Campu Bank ได้รับการรับรองว่าเป็นตัวแทนด้านการชำระเงินที่ปลอดภัยในตลาด CSX

ธนาคารกัมพูชา จำกัด (มหาชน) ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าทำหน้าที่เป็นตัวแทนด้านการชำระเงินในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการทำธุรกรรมโดยที่ผู้ขายโอนหลักทรัพย์หรือตราสารทางการเงินให้กับผู้ซื้อและผู้ซื้อโอนเงินให้ผู้ขาย โดยตัวแทนจะได้รับการรับรองและการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของกัมพูชา ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา โดยธนาคารจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการภูมิภาคอินโดจีนธนาคารกัมพูชา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่ามั่นใจว่าธนาคารจะสามารถมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้ความรู้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับผลประโยชน์ระยะยาวของการลงทุนในตลาดทุน ซึ่งในฐานะตัวแทนการชำระเงินธนาคารกัมพูชาจะใช้ประโยชน์ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์กัมปู จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมการซื้อขายหลักทรัพย์ให้กับนักลงทุนและเพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าขนาดใหญ่ผ่านสาขาเครือข่ายที่กว้างขวาง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50682363/campu-bank-accredited-as-cash-settlement-agents-security-market

จุรินทร์ถกทำแผนช่วย SMEs ผู้ประกอบการท้องถิ่นส่งออกตลาด CLMV

“จุรินทร์” ถก SMEs วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่น จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก หาทางช่วยส่งออกตลาด CLMV เตรียมใช้ 9 มาตรการเบิกทาง ก่อนลุยต่อช่วยผู้ประกอบการภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่น และผู้ผลิตสินค้าโอทอป จากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก รวม 82 ราย กับผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ ว่ามีเป้าเพื่อผลักดันให้นักธุรกิจท้องถิ่นมีโอกาสที่จะช่วยเพิ่มตัวเลขการส่งออกให้กับประเทศได้มากขึ้น และให้โอกาสกับนักธุรกิจและผู้ประกอบการใหม่ๆ ที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจหรือส่งออกให้มีลู่ทางส่งออกต่อไปในอนาคต โดยจะเริ่มต้นจากตลาด มาหารือเพื่อหาลู่ทางเร่งรัดการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ก่อนจากแต่ละปีไทยมีมูลค่าการค้ากับตลาดใน CLMVประมาณ 27,500 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9630000007139

ทีเส็บ จับมือ 2 พันธมิตรจัดแคมเปญ Fly, Meet, Shop กระตุ้นนักเดินทางธุรกิจกลุ่ม CLMV

ทางผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการจัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล ได้ร่วมกับผู้บริหารจากสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และบริษัท เซ็นทรัล ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ จำกัด เพื่อรุกตลาดไมซ์ในกลุ่มประเทศ CLMV โดยจัดงานเปิดตัวแคมเปญ “Fly, Meet, Shop” เป็นครั้งแรกในกรุงพนมเปญ ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นตลาดการจัดประชุมสัมมนาและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลของบริษัทและองค์กรธุรกิจ (Meetings and Incentives-MI) จากประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม ให้เลือกไทยเป็นสถานที่จัดงาน ต่อเนื่องจากผลสำเร็จของความร่วมมือระหว่างทีเส็บและบางกอกแอร์เวย์ส ในแคมเปญดังกล่าวและ “Fly and Meet Double Bonus Redefined” เจาะตลาด CLMV ในปี 2561 และ 2562 ตามลำดับ และคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่ม CLMV จะยังเติบโตในอัตราสูงถึง 6-7% ซึ่งทีเส็บได้นำเสนอจุดขายใหม่ของประเทศไทย 115 แห่งที่ได้ร่วมพัฒนากับ 5 เมืองไมซ์ทั่วไทยและเมืองใกล้เคียงผ่านโครงการ Thailand 7 MICE Magnificent Themes ที่มีศักยภาพรองรับนักเดินทางไมซ์ในปี 2563

ที่มา : https://www.prachachat.net/tourism/news-412966

นักลงทุนต่างชาติพร้อมที่จะลงทุนโครงการที่อยู่อาศัย

ในปัจจุบันหนี้ไม่พ้นจากปรากฎการณ์การขยายตัวอย่างรวดเร็วของความเป็นเมืองทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เช่น เวียดนามที่มีจำนวนประชากรเติบโตอย่างรวดเร็วจากในปี 1990 อยู่ที่ 66 ล้านคนมาจนถึงปี 2562 ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 96.5 ล้านคน ซึ่งนับว่าเวียดนามอยู่ในอันดับที่ 3 ของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ อัตราการเกิดต่ำส่งผลให้มีการย้ายไปสู่เมืองมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ เวียดนามต้องเผชิญกับความไม่สมดุลระหว่างอุปทานที่อยู่อาศัยกับความต้องการที่แท้จริง โดยจากข้อมูลของ JLL พบว่าอุปทานรวมของอพาร์ทเมนท์ในเมืองสำคัญ ณ ไตรมาสที่ 4/62 อยู่ที่ 201,707 ยูนิต ซึ่งอัตราดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งทางคุณสตี่เฟน (Country Head) มองว่าควรมุ่งเน่นไปที่ตลาดที่อยู่อาศัย เนื่องจากเป็นความต้องการที่แท้จริง ทั้งนี้ เขตเมืองทุกวันนี้กำลังเผชิญกับปัญหาที่ดินลดน้อยลงจากราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น เป็นผลมาจากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่มากเกินไปและการขาดแคลนของสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เป็นต้น นอกจากนี้ ในอีก 10 ปีข้างหน้า เวียดนามจะอยู่ในช่วงกลุ่มประชากรยุคทอง จากการจ้างงานอุตสาหกรรมและบริการเพิ่มสูงขึ้น และ 1 ใน 4 ของประชากรรวมจะอยู่ในวัย 10-24 ปี ด้วยเหตุนี้จะเป็ยแรงผลักดันให้ราคาที่อยู่อาศัยไม่สูงมากนัก สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการพาณิชย์นั้น นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่มักจะค้นหาที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย (การชดเชยค่าเสียหาย,สถานที่รื้อถอน เป็นต้น) อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดังกล่าวมักจะหาได้ยาก เนื่องจากตลาดอสังหาฯเวียดนามยังคงไม่สมบูรณ์และค่อนข้างชนบท

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/foreign-investors-ready-to-invest-big-in-vietnam-housing-409122.vov