สนค. แนะไทยเพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน ชิงแหล่งทุนจากทั่วโลก แห่ใช้อาเซียนฐานผลิตแห่งใหม่

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า อาเซียนกลายเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เพราะสภาพแวดล้อมหมาะสม การย้านฐานผลิตของจีน หลังเกิดความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐ-จีน และไทยเร่งเจรจาเอฟทีเอมากขึ้น ทั้งนี้ หลังจากการเกิดโควิด-19 อาเซียนมีความยืดหยุ่นตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจการค้าของโลกอย่างรวดเร็ว จากรายงาน ASEAN Investment Report 2022 ระบุว่า ปี 2564 มีเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศไหลเข้าเพิ่มขึ้นถึง 42% มูลค่า 1.74 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงความน่าดึงดูดใจทางเศรษฐกิจของภูมิภาคของนักลงทุนทั่วโลก ด้วยตลาดขนาดใหญ่และความร่วมมือภายในภูมิภาคที่เข้มแข็ง โดยอาเซียนเป็นเป้าหมายการลงทุนที่สำคัญรองจากจีน ซึ่งการลงทุน FDI ช่วยให้เศรษฐกิจของภูมิภาคเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ในรายงานของ IMF ล่าสุด ณ ตุลาคม 2566 คาดการณ์ว่าปี 2566 เศรษฐกิจของอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย จะขยายตัว 4.5% และขยายตัว 4.5% ในปี 2567 ซึ่งมากกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัว 3% และ 2.9% ตามลำดับ

ที่มา : เว็บไซต์มติชนออนไลน์  https://www.matichon.co.th/economy/news_4304946

 

รมว.คลัง เตรียมใช้มาตรการภาษี ดึงทุนต่างชาติ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการทางภาษี เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เอกชนเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น หลังจากเปิดประเทศเต็มรูปแบบแล้ว ด้วยการปรับโครงสร้างภาษี เพื่อสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชน ให้มีขีดความสามารถในแข่งขันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการดูแลเป็นรายธุรกิจ เพิ่มเติมจากการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) “ระยะสั้นหลังเปิดประเทศ เราจะเน้นไปที่การช่วยเหลือประชาชนและภาคเอกชน ส่วนระยะยาว เราจะใช้มาตรการภาษีเข้ามาสนับสนุนให้เกิดการลงทุนมากขึ้น เพิ่มเติมจากของ BOI ที่เป็นมาตรการทั่วไป ตัวที่เพิ่มให้ต้องเจาะจงเป็นรายพื้นที่ ซึ่งในหลายประเทศก็ทำกัน”นายอาคม กล่าว

ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/money_market/453343?utm_source=homepage_hilight&utm_medium=internal_referral