ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจกัมพูชา

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่งเปิดใหม่หรือมีชื่อว่า IWF Investment Cambodia ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ Tin Yuet (TY) ของสิงคโปร์ โดยบริษัทในสิงคโปร์และ Asia Union Reits จะให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์และให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์แก่นักลงทุนต่างชาติในกัมพูชา ซึ่งมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างพิธีเปิดการลงทุนอย่างเป็นทางการของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ IWF Investment โดยกล่าวเสริมว่าการพัฒนาทางเศรษฐกิจของกัมพูชากำลังเติบโตควบคู่ไปกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งให้โอกาสมากมายแก่นักลงทุน ซึ่งจะร่วมเป็นพันธมิตรกับ TY Capital นำนักลงทุนต่างชาติที่สนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มายังกัมพูชา โดย TY Capital จะให้คำปรึกษาแก่นักลงทุนต่างชาติและจะแนะนำนักลงทุนให้กับ IWF Investment สำหรับการจัดการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศกัมพูชา ซึ่งหวังว่าการเป็นพันธมิตรกับ TY Capital จะนำนักลงทุนมาที่กัมพูชามากขึ้นและยังนำความรู้ด้านเทคนิคมาสู่กัมพูชาอีกด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677277/real-estate-firms-cement-a-powerful-partnership

จำนวนนักท่องเที่ยวในกัมพูชาจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2020

การคาดการณ์ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังกัมพูชาจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2563 แม้ว่าจะมีอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตามรายงานของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะสูงถึง 7 ล้านคนในปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 6.7 ล้านคนในปี 2562 ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนยังคงเป็นตลาดหลักที่สำคัญในภาคการท่องเที่ยวของประเทศตามรายงาน โดยกล่าวว่านักท่องเที่ยวชาวจีนคิดเป็น 38% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะแนวโน้มการเข้าชมพื้นที่ชายฝั่งทะเลและการทำธุรกิจภายในประเทศ ในการเปรียบเทียบการคาดการณ์การเติบโตที่ 6.1% ในปี 2563 ลดลงจาก 10.7% ในปี 2561 และประมาณ 8.7% ในปี 2019 โดยปัญหาภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาและปัญหาภายในอื่นๆ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในจังหวัดเสียมราฐลดลง แต่กลับกันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในฝั่งของจังหวัดพรีสีหนุซึ่งเป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงพนมเปญ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวได้ตั้งเป้าหมายที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 11 ล้านคนภายในปี 2568 และ 25 ล้านในปี 2573

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50677162/tourist-arrivals-forecasts-continued-growth-in-2020

ร่างกฎหมายใหม่เมียนมากระตุ้นตลาดสินเชื่อ

กระทรวงแผนงาน การเงิน และอุตสาหกรรมกำลังร่างกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยจากการทำธุรกรรมโดยความช่วยเหลือจาก International Finance Corporation จุดประสงค์เพื่อจัดตั้งตลาดสินเชื่อที่ทันสมัยอย่างเป็นทางการซึ่งผู้กู้สามารถใช้ทรัพย์สินที่เคลื่อนที่ได้เป็นหลักประกัน และไมโคร วิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดกลางสามารถเข้าถึงทางการเงินได้ดีขึ้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากของรัฐบาลในการรับเครดิตซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่พิจารณาในดัชนีความสะดวกในการทำธุรกิจของธนาคารโลกง่ายขึ้น ในรายงานปี 62 ธนาคารโลกระบุว่าเมียนมาต้องปรับปรุงการเข้าถึงสินเชื่อสำหรับธุรกิจ เนื่องจากจำนวนสินเชื่อในระหว่างปีลดลง หนึ่งในเหตุผลคือธนาคารไม่เต็มใจปล่อยกู้ให้กับผู้กู้โดยไม่มีหลักประกัน เช่น ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ สำนักสินเชื่อเมียนมาได้ลงนามในข้อตกลงกับ Equifax New Zealand Services and Solutions Ltd เพื่อจัดตั้งสำนักเครดิตเพื่อช่วยให้ธนาคารตัดสินใจได้ดีขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงและการให้สินเชื่อ

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/new-law-works-help-set-myanmar-credit-market.html

ปี 63 คาดตลาดค้าส่งค้าปลีกเมียนมาเพิ่มขึ้น

กรรมการผู้จัดการ บริษัท Pro 1 Global Company คาดค้าปลีก ค้าส่งในเมียนมาปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเป็นกิจการร่วมค้าปลีกระหว่างนักลงทุนในประเทศและไทย นอกจากนี้ค้าปลีกธุรกิจต่างประเทศและกิจการร่วมค้าไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการตลาดขนาดเล็กร้านสะดวกซื้อและการจำหน่ายปลีกที่พื้นมีขนาดเล็กกว่า 929 ตารางเมตร ปัจจุบันร้านค้าปลีกสมัยใหม่มีสัดส่วนประมาณ 10% ของตลาดค้าปลีกและคาดว่าจะเพิ่มเป็น 25% ภายในปี 63 ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อกำลังผุดขึ้นในเมียนมาเพื่อรองรับพฤติกรรมและความชอบของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จากร้านค้าปลีกประมาณ 250,000 แห่งประกอบด้วยร้านขายของชำ สิ่งอำนวยความสะดวก ผ้า ร้านขายยา และแฟชั่นเป็นห้าอันดับแรกซึ่งคิดเป็น 45% ของร้านค้าปลีกรวม การเปิดเสรีมีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุน การลงทุนจากต่างประเทศจะลงทุนในสินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร ของใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ยา เครื่องจักร วัสดุก่อสร้าง สินค้าเกษตร และอิเล็กทรอนิกส์ได้เข้าสู่ตลาดเมียนมา รวมถึง MyCare Unicharm DKSH จากไทย Toyota Tsusho จากญี่ปุ่น Unilever จากเนเธอร์แลนด์ ADM และ Frontir จากสหรัฐอเมริกาและ Nestle จากสวิตเซอร์แลนด์ ภาพรวมการเปิดเสรีค้าปลีกและค้าส่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ โดยการแข่งขันจะเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/more-activity-expected-myanmars-wholesale-and-retail-market-year.html