บริษัทไทยทุ่ม 1 พันล้านดอลล์สรัฐฯ สร้างเมืองอัจฉริยะในสปป.ลาว

รัฐบาลลาวได้ให้สัมปทานแก่บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ของประเทศไทย วางแผนที่จะลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการก่อสร้างอมตะสมาร์ทแอนด์อีโคซิตี้ในภาคเหนือของสปป.ลาว จะเริ่มในต้นปีนี้ โดยมีโอกาสขยายตัวได้ถึง 20,000 เฮกตาร์ในระยะต่อไป เมืองอมตะสมาร์ทแอนด์อีโค มีเป้าหมายเพื่อให้บริการนักลงทุนต่างชาติในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก เครื่องจักร การแปรรูปอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนเคมีภัณฑ์และยา รวมถึงโลจิสติกส์และคลังสินค้า

อีกทั้งเมืองอัจฉริยะนี้ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟนาทวย ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนจีนประมาณ 20 กม. มีสถานีรถไฟสองแห่งซึ่งทำหน้าที่เป็นประตูระหว่างอาเซียนและจีนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนทางการค้า การสร้างเมืองอัจฉริยะไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในสปป.ลาว แต่ยังจะส่งเสริมให้นักลงทุนในภูมิภาคนี้ย้ายโรงงานของพวกเขามาที่นี่อมตะมีแผนจะเชิญบริษัทข้ามชาติและรัฐบาลจากจีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และไทย มาส่งเสริมโครงการอมตะสมาร์ทแอนด์อีโคซิตี้เพื่อพัฒนาโครงการนี้อย่างเต็มศักยภาพ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Thai_12_22.php

สปป.ลาวคาด การพัฒนาเมืองอัจฉริยะจะเริ่มดำเนินการในเร็ว ๆ นี้

การพัฒนาเมืองอัจฉริยะในแขวงหลวงน้ำทาและอุดมไซจะดำเนินการในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากหน่วยงานที่รับผิดชอบกำลังดำเนินการเจรจาข้อตกลงโครงการ ในการประชุมประจำปี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแผนการและการลงทุน ได้บรรยายสรุปความคืบหน้าของโครงการเหล่านี้ เมื่อการเจรจาสิ้นสุดลงจะดำเนินการในขั้นตอนการร่างสัญญาสัมปทาน โดยเมืองอัจฉริยะจะได้รับการพัฒนาโดยบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) การประชุมได้ทบทวนความคืบหน้าในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ รวมถึงทางรถไฟสปป.ลาว – ​​จีนและทางด่วนเวียงจันทน์ – วังเวียง ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ทางด่วนระยะที่ 1 เวียงจันทน์ – วังเวียง จะเชื่อมเมืองหลวงของสปป.ลาวกับบ่อเต็นที่ชายแดนจีน อีกทั้งรัฐบาลได้อนุมัติทางด่วนระยะที่ 2 ระหว่างแขวงวังเวียงและหลวงพระบาง นอกจากนี้กำลังดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการขนาดใหญ่อื่น ๆ เช่น ทางด่วนเวียงจันทน์ – ฮานอยเพื่อเชื่อมระหว่างเมืองหลวงของสปป.ลาวและเวียดนาม ทางด่วนเวียงจันทน์ – ปากเซและทางด่วนหมายเลข 1 ในเวียงจันทน์ ที่ประชุมได้ทบทวนการดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมปี 63 และหารือเกี่ยวกับแผนปีนี้ ผู้เข้าร่วมยังได้ทบทวนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 และแผน 5 ปีข้างหน้าตั้งแต่ปี 64-68

ที่มา :  https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Smart25.php

อียู ให้เงินสนับสนุนอาเซียนเดินหน้าโครงการ Smart Green ASEAN Cities

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้มีมติเห็นชอบความตกลงทางการเงินระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อดำเนินโครงการ Smart Green ASEAN Cities เป็นความตกลงเพื่อแสดงว่าอียูจะสนับสนุนงบประมาณ 5 ล้านยูโร สำหรับการดำเนินโครงการฯเวลา 72 เดือน ที่มีวัตถุประสงค์ส่งเสริมความเป็นเมืองที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับพลเมืองอาเซียน โดยสนับสนุนให้เมืองต่างๆ ในอาเซียนใช้ประโยชน์จากแนวทางเมืองอัจฉริยะ ทั้งนี้มีสมาชิกอาเซียน 8 ประเทศเข้าร่วมดำเนินโครงการ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และ ไทย โดยตั้งเป้าผลผลิต 3 ข้อ คือ 1.ยกระดับการออกแบบ วางแผน และดำเนินการเพื่อมุ่งสู่เมืองสีเขียวและเมืองอัจฉริยะสำหรับเข้าร่วมดำเนินโครงการ 2.เสริมสร้างศักยภาพประเทศเพื่อการพัฒนาเมืองสีเขียวและเมืองอัจฉริยะ ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างสหภาพยุโรปและอาเซียน และ 3.ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองสีเขียวและเมืองอัจฉริยะระหว่างสหภาพยุโรปและภายในภูมิภาคอาเซียน

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/news/2020-732378c251cb42fc3f36615ea1929c94

ประวิตร ตั้งเป้าขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะสู้กลุ่มอาเซียน

รองนายกฯ ประวิตร เผยคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เร่งรัดศึกษาเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์สร้างแรงจูงใจเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้สามารถแข่งขันในระดับอาเซียน โดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ผ่านมาได้ประกาศเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ 27 เขตทั่วประเทศ มีความก้าวหน้าของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะต้นแบบใน 4 พื้นที่ คือ กรุงเทพมหานคร พื้นที่ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน จังหวัดชลบุรี พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และจังหวัดภูเก็ต โดยคณะกรรมการฯ ได้เร่งรัดศึกษาเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ในการสร้างแรงจูงใจเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้สามารถแข่งขันในระดับอาเซียนได้ อีกทั้งยังแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ เป็นประธาน และได้เตรียมความพร้อม ในการสานต่อความร่วมมือด้านเมืองอัจฉริยะอาเซียน โดยให้ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ เป็นผู้แทน เข้าร่วมการประชุม ASEAN Smart Cities Network (ASCN) ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 8-10 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ ณ เมืองฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

ที่มา : https://www.matichon.co.th/publicize/news_2193668

สปป.ลาวเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการเมืองอัจฉริยะ

รัฐบาลสปป.ลาวคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง ‘Amata Smart and Eco City’ได้ในปีนี้ โดยโครงการดังกล่าวเป็นการร่วมมือระหว่างรัฐบาลสปป.ลาวและบริษัท อมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พื้นที่โครงการครอบคลุม 70 ตารางกิโลเมตรภายใต้ข้อตกลงบริษัทจะได้รับสัมปทานที่ดินในการพัฒนาเมืองนาหม้อในแขวงอุดมไชยและเมืองหลวงน้ำทาในแขวงหลวงน้ำทาให้เป็นเมืองอัจฉริยะและศูนย์กลางโลจิสติกส์ ซึ่งรัฐบาลสปป.ลาวเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะสอดคล้องกับทิศทางการส่งเสริมการลงทุนการผลิตและการพัฒนาในประเทศตามเส้นทางรถไฟลาว – ​​จีน นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมและสร้างโอกาสในการทำงานให้กับคนในท้องถิ่นรวมถึงการได้รับประโยชน์จากวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในโครงการรวมถึงการดึงดูดนักลงทุนสปป.ลาวและชาวต่างชาติเข้าร่วมในโครงการพัฒนา เสริมสร้างการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคตของสปป.ลาว

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-review-progress-smart-city-scheme-112388

จำปาศักดิ์มองการเปลี่ยนแปลงปากเซให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะศูนย์กลางการขนส่ง

แขวงจำปาศักดิ์และTai Hoe Holdings จะร่วมมือกันในการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเพื่อจัดตั้งเมืองอัจฉริยะเชิงนิเวศในปากเซทางใต้สปป.ลาวหลังจากบรรลุข้อตกลงในสัปดาห์นี้ภายใต้ข้อตกลงบริษัท Tai Hoe จะขอสัมปทานที่ดินเพื่อพัฒนาแขวงจำปาศักดิ์ เป็นเมืองที่ชาญฉลาดและเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ตามนโยบายที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลเพื่อปรับปรุงชุมชนให้ทันสมัยและเสริมความเป็นอยู่ของท้องถิ่น นอกจากนี้ Tai Hoe จะรับผิดชอบการศึกษาความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจและทางเทคนิคในการสร้างเมืองและให้ความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติเกี่ยวกับตลาดเครื่องเพชรพลอยการเกษตรและการแปรรูปอาหารโรงแรมและจะพัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจที่ยั่งยืน (เมืองอัจฉริยะ) ซึ่งนักลงทุนและชุมชนท้องถิ่นสามารถหาโอกาสทางเศรษฐกิจที่ทำกำไรร่วมกันในสปป.ลาวใต้ได้รวมถึงเป็นโอกาศของนักลงทุนในการเข้าไปลงทุนในแขวงดังกล่าวอีกด้วย  

ที่มา:http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Champassak273.php