“เกาหลีใต้” เป็นผู้ลงทุนโดยตรงรายใหญ่ในเวียดนาม

จากข้อมูลของสำนักสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 เกาหลีใต้เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 2,752.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 21.5 ของมูลค่าเงินทุนจดทะเบียนใหม่รวม รองลงมาเป็นจีน สิงคโปร์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น ตามลำดับ โดยตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา รวม 3,094 โครงการใหม่ ด้วยเงินทุนจดทะเบียนมากกว่า 12,833 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.9 สำหรับจำนวนโครงการ และลดลงร้อยละ 14.6 สำหรับมูลค่าเงินทุน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ นักลงทุนส่วนใหญ่สนใจลงทุนในภาคค้าส่งค้าปลีก ยานยนต์ และภาคเกษตร ป่าไม้ และประมง เป็นต้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/rok-retains-position-as-vietnams-leading-source-of-fdi-405427.vov

เวียดนามดึงดูด FDI มากกว่า 29 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 10 เดือนปี 2562

จากข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) เปิดเผยว่าเวียดนามดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มากกว่า 29.11 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 10 เดือนของปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าว มูลค่าราว 12.38 พันล้านเหรียญฯ ใช้สำหรับโครงการใหม่ประมาณ 3,094 โครงการ และอีก 5.47 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ใช้สำหรับโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 83.6 ของมูลค่าในปีที่แล้ว โดยภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นภาคที่ดึงดูดของนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด รองลงมาภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการค้าปลีกค้าส่ง ตามลำดับ ในขณะที่ ประเทศฮ่องกง (จีน) เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม รองลงมาเกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ตามลำดับ รวมไปถึงเมืองฮานอยที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด รองลงมานครโฮจิมินห์ บินห์ดอง ด่งนาย และบัคนินห์ ตามลำดับ

ที่มา :  https://english.vov.vn/economy/vietnam-attracts-over-29-billion-usd-in-fdi-in-ten-months-405251.vov

ญี่ปุ่นมองหาธุรกิจที่เน้นส่งออกในเมียนมา

ในอุตสาหกรรมท้องถิ่นซึ่งจะผลิตสินค้าและส่งออกไปยังอินเดีย จีน และไทย เนื่องจากมีประชากรจำนวนมากและติดมีชายแดนติดไทย อินเดีย และจีน โดยมีการนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้านและผลิตสินค้าและขายในตลาดท้องถิ่น จากงบประมาณปี 32-33 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 62 การลงทุนรวมของญี่ปุ่นใน 117 ธุรกิจเกิน 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้การลงทุนรวม 39 ธุรกิจในเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาลา ได้รับอนุญาตมากกว่า 670 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงขณะนี้การลงทุนรวม 150 ธุรกิจมีมูลค่าราว 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ญี่ปุ่นติดอันดับที่ 10 จาก 50 ประเทศที่ลงทุนและติดอันดับ FDI ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาลา คิดเป็น 36% ของการลงทุนทั้งหมด ซึ่ง FDI รวม 19 ประเทศในเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาลา สูงกว่า 1.86 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/japan-is-eyeing-export-oriented-businesses-in-myanmar

เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จากข้อมูลของหน่วยงานรัฐฯ เปิดเผยว่าเวียดนามมีการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สูงที่สุดในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา และเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เศรษฐกิจของเวียดนามนั้นมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ องค์กรระหว่างประเทศและสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือคาดว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะสามารถขยายตัวร้อยละ 6.8-7 ในปี 2562 รวมไปถึงทางข้อมูลของบริษัทฟิทช์ ระบุว่าในไตรมาสที่ 3/2562 เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวได้ร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็นผลมาจากผลประกอบการของภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ภาครัฐได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินหาโซลูชั่นทางเศรษฐกิจ และอำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชน รวมไปถึงสร้างสภาพแวดล้อมในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20191003/vietnams-gdp-growth-at-9year-high-topping-southeast-asia-govt/51443.html

กรุงฮานอยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62

จากข้อมูลของสำนักสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้  กรุงฮานอยดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ ด้วยมูลค่า 6.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 23.5 ของการลงทุนโดยรวมจากต่างประเทศ รองลงมานครโฮจิมินห์ และจังหวัดบิ่ญเซือง (Binh Duong) ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน เวียดนามดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) อยู่ที่ 26.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขการลงทุนดังกล่าว มีมูลค่าเงินทุนไหลเข้าประมาณ 10.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยโครงการใหม่กว่า 2,760 โครงการ รวมไปถึงบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุน 10.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงได้ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด ตามมาด้วยภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการค้าปลีกค้าส่ง ตามลำดับ และประเทศฮ่องกง (จีน) เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด ตามมาด้วยเกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hanoi-most-attractive-to-foreign-investors-in-nine-months/161332.vnp

เวียดนามเผยยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติพุ่ง 26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562

จากข้อมูลของสำนักงานการลงทุนจากต่างประเทศ (FIA) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ 26.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติยังคงสนใจลงทุนในภาคการผลิตและแปรรูปมากที่สุด ด้วยมูลค่าประมาณ 18.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69.1 ของการลงทุนจากต่างชาติรวม ตามมาด้วยภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยมูลค่า 2.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และภาคการค้าปลีกค้าส่ง ด้วยมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกว่า 109 ประเทศทั่วโลกที่ลงทุนในเวียดนาม ประเทศฮ่องกง (จีน) เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่าราว 5.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รองลงมาเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ตามลำดับ โดยเมือง/จังหวัดที่ได้รับการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติมากที่สุด ได้แก่ นครฮานอย รองลงมาเมืองโฮจิมินห์ และบิ่ญเซือง ตามลำดับ

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7967502-vietnam%E2%80%99s-fdi-inflows-reach-over-us$26-billion-in-nine-months.html

เวียดนามเผยมูลค่าการส่งออกสิ่งทอเพิ่มขึ้น 7% ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562

จากข้อมูลของสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนาม (VITAS) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการส่งออกโดยรวมสิ่งทอ เส้นใย และเสื้อผ้าของเวียดนามอยู่ที่ 25.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รวมไปถึงสัดส่วนของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ร้อยละ 60.6 โดยอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มใช้เงินในการนำเข้า ด้วยมูลค่า 14.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และผลผลิตวัสดุที่ใช้ในการทำเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และอุตสาหกรรมดังกล่าวเกินดุลการค้า 10.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน และทำให้ราคาสินค้าแปรรูปของเวียดนามสูงกว่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ได้แก่ ประเทศเกาหลีใต้และจีน รวมไปถึงส่งผลกระทบต่อยอดคำสั่งส่งออกของผู้ประกอบการในประเทศ ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหาโซลูชั่นในการผลิตสินค้าและการดำเนินธุรกิจ แต่ว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของประเทศเกาหลีใต้ และไต้หวันในเวียดนาม ได้รับประโยชน์จากสงครามการค้า เนื่องมาจากธุรกิจของประเทศดังกล่าว มีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองที่อยู่ภายใต้ห่วงโซ่อุปทาน โดยจากข้อมูลของหนังสือพิมพ์ Dau Tu (Investment) ระบุว่า ผู้ประกอบการสิ่งทอฯ ของเกาหลีใต้ในเวียดนาม ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากสงครามการค้า ด้วยจำนวนธุรกิจกว่า 143 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 ของมูลค่าการส่งออกสิ่งทอเครื่องนุ่งห่มของเวียดนามไปยังสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอีกประเด็นอีกอย่าง คือ อุตสาหกรรมสิ่งทอของเวียดนามยังขาดวัสดุในการป้อนเข้าโรงงาน ซึ่งจำเป็นต้องนำเข้าฝ้ายทั้งหมด และร้อยละ 80 ในการนำเข้าผ้า และวัสดุอื่นๆ จากจีน และอินเดีย ดังนั้น ต้นทุนในการผลิตของผู้ประกอบการในประเทศเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับบริษัทจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-s-textile-export-value-up-almost-7-pct-in-eight-months/160559.vnp

FDI ในภาคโรงแรมและการท่องเที่ยวของย่างกุ้งสูงกว่า 230 ล้านเหรียญสหรัฐ

คณะทำงานด้านการท่องเที่ยวภูมิภาคย่างกุ้งได้อนุญาตให้ก่อสร้างโรงแรมและเกสต์เฮาส์ 21 แห่งมีมูลค่าลงทุนรวม 238.29 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงสี่เดือนได้ออกใบอนุญาตโรงแรม 33 ฉบับ ใบอนุญาตโรงแรมชั่วคราวหนึ่งใบ อนุญาตเกสต์เฮาส์ 8 ใบ อนุญาตสำหรับการก่อสร้างโรงแรม 18 แห่งจำนวน 2,136 ห้อง ใบอนุญาติก่อสร้างเกสต์เฮาส์ 3 แห่ง ใบอนุญาตทัวร์ขาเข้า 276 ใบ ใบอนุญาตทัวร์ขาออก 121 ใบและใบอนุญาตไกด์นำเที่ยว 218 ใบ การลงทุนรวมสูงถึง 114,924 ล้านจัตและ 238.29 ล้านเหรียญสหรัฐและสามารถสร้างงานใหม่ถึง 2,691 ตำแหน่ง ย่างกุ้งคิดเป็น 70% ของการลงทุนทั้งหมดในภาคโรงแรมและการท่องเที่ยว ในช่วงปลายเดือน ส.ค.อนุญาตให้มีการลงทุนรวม 26,674 ล้านจัต สามารถสร้างงานได้ถึง 335 อัตรา

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/total-fdi-at-hotel-and-tourism-sector-in-yangon-hits-over-230-m-usd

เวียดนามเผยยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ 11.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 6.3% yoy ในช่วงม.ค.-สิ.ค. 62

จากรายงานของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) เปิดเผยว่าในช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคมที่ผ่านมา เวียดนามสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้ถึง 11.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ บริษัทต่างประเทศที่ทำการส่งออกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยมูลค่าราว 117.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69.4 ของการส่งออกเวียดนามโดยรวม นอกจากนี้ ฮ่องกงยังคงเป็นผู้ที่ทำการลงทุนโดยตรงรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม รองลงมาเกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ตามลำดับ หากสังเกตในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น พบว่ามีการลงทุนโดยตรงอยู่ที่ 19.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20190827/vietnam-janaug-fdi-inflows-up-63-y-y-to-1196-billion-ministry/51098.html

สิงคโปร์ลงทุนในเมียนมาเพิ่มเป็นสามเท่า

รายงานของกระทรวงการลงทุนและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจต่างประเทศระบุตัวเลขเงินลงทุนจากสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และประเทศตะวันตกมีมูลค่าสูงถึง 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเพิ่มขึ้นสามเท่าในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยการลงทุนโดยตรง (FDI) จากจีนและฮ่องกงเพิ่มขึ้น 150% แตะระดับ 590 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาคพลังงานและการขนส่งมีการลงทุนมากขึ้น ภาคการผลิตสูงถึง 700 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเพิ่มขึ้น 60% ภาคขนส่งและการสื่อสารสูงถึงหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐหรือเพิ่มขึ้นสี่เท่า การลงทุนโดยตรงในทุกภาคการลงทุนคาดว่าจะมีการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี 31 – 32 ถึงเดือนมิ.ย. ของปี 61 – 62 มีการลงทุนจาก 49 ประเทศ มูลค่ากว่า 80.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีสิงคโปร์ติดอันดับ FDI มากที่สุด 21.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามมาด้วยจีนก20.68 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไทย 11.309 พันล้านเหรียญ ฮ่องกงกว่า 8.165 พันล้านเหรียญสหรัฐ และอังกฤษ 4.255 พันล้านเหรียญสหรัฐ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั้งหมดในอีก 20 ปีข้างหน้า คาดว่าจะสูงกว่า 220 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/singapores-investment-increases-threefold