ศุลกากรกัมพูชาตรวจยึดเนื้อสัตว์ผิดกฎหมาย พร้อมเผาทำลายกว่า 7.5 ตัน

กรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา (GDCE) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เผาทำลายเนื้อสัตว์กว่า 7,595 กิโลกรัม ซึ่งนำเข้าโดยไม่มีเอกสาร รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อีกทั้งการขนส่งที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้คุณภาพเสียหาย โดยรายละเอียดกรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปราบปราม 2 คดี คดีที่ 1 ตรวจยึดและเผาทำลายเนื้อไก่และเครื่องในไก่ราว 395 กิโลกรัม ที่ถูกลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมายผ่านทางชายแดน ขณะที่คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่สำนักงานสืบสวนและปราบปรามการลักลอบขนสินค้าเข้าเขต 5 ได้ตรวจยึดเครื่องในไก่และขาเป็ดจำนวน 7,200 กิโลกรัม และเผาทำลาย หลังจากปราบปรามและยึดจากผู้ค้า ซึ่งขนส่งโดยรถยนต์โดยสาร 2 คัน เข้ามายังกัมพูชาอย่างผิดกฎหมาย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501476170/more-than-7-5-tonnes-of-damaged-chicken-meat-chicken-parts-and-duck-legs-destroyed/

รัฐบาล สปป.ลาว เห็นชอบร่างกฎหมายท่าเรือบก กระตุ้นการลงทุนของประเทศ

คณะรัฐมนตรี สปป.ลาว รับรองข้อเสนอทางกฎหมายที่สำคัญหลายข้อ รวมถึงร่างการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับท่าเรือบก โดยตระหนักถึงความจำเป็นที่จะมีแนวทางที่ชัดเจนและสอดคล้องกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดการการลงทุนเหล่านี้อย่างมีประสิทธิผล นอกจากนี้ ยังได้ผ่านการร่างแผนแม่บทด้านการผลิตแห่งชาติจนถึงปี 2573 และร่างการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยถิ่นที่อยู่ถาวรสำหรับคนเชื้อสายลาวที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ พร้อมด้วยกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการข้ามชายแดนและสนามบินนานาชาติ การพิจารณายังรวมถึงพิมพ์เขียวเชิงกลยุทธ์สำหรับการพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับชาติจนถึงปี 2573

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_64_Govtendorses_y24.php

สื่อญี่ปุ่น ‘นิกเกอิ’ เผยเวียดนามผลักดันแรงจูงใจ ดึงดูดบริษัทต่างชาติ

สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ได้อ้างคำพูดของนาย ฮวิ่งห์แถ่ง ดาด (Huynh Thanh Dat) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเวียดนาม กล่าวในการให้สัมภาษณ์ถึงแผนระดับชาติที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ผ่านการจัดสรรกองทุนพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับภาคเอกชนอย่างบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ของเวียดนาม “FPT” โดบบริษัทต่างๆ ตั้งแต่อินเทล (Indel) ไปจนถึงซัมซุง (Samsung) มีแผนที่จะขยายการดำเนินธุรกิจในเวียดนาม ซึ่งจะได้รับเงินจัดสรรหลายล้านเหรียญสหรัฐจากกฎหมาย CHIPS and Science Act รัฐบาลสหรัฐฯ

ในขณะเดียวกัน นายโฮเซ เฟอร์นันเดซ (Jose Fernandez) ปลัดกระทรวงการเติบโตทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่นว่าเวียดนามดึงดูดบริษัทเซมิคอนดักเตอร์หลายแห่งที่จะไปลงทุนในเวียดนาม หากเวียดนามสามารถตอบสนองในเรื่องของพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-dangles-chip-incentives-to-draw-foreign-companies-nikkei-asia-post1077352.vov

รัฐสภาแห่งชาติ สปป.ลาว เปิดประชุมสมัยสามัญครั้งที่ 6 หารือทางแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศ

สภานิติบัญญัติชุดที่ 9 ของรัฐสภาแห่งชาติ สปป.ลาว จะจัดการประชุมสมัยสามัญครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 31 ต.ค. ถึง 21 พ.ย. 66 เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ โดยการประชุมสภาครั้งนี้ มีความพยายามในการหาแนวทางจัดการปัญหาเศรษฐกิจและการเงินที่ย่ำแย่ของประเทศ มีการเปิดอภิปรายกฎหมายใหม่ 2 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับเขตเศรษฐกิจพิเศษและการสาธารณสุข โดยจะพิจารณาแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติ การบัญชี การชำระหนี้ กระบวนการยุติธรรม การติดตามตรวจสอบของรัฐสภาและสภาประชาชนประจำจังหวัด นอกจากนี้ จะเปิดโอกาสให้สมาชิกสภาแห่งชาติฯ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความคืบหน้าของรัฐบาลในดำเนินการตามแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม  งบประมาณ และการเงิน สำหรับปี 2564 ถึง 2568
ที่มา : https://english.news.cn/20231025/8c2c050359ee4bb1b102d9fecd0b9f5e/c.html

เกาหลีใต้-สปป.ลาว พร้อมหนุนระบบการซื้อขายการปล่อยก๊าซคาร์บอน

การประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่าง เกาหลีใต้-สปป.ลาว ในหัวข้อ “การสร้างแผนแม่บทสำหรับการนำระบบการค้าคาร์บอนไปใช้ใน สปป.ลาว” ซึ่งจัดขึ้น ณ เวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา นำโดย ดร. Kim Jaehong ที่ปรึกษาอาวุโสของโครงการอดีตประธาน สำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนของเกาหลี (KOTRA) และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของสาธารณรัฐเกาหลี ร่วมกับผู้แทนกระทรวงและเอกชน ได้แก่ KOWEPO, EDL-GEN, บริษัท ไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ราย, กลุ่มพงษ์ทรัพย์ทวี และ AIDC เข้าร่วมประชุมสัมมนาในการแบ่งปันความรู้ในการจัดทำระบบการค้าคาร์บอนระหว่างเกาหลีและ สปป.ลาว ในอนาคต รวมถึงการพัฒนาระบบพลังงานทดแทน, REDD+, การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า และการพัฒนาภาคอื่นๆ ภายในระยะเวลา 10 ปี นอกจากนี้ยังต้องมีรากฐานทางกฎหมายที่จำเป็นในการขับเคลื่อนกิจกรรมดังกล่าว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_SKorea200_23.php

นายกฯ ประกาศ รัฐบาลกัมพูชาจะยังไม่มีการขึ้นภาษีและไม่มีการกำหนดอัตราภาษีใหม่

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต ชี้แจงอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลใหม่ของกัมพูชา (RGC) จะไม่กำหนดภาษีใหม่ใดๆ หรือเพิ่มอัตราภาษีที่มีอยู่ แต่คงไว้ซึ่งการยกเว้นภาษีในปัจจุบัน สำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางประเภท โดยกล่าวไว้ในระหว่างการปราศรัยกับคนงาน-ลูกจ้าง จากโรงงานต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในเขตเมียนเจยและดังกอร์ ของกรุงพนมเปญ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเน็ต กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้บังคับใช้กฎหมายทางด้านภาษีที่มีอยู่เพียง 13 ฉบับ ซึ่งเรียกเก็บมานานหลายทศวรรษนับตั้งแต่ปี 1982 ถึงแม้รัฐบาลกัมพูชาจะมีแนวทางในการปรับขึ้นภาษีในอนาคตให้ทัดเทียมนานาประเทศ แต่ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอนและเพื่อเป็นการช่วยเหลือภาคธุรกิจและภาคประชาชน ที่กำลังประสบกับความยากลำบาก รัฐบาลจึงพิจารณาไม่ปรับขึ้นภาษีในระยะนี้ จนกว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะกลับมาสู่ภาวะปกติ เพื่อที่จะนำภาษีที่จัดเก็บได้มาพัฒนาและปรับปรุงประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501370884/no-new-tax-nor-tax-rise-says-pm/

GDCE เตรียมดำเนินกลยุทธ์ใหม่ สำหรับการปฏิรูประบบศุลกากรกัมพูชา ในช่วงปี 2024

กรมศุลกากรและสรรพสามิตทั่วไป (GDCE) หน่วยงานของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง (MEF) มีแผนที่จะเปิดตัวยุทธศาสตร์ใหม่สำหรับการปฏิรูประบบศุลกากรให้มีความทันสมัย สำหรับแผนในช่วงปี 2024-2028 หลังจากดำเนินแผนยุทธศาสตร์ปัจจุบันที่บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2019-2023 โดยแผนยุทธศาสตร์ใหม่ได้รับการเปิดเผยในระหว่างการประชุมปรึกษาหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ GDCE และหุ้นส่วนการพัฒนาที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา เช่น สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำกัมพูชา และ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (28 ก.ย.) โดยมี Kun Nhem ผู้อำนวยการ GDCE เป็นประธาน โดยกลยุทธ์ดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 6 ประการ ซึ่งรวมถึงประสิทธิผลของการรวบรวมรายได้ การอำนวยความสะดวกทางการค้าและความร่วมมือด้านศุลกากร การปฏิบัติตามกฎหมายและการบังคับใช้ กิจการและกฎระเบียบด้านกฎหมาย เทคโนโลยีสารสนเทศ และสุดท้ายคือเพิ่มขีดความสามารถให้กับหน่วยงาน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501369454/gdce-to-embark-on-new-strategy-for-customs-reform-in-early-2024/

“เมียนมา” เผาทำลายยาเสพติดล็อตใหญ่ 446 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ค้าผิดกฎหมายเฟื่องฟูในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รัฐบาลทหารเมียนมาได้เผาทำลายยาเสพติดที่ยึดมาได้รวมมูลค่ามากกว่า 448 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติได้เตือนถึงการเพิ่มขึ้นของผลผลิตฝิ่น เฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ในเมียนมา โดยการส่งออกจะขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ รายงานของ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ระบุว่าการผลิตฝิ่นในเมียนมาเฟื่องฟูนับตั้งแต่เกิดการยึดอำนาจของกองทัพ ซึ่งการปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้นหนึ่งในสามของปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความพยายามกำจัดให้ลดลง และภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทำให้ผู้คนหันมาทำการค้ายาเสพติดกันมากขึ้น ตลอดจนยังเตือนถึงการผลิตเมทแอมเฟตามีนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาลดลงและมีการลักลอบผ่านเส้นทางใหม่ๆ อีกด้วย

ที่มา : https://www.thaipbsworld.com/us-places-sanctions-on-myanmars-defence-ministry-banks/

“พาณิชย์” แนะผู้ประกอบการไทยเจาะตลาดเวียดนาม

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) แนะนำผู้ค้าปลีกไทยที่ลงทุนในตลาดเวียดนามให้ความสำคัญกับการกระบวนการผลิตสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงมุ่งสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนและฉลากเขียว อีกทั้งแนะนำให้ผู้ประกอบการหันมาสนใจช่องทางโซเชียลมีเดียในเวียดนาม อาทิเช่น การขายสินค้าบน Facebook Live และ TikTok ซึ่งจะทำให้เข้าถึงผู้บริโภคชาวเวียดนามได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ อีคอมเมิร์ซเป็นช่องทางที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายการค้าไปยังตลาดเวียดนาม เนื่องจากใช้ต้นทุนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการเปิดร้านค้าจริง และยังช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าออนไลน์ ทำให้ธุรกิจที่ต้องการเข้าตลาดออนไลน์ในเวียดนาม จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษากฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ซในประเทศเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/thai-retailers-advised-to-effectively-exploit-vietnamese-market/254883.vnp

รัฐบาลกัมพูชา เห็นชอบร่างกฎหมายว่าด้วยแหล่งกำเนินสินค้า

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐบาลได้อนุมัติร่างกฎหมายว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้าที่ได้รับประโยชน์จากสิทธิพิเศษทางการค้า นอกจากนี้ยังจะช่วยป้องกันการปลอมแปลงของสินค้าที่มีการผลิตในกัมพูชา ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติในการประชุมระหว่างคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ ที่มีนายกรัฐมนตรีฮุน เซน เป็นประธาน ซึ่งร่างกฎหมายนี้มี 9 บท และมี 35 มาตรา ในการกำหนดหลักการและกฎเกณฑ์สำหรับการกำหนดแหล่งกำเนิดของสินค้าที่ส่งออกและนำเข้าระหว่างกัมพูชา

นอกจากนี้ยังช่วยให้กัมพูชาสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กรอบ WTO และส่งเสริม อำนวยความสะดวกทางการค้ากับภาคเอกชน โดยเฉพาะการส่งออกสินค้ากัมพูชาที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจากประเทศผู้นำเข้าที่ให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับกัมพูชาและภายใต้การค้าเสรีต่างๆ รวมถึงความตกลงที่กัมพูชาเป็นสมาชิก ซึ่งในปี 2022 กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรที่ได้รับการรับรองรวม 8.6 ล้านตัน ไปยังตลาดต่างประเทศ 74 แห่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501294323/government-approves-draft-law-on-rules-of-origin/