เมโทรเมียนมาวางแผนเปิดโชว์รูมสินค้าในมัณฑะเลย์

METRO Wholesale Myanmar บริษัท บริษัทค้าส่งต่างประเทศรายแรกกำลังวางแผนจะเปิดร้ายขายสินค้าในมัณฑะเลย์ ซึ่งร้านขายสินค้าเปิดในย่างกุ้งไปแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมาเมโทรเมียนมาร์มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำตลาดในประเทศที่สามารถช่วยส่งเสริมความร่วมมือและการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กรและเศรษฐกิจ ซึ่งให้การบริการด้านโรงแรม ร้านอาหาร ปัจจุบันศูนย์กลางคลังสินค้ามีขนาด 5,800 ตารางเมตรในติวาลา ปัจจุบันลูกค้าทั่วประเทศสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้มากกว่า 2,000 รายการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่นมือถือ โดยสินค้าจะถูกส่งมอบสินค้าโดยรถบรรทุกที่ควบคุมอุณหภูมิของบริษัทโลจิสติกส์

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/metro-wholesale-myanmar-plans-to-open-showroom-in-mandalay

โตโยต้าเมียนมาเริ่มประกอบรถยนต์ในปี 64

บริษัท พัฒนาติวาลาเมียนมา – ญี่ปุ่น (MJTD) ใช้พื้นที่ 21 เฮคเตอร์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติวาลา (SEZ) เพื่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์และสามารถเริ่มผลิตรถยนต์ในปี 64 MJTD มีพื้นที่ 2,400 ไร่ใน SEZ มีพื้นที่ 405 เฮคตาร์ในโซน A และโซน B ถูกนำไปใช้โดยบริษัท โตโยต้าจากญี่ปุ่นบนพื้นที่ 21 เฮคเตอร์ ซึ่งจะตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ด้วยทุน 52.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐและประกอบ Toyota Hilux โดยระบบ SKD (Semi Knock Down) ปีละ 2,500 คันเริ่มตั้งแต่ปี 64 และมีพนักงาน 130 คน รายได้ทั้งหมดของ TMY นั้น 85% แบ่งเป็น Toyota Motor Corporation และอีก 15% เป็น Tsusho Corporationความต้องการซื้อรถใหม่ของตลาดเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากข้อมูลปี 61 มีการผลิตประมาณ 18,000 คัน และเพิ่มสองเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โตโยต้าขายโตโยต้าไฮลักซ์วีออสรัชและอื่น ๆ และ TMY ก่อตั้งขึ้นในเดือน มิ.ย.ปี 62

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/toyota-to-begin-auto-assembly-in-myanmar-in-2021

ภาคธุรกิจประเมินความสะดวกในการลงทุนการค้าในสปป.ลาว

สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติสปป.ลาว ทำการประเมินวิธีการอำนวยความสะดวกในแขวงต่างๆและนครหลวงเวียงจันทร์ในการลงทุนและการค้าภายใต้โครงการระยะที่ 2 ของโครงการ ProFIT การประเมินนี้คาดว่าจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคธุรกิจและเป็นประโยชน์ต่อภาครัฐ โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก ADB ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อ ADB ที่จะได้รับข้อมูลที่ชัดเจนซึ่งเกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือในบางโครงการที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐ การวิเคราะห์จะดำเนินการคาดว่าจะเสร็จสิ้นทั่วประเทศภายในสิ้นเดือนพ.ย. โดยจะจัดลำดับความสะดวกในการทำธุรกิจในแต่ละแขวง และวัตถุประสงค์ของโครงการอีกประการหนึ่งคือการวิเคราะห์และเปรียบเทียบสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามกฎระเบียบ นอกจากนี้ยังประเมินการบริการสาธารณะและการจัดอันดับแขวงที่มีขีดความสามารถเพื่อจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการค้าและการลงทุนและยังส่งเสริมความสามารถของผู้ประกอบการ รัฐบาลได้รับประโยชน์จากการได้รับข้อมูลที่สำคัญสำหรับการเปรียบเทียบการบริการสาธารณะในระดับแขวงเพื่อปรับปรุง ดังนั้นจึงเป็นเครื่องมือวัดและประเมินผลสำหรับรัฐบาล ProFIT จะช่วยให้จังหวัดต่างๆดึงดูดการลงทุนและในขณะเดียวกันธุรกิจก็สามารถนำปัญหามาใช้เพื่อหาแนวทางแก้ไข

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/business-sector-assesses-facilitation-investment-trade-laos-105441

กัมพูชามีอัตราภาษีนิติบุคคลที่ต่ำที่สุดใน SEA

กัมพูชาสร้างความน่าสนใจให้กับนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น โดยเป็นประเทศที่อัตราภาษีต่ำที่สุดในภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่ง Trading Economics เป็นแพลตฟอร์มทางสถิติเศรษฐกิจออนไลน์แสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีอัตราภาษีนิติบุคคลต่ำเป็นอันดับที่สามในภูมิภาครองจากบรูไนและสิงคโปร์ โดยอัตราภาษีนิติบุคคลของกัมพูชาในปัจจุบันอยู่ที่ 20% ซึ่งเท่ากับอัตราภาษีไทยและเวียดนาม โดยสิงคโปร์มีอัตราที่ต่ำที่สุดในภูมิภาคอยู่ที่ 17% รองลงมาคือบรูไนอยู่ที่ 18.5% ซึ่งผู้เชี่ยวชาญในประเทศและต่างประเทศต่างกล่าวว่าเป็นเรื่องสำคัญที่กัมพูชาจะต้องเสนออัตราภาษีนิติบุคคลที่ต่ำหรือให้มีการแข่งขันกันเกิดขึ้น ตามรายงานจากภาครัฐ FDI ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงได้รับประโยชน์จากเขตภาษีที่ต่ำโดย FDI เพิ่มขึ้นจาก 62 พันล้านดอลลาร์ในปี 2560 เป็น 77 พันล้านดอลลาร์ในปี 2561 เทียบกับกัมพูชา 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับปี 2561

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50647262/cambodia-has-one-of-the-lowest-corporate-tax-rates-in-sea/