อะโวกาโด พันธุ์แฮสส์ (Hass) เริ่มออกขายอย่างคึกคักในตลาดของเมียนมา

นาย อู เมียว ยุน รองประธานสมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกอะโวคาโดแห่งเมียนมา เผย ปัจจุบัน อะโวกาโด พันธุ์แฮสส์ (Hass) ได้วางจำหน่ายในตลาดภายในประเทศเป็นหลักและได้สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับผู้ค้าในท้องถิ่น โดยฤดูเก็บเกี่ยวของอะโวคาโดอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งราคาอยู่ระหว่าง 3,000 ถึง 7,000 จัตต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับคัดเกรด ส่วนใหญ่แล้วอะโวคาโด จะถูกส่งไปยังเมืองใหญ่ๆ อย่างย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ ส่วนที่เหลือจะถูกส่งไปยังตลาดมูเซ, ล่าเสี้ยว และโมนยวา ปัจจุบันผู้ค้าได้ขยายช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและโซเชียลมีเดียกันมากขึ้น

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/hass-avocado-sales-brisk-in-domestic-market/#article-title

อุตสาหกรรมอะโวคาโดของเมียนมาเตรียมส่งออกไปดูไบ สิงคโปร์

นาย U Myo Nyunt รองประธานสมาคมผู้ผลิตและส่งออกอะโวคาโดของเมียนมา เผย กำลังเตรียมการส่งออกอะโวคาโดพันธุ์แฮส (Hass) ซึ่งจะถูกเก็บเกี่ยวได้ในเดือนธันวาคม ตามคำสั่งซื้อของดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสิงคโปร์ ซึ่งอะโวคาโดเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของเมียนมา  นอกจากนี้ยังหาตลาดใหม่ๆ เพื่อการส่งออก

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmars-avocado-industry-gearing-up-for-exports-to-dubai-singapore/#article-title

Digital marketing เทรนด์ใหม่ของอุตสาหกรรมอะโวคาโดในเมียนมา

Digital marketing ได้รับความสนใจในอุตสาหกรรมอะโวคาโด ปัจจุบันผลอะโวคาโดจำนวนมากจากเขตต่างๆ กำลังไหลทะลักเข้าสู่ตลาด โดยการส่งออกไปตลาดต่างประเทศมีอุปสรรคจากการขนส่งเพราะอยู่ในช่วง COVID-19 ส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในประเทศเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งอะโวคาโดคุณภาพดีสามารถขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้และราคาที่เป็นธรรมถูกกำหนดไว้เพื่อป้องการการตั้งราคาที่สูงหรือต่ำจนเกินไป ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์มากขึ้นเมื่อมีผลอะโวคาโดจำนวนมากเข้าสู่ตลาด ซึ่งอะโวคาโดระยะเวลาเก็บเกี่ยวแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความสูงจากระดับน้ำทะเล โดยการเก็บเกี่ยวจะอยู่ระหว่างเดือนก.ย.ถึงเดือนก.พ. และอะโวคาโดพันธุ์ Hass เป็นที่ต้องการมากที่สุดในตลาด ทั้งนี้ราคาอะโวคาโดอยู่ที่ 9,500-10,000 จัตต่อกิโลกรัมสำหรับเกรด A ส่วนเกรด B อยู่ที่ 8,500 จัตต่อกิโลกรัม ส่วนเกรด C จะอยู่ที่ 6,500-7,000 จัตต่อกิโลกรัม และต่ำกว่าเกรด C จะอยู่ที่ 1,500 จัตต่อกิโลกรัม

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/digital-marketing-becomes-trendy-in-avocado-industry/

เมียนมาเริ่มส่งออกอะโวคาโดไปอังกฤษ

จากประกาศของสถานทูตเมียนมาในกรุงลอนดอน เมียนมาเริ่มส่งออกอาโวคาโดจำนวนครึ่งตันไปยังอังกฤษ ได้แก่สายพันธ์ Amara (พันธุ์ท้องถิ่น) Hass และ Buccaneer โดยสมาคมผู้ผลิตและส่งออกผักและผลไม้แห่งเมียนมา (MFVP) ได้เชื่อมโยงธุรกิจกับหอการค้าอังกฤษโดยในการส่งออกตัวอย่างสินค้าไป ทั้งยังได้รับความสนใจจากทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง และไต้หวัน โดย 85% ของอาโวคาโดถูกส่งออกไปยังไทยเนื่องจากการค้าชายแดนหยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 62 จึงไม่มีการส่งออกไปยังจีน ซึ่งราคาต่อตันในตลาดอังกฤษอยู่ที่ประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ และ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐในตลาดไทย

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-avocado-exported-britain-london-embassy.html

เวียดนามดำเนินขอรับใบอนุญาตส่งออกอะโวคาโดไปยังสหรัฐฯ

จากข้อมูลของสำนักงานการค้าเวียดนาม สาขาซานฟรานซิสโก (สหรัฐอเมริกา) เปิดเผยว่าอะโวคาโดส่วนมากที่จำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น ดังนั้น ผู้จัดจำหน่ายต้องควบคุมขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจัดจำหน่ายสินค้า ในขณะที่ ผู้ส่งออกต้องมีใบรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ สำหรับการจะเข้าตลาดสหรัฐฯ ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดขั้นต่ำตามข้อบังคับว่าด้วยการกำหนดระดับความสุก, สี, น้ำหนัก, สะอาด และปราศจากแมลง เป็นต้น ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กมักจะประสบปัญหาในการเข้าถึงตลาดดังกล่าวอย่างมาก เป็นผลมาจากขาดประสบการณ์ในการทำธุรกิจ นอกจากนี้ สำหรับสินค้าทางการเกษตร เช่น มะม่วง เวียดนามจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินรับใบอนุญาต 10 ปี ถึงจะสามารถส่งออกมะม่วงไปยังสหรัฐฯได้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/536540/viet-nam-trying-to-get-us-export-licence-for-avocados.html#GO48zrRXQqiBzJqc.97