“บีโอไอ” เผยลงทุนไตรมาสแรก 2.28 แสนล้านบาททะยานต่อเนื่อง นำโดยอุตฯอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในไทยยังมีแนวโน้มที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสแรก การส่งเสริมการลงทุนเพิ่มสูงขึ้นในทุกขั้นตอน ทั้งการขอรับการส่งเสริม การอนุมัติให้การส่งเสริม การออกบัตรส่งเสริม และเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยในส่วนของตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในไตรมาสแรก ปี 2567 มีจำนวน 724 โครงการ เพิ่มขึ้น 94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าเงินลงทุนรวม 228,207 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31%

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ในขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) สิงคโปร์ขึ้นครองอันดับหนึ่ง ตามด้วยจีน และฮ่องกง สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://siamrath.co.th/n/533144

“บีโอไอ” จัดงานจับคู่ธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอ, สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย, บริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ (ประเทศไทย) จะจัดงาน MIRA (Maintenance, Industrial Robotics and Auto mation) และ SUBCON EEC 2023 วันที่ 6-8 ก.ย.นี้ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นงานเดียวที่รวบรวมเอาสินค้า และบริการอุตสาหกรรมจากบริษัทชั้นนำจากทั้งในประเทศและต่างประเทศมาจัดแสดง อีกทั้งเป็นพื้นที่เชื่อมโยงอุตสาหกรรมและจับคู่ธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน และคาดว่าจะเกิดการจับคู่ทางธุรกิจ 600 คู่ สร้างมูลค่า 2,000 ล้านบาท “การจัดงานครั้งนี้ มีความสำคัญต่อการพัฒนาผู้ประกอบการไทย ให้สามารถสร้างตลาดและเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก เพื่อสร้างฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบอัตโนมัติที่จะผลักดันให้ไทยมีขีดความสามารถในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ๆ บีโอไอจึงได้จัดกิจกรรมที่จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทต่างชาติสามารถเชื่อมโยงกับผู้ผลิตชิ้นส่วนที่อยู่ในประเทศให้มากที่สุด” นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า งานดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคตในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

ที่มา : https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ/2723191

แห่ขอบีโอไอไตรมาสแรก 1.8 แสนล้าน เพิ่ม 77% “เกาหลีใต้” ลงทุนมากสุด

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เปิดเผยว่าสถิติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนไตรมาสแรก (ม.ค. – มี.ค.) ปี 2566 มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนรวมทั้งสิ้น 397 โครงการ เพิ่มขึ้น 9% และมีมูลค่าเงินลงทุน 185,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป เคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ตามลำดับ

ทั้งนี้ ตัวเลข FDI ในช่วงไตรมาสแรก มีโครงการลงทุนจากเกาหลีใต้และสิงคโปร์เพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีโครงการใหญ่ที่ยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการใหม่ในปีนี้ ขณะที่ตัวเลขการลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น แม้จะอยู่ในอันดับ 3 และ 4 ตามลำดับ แต่ก็เพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติที่เลือกใช้ไทยเป็นฐานผลิตสำคัญในภูมิภาคนี้

นอกจากนี้ การออกบัตรส่งเสริม ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใกล้เคียงการลงทุนจริงมากที่สุดก็เพิ่มขึ้นมากเช่นเดียวกัน โดยในไตรมาสแรก มีจำนวน 431 โครงการ เพิ่มขึ้น 25% เงินลงทุนรวม 123,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เป็นสัญญาณที่ดีว่าในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า จะมีเม็ดเงินลงทุนเกิดขึ้นจริงมากขึ้น

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-1298638

อีอีซี ร่วมกับ กต. บีโอไอ ลุยสร้างความเชื่อมั่น ดึงนักลงทุนต่างชาติสู่พื้นที่ อีอีซี ล่าสุด เดินสายโรดโชว์อิตาลี ต่อยอดลงทุนนวัตกรรมขั้นสูง

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ อีอีซี ร่วมกับ H.E. Paolo Dionisi เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย และ นางสาวรมณี คณานุรักษ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโรม ได้จัดโรดโชว์ชูความพร้อมพื้นที่อีอีซี ณ ประเทศอิตาลี โดยได้เข้าพบและหารือกับผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอิตาลีกว่า 50 ราย เพื่อให้ข้อมูลศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย ความคืบหน้าของการพัฒนาพื้นที่ และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน มาตรการส่งเสริมการลงทุนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจและดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายสู่พื้นที่อีอีซี ขณะที่ปัจจุบันอิตาลีถือเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยอันดับที่ 4 ในกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป รองจากเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ สำหรับมูลค่าการค้าในปี 2565 อยู่ที่ 4,908 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 13.34 ส่วนการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในหมวดกิจการผลิตเครื่องยนต์สำหรับรถจักรยานยนต์ กิจการผลิตสัตว์น้ำแช่แข็ง และอุตสาหกรรมอื่นๆ

ที่มา : http://www.acnews.net/detailnews.php?news_id=N256676644