนำเข้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ค้าจำนวนมากในแขวงพงสาลีและอุดมไซ เนื่องจากต้องใช้จ่ายเพิ่มเพื่อขนส่งสินค้า อย่างไรก็ตามผู้ค้าในจังหวัดหลวงน้ำทายังไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากนักธุรกิจจีนในภูมิภาคสามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนผ่านด่านชายแดนทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งตอนนี้จีนเป็นนักลงทุนต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในสปป.ลาวและเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองของประเทศ การเพิ่มขึ้นของนักลงทุนจีนในสปป.ลาวและโครงการความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นระหว่างรัฐบาลทั้งสองเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้การนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นการส่งออกของสปป.ลาวไปยังประเทศจีน กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ ในขณะที่การนำเข้าจะลดลง

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/traders-suffer-after-curb-import-entry-points-china-101193