เงินจัตแข็งค่ากระทบส่งออก ถือเป็นโอกาสการนำเข้าของเมียนมา
สมาชิกคณะกรรมการของสมาพันธ์ข้าวเมียนมาเผย การส่งออกของเมียนมาได้รับแรงกดดันจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงซึ่งส่งผลให้การส่งออกที่สำคัญเช่นข้าวมีราคาแพงขึ้นในตลาดต่างประเทศ เงินจัตแข็งค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ปี 61โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงของธนาคารกลางเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมลดลงแหลือ 1,300 จัตต่อดอลลาร์ แม้ว่าธนาคารกลางแห่งเมียนมา (CBM) จะซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามรักษาเสถียรภาพ ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ได้จำกัดการส่งออกข้าวเพื่อให้มีปริมาณสำรองเพียงพอสำหรับในประเทศในกรณีฉุกเฉินในช่วง COVID-19 แต่ถูกยกเลิกเนื่องจากฤดูเก็บเกี่ยวใหม่ใกล้เข้ามา จากข้อมูลจนถึงวันที่ 11 กันยายนระหว่างปีงบประมาณ 62-63 มีการส่งออกข้าวและปลายข้าวกว่า 2.5 ล้านตันไปยังกว่า 60 ประเทศ สร้างรายได้มากกว่า 774 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในทางกลับกันเงินจัตที่แข็งค่าสามารถเพิ่มการนำเข้าสินค้าสำคัญ เช่น ข้าวโพด เมียนมาส่งออกข้าวโพดไปยังจีนและไทยเป็นจำนวนมากและขณะนี้ยังขาดแคลนสินค้าภายในประเทศซึ่งใช้เป็นอาหารสัตว์ เมื่อเดือนที่ผ่านมาผู้ค้าและผู้เพาะพันธุ์ปศุสัตว์ได้ขอใบอนุญาตนำเข้าข้าวโพด แต่ได้รับการคัดค้านจากเกษตรกรในพื้นที่ซึ่งกลัวว่าจะมีผลผลิตมากเกินไปหากไม่มีการควบคุม โดยทั่วไปแล้วจะมีข้าวโพดส่วนเกินในตลาดในประเทศแต่หลังจากส่งออกมากกว่า 2 ล้านตันในปีงบประมาณ 61-63 จึงมีความเป็นไปได้ที่จะต้องหันมานำเข้าแทน
ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/stronger-kyat-threatens-exports-presents-import-opportunities.html