บางกอกแอร์เวย์สเปิดเที่ยวบินร่วม CLMV
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (PG) เปิดเผยว่า บริษัทการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ได้ลงนามข้อตกลง ในการให้บริการเที่ยวบินร่วมกับสายการบิน เตอร์กิชแอร์ไลน์ (TK) เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารเดินทางเชื่อมต่อจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ผ่านเที่ยวบินของ บางกอกแอร์เวย์สไปแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งในประเทศไทยและประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ,สปป.ลาว ,เมียนมา และเวียดนาม) โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา ครอบคลุมเส้นทาง กรุงเทพฯ-ดานัง (เวียดนาม) กรุงเทพฯ-เกาะฟู้โกว๊ก (เวียดนาม) กรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง (เมียนมา) กรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์ (เมียนมา) กรุงเทพฯ-เนปิดอว์ (เมียนมา) กรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ (สปป.ลาว) และกรุงเทพฯ-หลวงพระบาง (สปป.ลาว) นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 เส้นทางได้แก่ กรุงเทพฯ-พนมเปญ และกรุงเทพฯ-เสียมราฐ รออนุมัติจากรัฐบาลประเทศกัมพูชา
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
เวียดนามผลักดันกฎหมายให้ชาวต่างชาติเดินทางมาเกาะฟูโกว๊ก โดยไม่ต้องใช้วีซ่าเป็นระยะเวลา 30 วัน
จากรายงานของกระทรวงความมั่งคงสาธารณะเวียดนาม (MPS) เปิดเผยว่าทางกระทรวงฯ กำลังผลักดันกฎหมายที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาบนเกาะฟูโกว๊ก (Phu Quoc) โดยไม่ต้องใช้วีซ่าเป็นเวลา 30 วัน ซึ่งข้อเสนอดังกล่าว อยู่ในช่วงร่างกฎหมายในการเดินทางเข้าเมือง (กฎหมายลำดับที่ 47) ซึ่งจุดประสงค์ของกฎระเบียบดังกล่าว เพื่อยับยั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เห็นผลประโยชน์จากกฎระเบียบนี้ และเข้ามาทำงานในประเทศเวียดนาม โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน นอกจากนี้ จากรายงานของกรมการท่องเที่ยวเวียดนาม ระบุว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังเกาะฟูโกว๊กมากกว่า 2.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
เวียดนามเผยจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ 79,300 ราย ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562
จำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 พบว่า มีผู้ประกอบการธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ จำนวน 79,300 ราย ด้วยมูลค่าการจดทะเบียนรวม 42.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 และ 29.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามลำดับ ซึ่งทุนจดทะเบียนเฉลี่ยการจัดตั้งของแต่ละบริษัทใหม่อยู่ที่ 12.6 พันล้านด่อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.9 นับว่าอยู่ในระดับสูงที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากจำแนกโครงสร้างเศรษฐกิจ พบว่าภาคการบริการมีสัดส่วนของจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่มากที่สุด ด้วยจำนวนธุรกิจกว่า 56,600 ราย รองลงมาภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง 21,600 ราย และภาคเกษตรกรรม ป่าไม้ และประมง 1,100 ราย ตามลำดับ โดยภูมิภาคที่มีสัดส่วนของจำนวนการจัดตั้งธุรกิจใหม่มากที่สุด คือ ภาคกลาง และที่ราบสูงของเวียดนาม
ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/79300-new-businesses-set-up-in-seven-months/157104.vnp
แรงงานที่มีทักษะของเมียนได้รับอนุญาตให้ทำงานในญี่ปุ่นได้นานถึงห้าปี
ภายใต้บันทึกความร่วมมือ (MoC) ระหว่างเมียนมาและญี่ปุ่นลงนามเมื่อวันที่ 28 มีนาคมปีนี้ แรงงานที่มีทักษะจะได้รับอนุญาตให้ทำงานอยู่ในญี่ปุ่นเป็นเวลาห้าปีเพื่อทำงานให้กับ 14 ภาคส่วน เช่น พนักงานดูแลสุขภาพ อาคาร การทำความสะอาด เครื่องจักรและชิ้นส่วนประกอบ อุตสาหกรรมไฟฟ้า ประปา อิเล็กทรอนิกส์ การก่อสร้าง การต่อเรือและเครื่องจักร บำรุงรักษารถยนต์ การบิน บริการโรงแรม การเกษตร การประมง ปศุสัตว์ อาหารและเครื่องดื่ม ทั้งสองประเทศได้ตกลงกันในเรื่องมาตรฐานที่กำหนดสำหรับบริษัทจัดหางานในต่างประเทศ บริษั จัดหางานที่ลงทะเบียนที่กรมแรงงานต้องปฏิบัติตามกฎและมาตรฐานที่กำหนดในการส่งแรงงานฝีมือไปญี่ปุ่น
ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/skilled-myanmar-workers-to-be-allowed-up-to-five-year-work-in-japan
ครึ่งปีแรกของปี 62 FDI เมียนมาพุ่ง 77% คิดเป็น 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
สถิติจากคณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัท (DICA) สิงคโปร์เป็นนักลงทุนอันดับต้น ๆ มีมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจำนวนโครงการที่ลงทุนจำนวน 13 โครงการ อันดับ 2 คือ จีนมีมูลค่า 330 ล้านเหรียญสหรัฐและอีกกว่า 60 โครงการที่ได้รับอนุมัติ โดยอุตสาหกรรมการขนส่งและการสื่อสารได้รับการลงทุนมากที่สุดคือ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาคการผลิต 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่บริการ 160 ล้านดอลลาร์ โรงแรมและการท่องเที่ยว รวมถึงอุตสาหกรรมปศุสัตว์และการประมงจะอยู่ที่ 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายงานของเวิลด์แบงก์ตัวเลข FDI เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน แต่ยังไม่ถึงหนึ่งในสามของปี 60/61 และยังมองว่าโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ระเบียงเศรษฐกิจ พลังงานและการขนส่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มจะเป็นตัวดึงเม็ดเงินการลงทุนและสร้างภาระงานให้กับชาวเมียนมา
ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/fdi-jumps-77pc-us23-billion-first-half-2019.html
ราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้นในสปป.ลาวกระทบผู้มีรายได้น้อย
ผู้คนจำนวนมากโดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้ประสบปัญหาเนื่องจากราคาอาหารยังคงผันผวน ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติสปป.ลาวแสดงให้เห็นว่าราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้น 3.20% ในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วทำให้เป็นหนึ่งในแรงผลักดันของเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิถุนายนระบุว่าราคาข้าวเพิ่มขึ้น 12% ในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วในขณะที่ราคาปลาและหมูปรับตัวสูงขึ้น 3.1% อย่างไรก็ตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคล่าสุดบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อขยายตัวที่ 2.48% ในเดือนมิถุนายนลดลงจาก 2.54% ในเดือนพฤษภาคมปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลผลักดันเงินเฟ้อในเดือนมิถุนายน อีกทั้งค่าเสื่อมราคาของกีบเมื่อเทียบกับเงินบาทและเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุของราคาอาหารที่สูงขึ้น ราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น 1.60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ที่มา : http://annx.asianews.network/content/rising-food-prices-hit-low-income-earners-101263
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้รัฐบาลสปป.ลาว เพิ่มรายได้
จากข้อมูลจากกระทรวงการคลัง รายรับจากภาษีเพิ่มขึ้น 20% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นตามการเปิดตัวของระบบข้อมูลการจัดการสรรพกร (TAXRIS) เมื่อต้นปี จนถึงขณะนี้ระบบปฏิบัติการใน 10 เมืองใหญ่ใน 7 จังหวัดของสปป.ลาว และวางแผนที่จะขยายระบบไปยังทุกจังหวัดภายใน ปี 63 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับปรุงระบบการชำระภาษีอิเล็กทรอนิกส์และปรับปรุงความโปร่งใสในภาคการเงิน ในขณะเดียวกันผู้เสียภาษีจะได้รับการสนับสนุนให้ชำระเงินผ่าน TAXRIS และระบบธนาคารอื่น ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ของประเทศ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ถูกนำไปใช้ที่สะพานมิตรภาพสปป.ลาว – ไทยแห่งแรก ซึ่งระบบอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้รายได้สะสมที่สะพานมิตรภาพลาว – ไทยแห่งแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.25 ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 61 ในปี 62 รัฐบาลมีแผนที่จะเก็บรายได้ 26.3 ล้านล้านกีบซึ่งคาดว่ารายรับในประเทศจะอยู่ที่ระดับ 24.24 ล้านล้านกีบ โดยมีค่าใช้จ่ายที่ 33.39 ล้านล้านกีบในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้การจัดเก็บรายได้คาดว่าจะถึง 12.96 ล้านล้านกีบคิดเป็น 49.2 เปอร์เซ็นต์ของเป้าหมายตลอดทั้ง
ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Electronic_175.php
เปิดศูนย์กระจายและจัดส่งผักในเมืองกันดาลประเทศกัมพูชา
จังหวัดกันดาลได้เปิดตัวศูนย์การจัดส่งผัก ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการด้านความปลอดภัยของอาหารและจัดหาตลาดสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ โดยศูนย์แห่งนี้เป็นแห่งแรกในประเทศกัมพูชาถูกสร้างขึ้นด้วยเงินบริจาคจากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านโครงการ “Kusanone” มีห้องปฏิบัติการขนาดเล็กเพื่อตรวจสอบสารกำจัดศัตรูพืชเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารที่ออกสู่ตลาดมีความปลอดภัย ความหวังคือจะช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมเรื่องของความปลอดภัยของอาหารและกลายเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพระหว่างญี่ปุ่นและกัมพูชา ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชาเน้นย้ำว่าจะดำเนินโครงการปฏิรูปที่ครอบคลุมเพื่อปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย ซึ่งอุตสาหกรรมเกษตรในกัมพูชาได้เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ โดยจะนำมาตรฐานอุตสาหกรรมชุดใหม่ในภาคการเกษตรมาใช้ในไม่ช้า ที่เรียกกันว่า “CamGap” เพื่อให้เห็นถึงคุณภาพของสินค้าเกษตรในประเทศกัมพูชา
ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50629110/vegetable-shipping-centre-opens-in-kandal/