ราคาเมล็ดกาแฟเมียนมา พุ่งแตะ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน

สมาคมกาแฟเมียนมา เผย ราคาเมล็ดกาแฟเมียนมาพุ่งถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน จากความต้องการทั้งในและต่างประเทศสูงที่มีมากขึ้น โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์, ไต้หวัน, จีน, ไทย, สหรัฐอเมริกา, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร, ไอซ์แลนด์, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, และเยอรมนี  ขณะที่ไร่กาแฟมีมากกว่า 200,000 เอเคอร์ ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 9,000 ตันต่อปี และราคาจะอยู่ระหว่าง 4,500 ถึง 5,000 ดอลลาร์ต่อตัน ส่วนใหญ่ร้อยละ 80 เป็นกาแฟอาราบิก้า และร้อยละ 20 เป็นกาแฟโรบัสต้า  ทั้งนี้กาแฟส่วนใหญ่ปลูกในเขตมัณฑะเลย์ และรัฐฉาน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-produced-coffee-beans-fetch-us5000-per-tonne/

เผยราคากาแฟเมืองยวาร์งันยังทรงตัว แม้ COVID-19 ระบาดหนัก

นักธุรกิจเผยราคากาแฟเมืองยวาร์งัน รัฐฉาน ยังคงทรงตัวแม้มีการระบาดของโควิด -19 เทียบกับปีที่แล้ว โดยราคาเริ่มต้นของเมล็ดกาแฟสุก viss (1.6 กิโลกรัม) อยู่ที่ 600-700 จัตเมื่อปีก่อน เพิ่มขึ้นเป็น 800,900 ถึง 1000 จัต ซึ่งการเก็บเกี่ยวในทุกปีจะเริ่มช่วงเดือนธันวาคมและโดยพื้นที่เพาะปลูกมีมากกว่า 7,000 เอเคอร์ในเมืองยวาร์งัน ทั้งนี้คุณภาพของเมล็ดกาแฟลดลงเล็กน้อยในปีนี้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ถึงแม้ราคาอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนักแต่การส่งออกทำได้ยากขึ้น ปัจจุบันเมียนมาส่งออกกาแฟไปยังสหรัฐฯ และมีความพยายามจะขยายตลาดไปยังญี่ปุ่น เกาหลี แคนาดา และยุโรป ซึ่งเมล็ดกาแฟหนึ่งตันสามารถดึงราคาส่งออกได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 1,000 ถึง 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้เมียนมามีพื้นที่ปลูกกาแฟประมาณ 50,000 เอเคอร์ทั่วประเทศ โดยการปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้ามีพื้นที่มากถึง 40,000 เอเคอร์ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/ywar-ngan-coffee-prices-stable-amid-covid-19-outbreak.html

เวียดนามเผยราคาเมล็ดกาแฟในท้องถิ่นพุ่งสูงขึ้น จากอุปทานมีจำกัด

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ระบุว่าราคาเมล็ดกาแฟปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม เนื่องจากผลผลิตมีไม่เพียงพอต่อความต้องการตลาดในประเทศ นอกจากนั้น ผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผลผลิตกาแฟในบริเวณที่สูงตอนกลาง ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ทั้งนี้ กรมศุลกากรเผยว่าในเดือนเม.ย. ปริมาณส่งออกกาแฟของเวียดนามอยู่ที่ 165,800 ตัน คิดเป็นมูลค่า 279.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.5 และ 5.1 ตามลำดับ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ราคาส่งออกกาแฟโดยเฉลี่ยลดลงร้อยละ 2.7 อยู่ในระดับ 1,688 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่งผลให้ราคาส่งออกกาแฟเฉลี่ยในช่วง 4 เดือนแรก ลดลงร้อยละ 2.6 ยิ่งไปกว่านั้น ยอดส่งออกไปยังตลาดส่งออกสำคัญในเดือนเม.ย. ได้แก่ เยอรมัน สหรัฐฯ สเปน เบลเยียม รัสเซีย ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ล้วนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ การส่งออกไปยังอิตาลี ฟิลลิปปินส์และอัลจีเรีย ปรับตัวลดลงทั้งหมด

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/local-coffee-prices-skyrocket-on-limited-supply-414161.vov

กลุ่มบริษัทซีพีสนใจร่วมลงทุนผลิตเมล็ดกาแฟในประเทศกัมพูชา

กลุ่ม CP หรือเครือเจริญโภคภัณฑ์แสดงถึงความต้องการในการผลิตเมล็ดกาแฟในกัมพูชาเพื่อส่งไปยังตลาดไทยเนื่องจากอุปทานเมล็ดกาแฟในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นจนไม่สามารถตอบสนองความต้องการภายในประเทศได้อย่างครอบคลุม ซึ่งตัวแทนฝ่ายธุรกิจของกลุ่ม CP แสดงความสนใจโดยได้เข้าพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาในกรุงพนมเปญ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงได้อธิบายเกี่ยวกับไร่กาแฟจำนวนมากในกัมพูชาซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดมณฑลคีรีและรัตนคีรี นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้ CP ทำการสำรวจภาคสนามในพื้นที่ดังกล่าวและร่วมมือกับชุมชนผู้ผลิตเมล็ดกาแฟเพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้ในการลงทุน ซึ่งรัฐมนตรียังสนับสนุนให้กลุ่ม CP ขยายการดำเนินงานในกัมพูชาไปยังสาขาอื่นๆ เช่นการแปรรูปข้าวมันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นต้น โดยถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่ทำการส่งออกไปยังต่างประเทศเป็นจำนวนมาก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50684520/cp-group-of-thailand-to-venture-into-coffee-production-in-cambodia