สหราชอาณาจักร ส่งออกไปตลาดเวียดนาม ขยายตัว 23% ผลจากข้อตกลง “UKVFTA”

เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) เปิดเผยว่าหลังจากการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม–สหราชอาณาจักร (UKVFTA) เมื่อต้นปีที่แล้ว ส่งผลให้การค้าของทั้งสองประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้เผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 โดยจากสถิติชี้ให้เห็นว่าการค้าระหว่างเวียดนามและสหราชอาณาจักร มีมูลค่าสูงถึง 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่การส่งออกเวียดนามไปยังตลาดสหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้น 16.4% คิดเป็นมูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนของการส่งออกสหราชอาณาจักรไปยังตลาดเวียดนาม เพิ่มขึ้น 23.6% มูลค่าราว 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ผลการศึกษาพบว่าข้อตกลง UKVFTA เปรียบเสมือนรถไฟความเร็วสูงสองเส้นทางที่ผลักดันการส่งออกระหว่างประเทศ

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/uk-exports-to-vietnam-grow-over-23-after-ukvfta-post955722.vov

ข้อตกลง ‘UKVFTA’ กระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ

นาย Tran Quoc Khanh รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยในงานจัดสัมมนาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าด้วยเรื่องข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-สหราชอาณาจักร (UKVFTA) ถือเป็นทางด่วนทางการค้าที่ช่วยกระตุ้นการค้าระดับทวิภาคี ถึงแม้ว่าผลบังคับใช้ของข้อตกลงการค้าเสรีอยู่ในช่วงการแพร่ระบาด แต่อย่างไรก็ตาม มูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศสูงถึง 6.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยการส่งออกของเวียดนามไปยังสหราชอาณาจักร ขยายตัว 16% ทั้งนี้ ข้อตกลงการค้าเสรีดังกล่าวจะเปิดโอกาสมากขึ้นสำหรับทั้งสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการประสานความร่วมมือและพึ่งพาความแข็งแกร่งของกันและกัน ส่งผลให้มูลค่าการค้าทวิภาคีเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ คุณ Nguyen Thu Trang ผู้อำนวยการศูนย์ WTO กล่าวว่าข้อตกลงการค้าเสรี “UKVFTA” ดีกว่าข้อตกลงอื่นๆ เนื่องจากมีกรอบระยะเวลาเตรียมการถึง 5 เดือน สำหรับบริษัทเวียดนามในการปรับตัวให้เข้ากับกฎการค้าใหม่

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1165295/ukvfta-boosts-bilateral-trade.html

‘เวียดนาม’ เรียกร้องให้มีการปรับปรุงนโยบาย เหตุดึงประสิทธิภาพของข้อตกลง EVFTA

นาย Giorgio Aliberti เอกอัครราชทูต หัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำเวียดนาม กล่าวว่าการปรับปรุงระบบนโยบายและกรอบกฎหมายให้เป็นไปตามหลักสากล ถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เวียดนามสามารถบูรณาการเข้ากับห่วงโซ่มูลค่าโลกได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนดึงดูดเม็ดเงินทุนจากสหภาพยุโรปและเกิดการแข่งขันของธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ เวียดนามมีศักยภาพที่ดีในการดึงดูดการลงทุนจากอียู โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง ทั้งนี้ เมื่อต้นปี 2564 ธุรกิจยุโรปทำการสำรวจดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจของเวียดนาม (BCI) อยู่ที่ระดับ 73.9 จุด ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 4 ส่งผลกระทบต่อหลายๆ จังหวัดและหัวเมือง ทำให้ดัชนี BCI ปรับตัวลดลง 30 จุด ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มาอยู่ที่ระดับ 45.8 จุด

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-urged-to-improve-policies-for-effective-implementation-of-evfta/216259.vnp

จับตา ‘ลิ้นจี่เวียดนาม’ วางจำหน่ายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตในฝรั่งเศส

ลิ้นจี่สดของเวียดนามชุดแรกที่เพาะปลูกอยู่ในจังหวัดหายเซือง (Hai Duong) ไปวางจำหน่ายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตในฝรั่งเศส นับว่าเป็นครั้งแรกที่มีการนำเข้าผลไม้ท้องถิ่นไปยังประเทศแถบยุโรป การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีผลบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-สหภาพยุโรป (EVFTA) เมื่อวันที่ 1 สิ.ค. 2563 ทั้งนี้ นาย Ngo Minh Duong ประธานบริษัท Thanh Binh Jeune กล่าวว่าการนำเข้าลิ้นจี่ โดยใช้ผลประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี ควบคู่กับมาตรฐานคุณภาพและกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้านั้น ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพของธุรกิจ และช่วยให้สินค้ามีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภคต่างประเทศ อีกทั้ง นาย Vu Anh Son หัวหน้าสำนักงานการค้าของเวียดนามในฝรั่งเศส กล่าวว่าความสำเร็จในการส่งออกลิ้นจี่ที่มีตราประทับแหล่งกำเนิดสินค้า ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลเวียดนามในการส่งเสริมธุรกิจต่างๆ ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-lychees-with-origin-tracing-stamp-hit-shelves-in-france-866010.vov