GDP ของเวียดนามชะลอตัวเล็กน้อยในปี 2563

จากการคาดการณ์ของ Fitch Solutions ระบุว่าการเติบโตของ GDP เวียดนามจะแตะอยู่ในระดับร้อยละ 6.8 จากร้อยละ 7.02 ในปี 2562 เนื่องมาจากการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรม โดยโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นคอขวด ทำให้การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16.5 ของเศรษฐกิจเวียดนาม ทั้งนี้ ในเดือน พ.ย. 62 การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมเวียดนาม มีการชะลอตัวลงร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560 ส่วนภาคเกษตรกรรมได้รับแรงกดดันอย่างมาก เนื่องมาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่อยู่ในบริเวณแม่น้ำโขง สปป.ลาว และผลกระทบของโรคไข้หวัดหมูแอฟริกา อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาคการก่อสร้างและการบริการจะสามารถพยุงการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจได้บางส่วน นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าการขยายตัวของภาคบริการได้รับแรงสนับสนุนจาก 4 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างแรงงานที่แท้จริง นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยือนอย่างต่อเนื่อง การเข้ามาของบริษัทต่างชาติที่ต้องการหลีกเลี่ยงภาษีจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาคการเงินที่ยังคงแข็งแกร่งอยู่

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/570811/viet-nams-gdp-to-ease-slightly-in-2020.html

ยอดผลิตรถยนต์เพิ่มในปี 62

การผลิตรถยนต์ในเมียนมาเพิ่มขึ้นหนึ่งในสามระหว่างเดือนม.ค. – พ.ย.ในปีที่แล้วเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรถยนต์ใหม่จำนวน 14,042 คันที่ผลิตโดยใช้ระบบ Semi-knocked-down (SKD)  ยอดขายเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วรวมเป็น 19,274 คัน แสดงให้เห็นการซื้อยานพาหนะใหม่มาจากความพร้อมของแผนการชำระเงินค่างวดซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นของผู้ซื้อ บริษัท 18 แห่งได้รับอนุญาตให้ประกอบรถยนต์โดยใช้ระบบ SKD ของโรงงานในประเทศ ภายใต้นโยบายการนำเข้ายานพาหนะปี 2563 สามารถนำเข้าเฉพาะรถขับเพวงมาลัยซ้าย และยังระบุด้วยว่ารุ่นปีจะต้องไม่ต่ำกว่าปี 60 ตามที่กระทรวงพาณิชย์ระบุ หากรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ 1,350 CC นำเข้าจะต้องเป็นปี 60 หรือใหม่กว่า ส่วนรถมินิบัส รถเมล์ รถโดยสารด่วน และรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ที่ผลิตในปี 2559 หรือต่ำกว่านั้นอนุญาตให้นำเข้าได้

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/car-production-sales-rise-2019.html

เมียนมาเซ็นสัญญาฉบับใหม่ส่งออกข้าวไปจีน

Mandalay Rice Development Company ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับใหม่โดยมีเป้าที่จะส่งออกข้าว 50,000 ตันไปยังจีน ปี 62 ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำข้อตกลงกับ บริษัท พัฒนาข้าวมันดาเลย์มีข้อตกลงกับ Shwe Charnt Company จากจีนในการส่งออกข้าว 100,000 ตัน โดยผ่านทางถนนใหม่ของด่านชินฉ่วยโอ ในอดีตการส่งออกข้าวส่วนใหญ่ผ่านทางถนนมูเซ เมียนมามีรายรับ 650 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกข้าวและข้าวหักมากกว่า 2.16 ล้านตันใน 11 เดือนในปีนี้น้อยกว่า 780,000 ตันในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วและมีรายรับ 1,003 ล้านเหรียญสหรัฐ เมียนมาพบตลาดใหม่สำหรับการส่งออกในปี 59-60 และมีการส่งออกข้าวประมาณ 3.6 ล้านตันซึ่งทำลายสถิติในระยะเวลา 50 ปี การส่งออกข้าวถูกปฏิเสธในปีนี้เนื่องจากความต้องการจากสหภาพยุโรปและจีนลดลง เมียนมาส่งออกข้าวผ่านทางทะเลไปยังสหภาพยุโรปและแอฟริกา ส่วนจีนผ่านเส้นทางการค้าชายแดนของมูเซ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/myanmar-signs-new-contract-to-export-rice-to-china

สปป.ลาวเชื่อมโยงพลังงานไฟฟ้า 195MW ไปยังประเทศกัมพูชา

เมื่อวันที่ 7 มค. 63 กัมพูชาและสปป.ลาวได้ทำการทดสอบโรงงานไฟฟ้าที่เกิดจากความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศ โดยจะมีการส่งพลังงานกระแสไฟฟ้า 200 เมกะวัตต์ (MW จากเขื่อน Dan Sahong ในสปปลาวมายังโรงงานไฟฟ้าStung Treng ของกัมพูชา วิกเตอร์โจน่าผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพลังงานของกระทรวงพลังงานของกัมพูชากล่าวว่า “การนำเข้าอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้เมื่อดำเนินการอย่างเป็นทางการจะนำเข้ากระแสไฟฟ้าได้ถึง 195MW ผ่านสายส่งขนาด 230kV ในจังหวัด Stung Treng และต่อไปยังกรุงพนมเปญ”ปัจจุบันกัมพูชานำเข้าพลังงานจากสปป.ลาวระหว่าง 50MW ถึง 70MW และในอีก 4 ปีข้างหน้าจะมีนำเข้าไฟฟ้าจากสปป.ลาวอีก 500 เมกะวัตต์ ผ่านสายส่งเดิมที่แล้วเสร็จในปีนี้เป็นผลดีกับทั้ง 2 ประเทศทั้งในเรื่องพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงจะส่งเสริมให้ทั้งกัมพูชาและสปป.ลาวมีเศรษฐกิจที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677525/laos-links-195mw-power-to-cambodia

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (MSMEs)กำลังขาดโอกาสทางการตลาดที่ดี

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (MSMEs)ของสปป.ลาวกำลังประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจนอกเหนือจากปัญหาเดิมอย่างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยาก นั้นคือการจัดแสดงในงานแสดงสินค้าเป็นความท้าทายอีกประการหนึ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในท้องถิ่นที่ต้องการส่งเสริมอย่างสม่ำเสมอเพื่อยกระดับโปรไฟล์ของพวกเขาโดยกลุ่มเจ้าของบริษัทต่างๆ บอกกับเวียงจันทน์ไทมส์ว่า“ เราต้องจ่ายค่าเช่าบูธมากเกินไปในงานแสดงสินค้าต่างๆ หากเป็นไปได้รัฐบาลควรช่วย MSME ในการจัดเตรียมพื้นที่ว่างหรือให้เงินอุดหนุน 50%สำหรับการเช่าบูธในงานแสดงสินค้า” ทั้งนี้ปัจจุบันภาครัฐมีการส่งเสริมการผลิตและบริโภคสินค้าในประเทศเพื่อลดการนำเข้าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของ MSME ที่แต่กลับกัน MSME หลายๆธุรกิจไม่เป็นที่รู้จักและเข้าถึงลูกค้าได้ยากเพราะไม่มีโอกาสจัดแสดงในงานต่างๆ รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อมาต่อยอดธุรกิจทำให้ยังไม่เกิดการพัฒนาในธุรกิจ ดังนั้นรัฐบาลควรมีการสนับสนุนในการสนับสนุนให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการทำธุรกิจเพราะจะเป็นการช่วยกระตุ้นทั้งการลงทุนในประเทศจากภาคครัวเรือนรวมถึงการบริโภคระดับครัวเรือนที่มากขึ้นอีกด้วย

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lack-marketing-opportunities-budget-add-msme-woes-111627

รัฐบาลอนุมัติร่างแผนแม่บทการขนส่งของกัมพูชา

รัฐบาลกัมพูชาได้อนุมัติร่างแผนแม่บทด้านการขนส่งและการเชื่อมต่อโลจิสติกส์ตามที่กระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกล่าว โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการเงินพร้อมด้วยหัวหน้าสภาโลจิสติกส์แห่งชาติ (NLC) รวมถึงที่ปรึกษาอาวุโสของรัฐบาลกัมพูชา เข้าร่วมการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่ออนุมัติสำเนาร่าง ซึ่งมีการจัดทำแผนแม่บทโลจิสติกส์แห่งชาติและสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาแห่งชาติปี 2562-2566 และนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรม 2558-2568 โดยแผนแม่บทด้านโลจิสติกส์แห่งชาติจัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ซึ่งหวังว่าจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสามารถช่วยกัมพูชาดึงดูดการลงทุนและสร้างงานให้กับประชาชนของประเทศ เช่นโครงการทางหลวงหมายเลข 1 ของอาเซียน เครือข่ายถนนที่เชื่อมต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษหลัก ซึ่งตอนนี้ร่างแผนแม่บทด้านการขนส่งและโลจิสติกส์เสร็จสมบูรณ์และรัฐบาลได้อนุมัติแล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677668/government-approves-draft-of-intermodal-master-plan

มูลค่าการนำเข้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น 50% ในปี 2562

มูลค่าของวัสดุก่อสร้างที่นำเข้ามาในกัมพูชาเพื่อภาคการก่อสร้างเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในปี 2562 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2561 โดยตัวเลขจากธนาคารแห่งชาติกัมพูชา(NBC) แสดงให้เห็นว่ามูลค่ารวมของวัสดุก่อสร้างรวมถึงอุปกรณ์ก่อสร้าง ปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์เหล็กอยู่ที่ประมาณ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 มูลค่าการนำเข้าวัสดุก่อสร้างในปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งภาคการก่อสร้างเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2562 ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 7.1% จากรายงานเศรษฐกิจมหภาคและการธนาคารของ NBC ในปี 2019 โดยโครงการก่อสร้างในกัมพูชามีจำนวนทั้งสิ้น 4,446 โครงการในปี 2562 เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่การลงทุนมีมูลค่าถึง 9.3 พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 78% ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการจัดการที่ดินการวางผังเมืองและการก่อสร้างกล่าวว่าภาคการก่อสร้างเติบโตได้เพราะเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของประเทศ โดยการลงทุนส่วนใหญ่ในจังหวัดพระสีหนุมาจากนักลงทุนจีน ซึ่ง NBC กล่าวในมุมมองปี 2563 ว่าเศรษฐกิจของกัมพูชายังคงแสดงสัญญาณการเติบโตที่แข็งแกร่งในปี 2563 ที่ 7% จากการส่งออก การก่อสร้างและการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677526/building-material-import-value-increased-50-percent-in-2019