เอกอัครราชทูตจีนในสปป.ลาวรายงานความสำเร็จโครงการ Belt and Road Initiative

โครงการภายใต้ความริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ถือเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือสปป.ลาว – ​​จีนในยุคใหม่ สปป.ลาวให้ความสำคัญและสนับสนุนโครงการ Belt and Road Initiative มาโดยตลอด สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของสปป.ลาวในการเปลี่ยนประเทศจากการไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นการเชื่อมโยงทางบกภายในภูมิภาค เมื่อทางรถไฟเสร็จสมบูรณ์จะช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ของผู้คนและจะสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยมากขึ้นสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าการลงทุนการท่องเที่ยวและกิจกรรมอื่น ๆ ระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ในอนาคตสปป.ลาวและจีนจะยังมีแนวทางเสริมสร้างความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและการค้าพลังงานอุตสาหกรรมแปรรูปและการเกษตร ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของสปป.ลาว ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจของสปป.ลาวขับเคลื่อนได้มั่นคงและยั่งยืนในภายภาคหน้า

ที่มา : http://www.china.org.cn/world/2021-03/07/content_77280738.htm

สปป.ลาว เหยื่อกับดักหนี้จีนรายล่าสุด

รถไฟความเร็วสูงจีน – สปป.ลาวมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังดำเนินการแล้วเสร็จในปลายปี 64 โครงการรถไฟความเร็วสูงถือเป็นความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมที่ประสบความสำเร็จภายใต้พรรคปฏิวัติของประชาชนลาว แต่ความก้าวหน้าดังกล่าวอาจมาพร้อมกับการสูญเสียอธิปไตยบางอย่างให้กับเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่ทางเหนืออย่างจีนที่  เป็นนายทุนใหญ่ของโครงการดังกล่าว รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่าสปป.ลาวจะเป็นประเทศล่าสุดที่ตกเป็นเหยื่อของกับดักหนี้ Belt and Road Initiative (BRI) โดยประเทศต่างๆ หากผิดนัดชำระหนี้ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานหรือโครงการ จะถูกกดดันในการยกสัมปทานบางอย่างให้แก่จีนแทนการชำระหนี้ ปัจจุบันทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของสปป.ลาวลดลงต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้งวดประจำปีของโครงการ ซึ่งจะนำไปสู่การทำให้สปป.ลาวต้องสูญเสียอธิปไตยของประเทศไปบางส่วน รายงานข่าวยังชี้ให้เห็นอีกว่ากระทรวงการคลังสปป.ลาว ได้ขอให้จีนซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต่างชาติรายใหญ่ที่สุดปรับโครงสร้างหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ข้อมูลจากรายงานชี้ให้เห็นว่าการเติบโตสปป.ลาวอาจมีการขยายตัวได้ดีจากการเข้ามาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของนักลงทุนจีน แต่สิ่งที่สปป.ลาวยังเป็นกังวลและให้ความสนใจคือความสามารถในการชำระหนี้ ที่อาจหากไม่มีประสิทธิภาพอาจนำซึ่งการสูญเสียอธิปไตยของชาติก็เป็นได้

ที่มา : https://asiatimes.com/2020/09/laos-the-latest-china-debt-trap-victim/

จีนมอบใบอนุญาตส่งออกข้าวให้กับ 43 บริษัทของเมียนมา

ศุลกากรของจีนได้มอบใบอนุญาตส่งออกข้าวให้แก่ 43 บริษัทของเมียนมา โดยได้อนุมัติใบอนุญาตไปเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ต้นเดือนมีนาคมจีนเริ่มจำกัดการนำเข้าจากเมียนมาไปยังบริษัทที่จดทะเบียนกับทางการจีนเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่งจีนถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ของเมียนมาและจะส่งผลดีในระยะยาว เกษตรกรสามารถได้รับราคาข้าวและข้าวหักที่ราคาดีขึ้น การส่งออกข้าวไปยังจีนสูงถึงหนึ่งล้านตันต่อปี แต่ลดลงเหลือประมาณ 40,000 ถึง 50,000 ตัน หลังจากข้อจำกัดมีผลบังคับใช้ ก่อนปี 2558  จีนกำหนดโควตาการขายข้าวโดยอนุญาตให้บริษัทของเมียนมาเพียง 11 แห่ง ในอดีตการส่งออกข้าวของเมียนมา 60% ถูกส่งออกไปยังจีนและตอนนี้ก็เหลือเพียง 30% จีนและเมียนมาจัดการประชุมผ่านการประชุมทางวิดีโอเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ Belt and Road Initiative การพัฒนาอีคอมเมิร์ซระหว่างสองประเทศ การค้า เศรษฐกิจ และอื่น ๆ  การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ความร่วมมือระหว่างมณฑลยูนนานและเขตมัณฑะเลย์ในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลอีคอมเมิร์ซและการลดความยากจน ทั้ง 2 ประเทศต้องการที่จะดำเนินการโครงการเหล่านี้โดยเร็วที่สุดและเป็นเขตเศรษฐกิจชายแดน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/china-grants-rice-export-licences-43-myanmar-companies.html

ลาวนำเข้าเชื้อเพลิงเป็นครั้งแรกจากจีน

บริษัท สปป.ลาวได้นำเข้าน้ำมันดีเซลมาตรฐานยูโร 5 จากประเทศจีนเป็นครั้งแรกถือเป็นโอกาสสำคัญของ สปป.ลาวในการค้าระหว่างสองประเทศ บริษัท ปิโตรไชน่า ได้ส่งมอบน้ำมันดีเซลกว่า 64 ตัน ให้แก่ บริษัท การค้าน้ำมันปิโตรเลียมแห่งชาติของ สปป.ลาว (NTP) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในระหว่างพิธีจัดขึ้นที่คลังของผู้นำเข้าที่เมือง Boten จังหวัดหลวงน้ำทาบนชายแดน สปป.ลาว – จีน NTP ได้รับมอบหมายให้จัดส่งน้ำมันดีเซลมาตรฐานยูโร 5 เพื่อวัตถุประสงค์โครงการ Belt and Road Initiatives (BRI) ซึ่งเป็นสัญญาณของความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐบาลของ สปป.ลาวกับจีน

ที่มา: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_receives_259.php