บริษัทประกันต่างประเทศเพิ่มเงินลงทุนกว่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเมียนมา

คณะกรรมการการลงทุนของเมียนมา (MIC) ระบุว่าตั้งแต่ปีที่แล้วมีนักลงทุนได้ลงทุนในธุรกิจประกันภัยเมียนมาเป็นจำนวน 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 60 พันล้านจัต ปี 2562 กระทรวงการวางแผนการเงินและอุตสาหกรรมได้รับอนุญาตให้บริษัท ประกันชีวิตต่างประเทศห้าแห่ง บริษัทประกันชีวิตร่วมทุนหกบริษัท และบริษัทประกันวินาศภัยเพื่อดำเนินงานในตลาดประกันภัยในประเทศ ได้แก่ AIA, Chubb, Dai-ichi, Manulife และ Prudential ได้ลงทุนรวม 65 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัท ประกันชีวิตร่วมทุนสามแห่ง ได้แก่ Capital Taiyo Life, CB Life และ GGI Nippon Life- ลงทุน 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐและประมาณ 10 พันล้านจัต ในขณะเดียวกัน บริษัท ประกันวินาศภัยที่ร่วมลงทุนทั้งสามแห่ง ได้แก่ AYA Sompo, GGI Tokio Marine และ KBZ MS ได้ลงทุน 26 ล้านเหรียญสหรัฐและ 56 พันล้านจัต MIC ชี้ภาคประกันภัยมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2.6 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 62-63 เมียนมาคาดจะมี FDI ทั้งสิ้น 5.8 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณนี้

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/foreign-insurers-added-more-us120m-industry.html

บ่อแก้วพัฒนาประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงปศุสัตว์เพื่อการส่งออกไปยังจีน

การส่งออกปศุสัตว์เป็นสินค้ากลุ่มที่สร้างมูลค่าการส่งออกสูงสุดในปี 2562 โดยโคสร้างรายรับประมาณ 227.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปี 61 เส้นทางการส่งออกจะส่งผ่านทางแขวงบ่อแก้ว เป็นแขวงที่เหมาะแก่การเลี้ยงปศุสัตว์เพื่อขายในประเทศจีนเนื่องจากมีสภาพอากาศที่เหมาะสมและตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนจีน อย่างไรก็ตามโคกระบือที่ส่งออกไปส่วนใหญ่สปป.ลาวนำเข้ามาจากไทยอีกทีและค่อยส่งออกไปยังจีนเนื่องจากโคกระบือไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่จีนกำหนดทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณทำให้สปป.ลาวยังต้องพึ่งพาโคกระบือจากไทยอยู่ จุดนี้เองเป็นสิ่งที่สปป.ลาวต้องหันมาพัฒนาการเพาะเลี้นยงโคกระบือให้ประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการลงทุนในเทคโนโลยี รวมถึงการนำเข้าพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่มีคุณภาพ ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้การเพาะเลี้ยงปศุสัตว์ของสปป.ลาวให้พัฒนาขึ้น และในอนาคตจะทำให้ผลิตโคกระบือมีประสิทธิภาพขึ้นจนสามารถส่งออกไปยังจีนได้เอง

ที่มา :  http://annx.asianews.network/content/bokeo-eyes-cattle-exports-china-114924

รัฐบาลนำระบบ TaxRIS เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ภาครัฐ

รัฐบาลจะนำระบบข้อมูลการจัดการรายได้จากภาษี (TaxRIS) เพื่อจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส โดยได้มีการ จัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ภาษีจากทั่วประเทศเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชีของธุรกิจและปัญหาด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับระบบ TaxRIS เพื่อสร้างระบบการจัดเก็บภาษีที่ดีทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น โดยในปีนี้กระทรวงการคลังคาดว่าจะมีรายรับ 28,997 พันล้านกีบหรือ 16.31% ของ GDP เพิ่มขึ้น 9.4% จากแผนปี 2562 ดังนั้นการนำระบบ TaxRIS เข้ามาจะทำให้รัฐบาลได้รับรายได้ตามเป้านั้นเอง TaxRIS มีเป้าหมายที่จะทำให้การจัดการรายได้ทันสมัยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดตามแบบระดับสากล

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/govt-goes-hi-tech-boost-revenue-collection-114923

รัฐบาลกัมพูชาเร่งพัฒนาจุดผ่านแดนและจุดตรวจตามชายแดนจากปัญหาความแออัด

รัฐบาลกัมพูชาได้ผลักดันให้มีการดำเนินการตามจุดผ่านแดนและจุดตรวจตามชายแดนไทยและเวียดนามเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนมากขึ้นตามนโยบายที่กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินได้ตั้งไว้ โดยกระทรวงกล่าวว่าหลังจากสะพานสึบาสะ (หรือที่รู้จักในชื่อสะพาน Neak Loeung) เสร็จสิ้นปริมาณการขนส่งและการจราจรข้ามพรมแดนระหว่างกัมพูชากับเวียดนามที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากมีเพียงเส้นทางเดียวสำหรับการข้ามระหว่างสองประเทศจึงมีความแออัดอย่างมากเนื่องจากทั้งสินค้าและผู้โดยสารไม่สามารถแยกออกจากกันเพื่อคัดแยกการจราจรอย่างมีประสิทธิภาพได้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกัมพูชา ร่วมกับหัวหน้าคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจและการเงินกล่าวในการประชุมว่าด่านปอยเปตจุดข้ามพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชากำลังประสบกับความแออัดเช่นกัน จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์พบว่าการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยสูงถึง 9.41 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงปลายปี 2562 ส่วนการค้าระหว่างกัมพูชาและเวียดนามมีมูลค่า 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 13.8% จากเดือนมกราคมถึงตุลาคม 2562

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50697464/economy-minister-urges-better-infrastructure-to-prevent-congestion-at-border-crossings

นครวัดกำลังประสบกับปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 37% ใน 2 เดือนแรก

อุทยานโบราณคดีอังกอร์อันโด่งดังของกัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 341,494 คน ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2563 ลดลง 37% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอุทยานโบราณคดีสร้างรายได้รวม 16.2 ล้านเหรียญสหรัฐจากการขายตั๋วในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีนี้ลดลง 35% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาจากการที่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นหลัก ซึ่งการลดลงเนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 โดยรัฐบาลได้ตัดสินใจที่จะลดหย่อนภาษีสำหรับโรงแรมและเกสต์เฮาส์ในจังหวัดทางตะวันตกเฉียงเหนือของเสียมเรียบเป็นเวลา 4 เดือนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม ซึ่งอุทยานโบราณคดีอังกอร์จารึกอยู่ในรายชื่อมรดกโลกขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ในปี 2535 เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของกัมพูชา โดยค่าธรรมเนียมเข้าชมอยู่ที่ 37 เหรียญสหรัฐ สำหรับการเยี่ยม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50697592/cambodias-famed-angkor-sees-37-percent-drop-in-foreign-tourists-in-first-2-months