“พาณิชย์” แนะผู้ประกอบการไทยเจาะตลาดเวียดนาม

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) แนะนำผู้ค้าปลีกไทยที่ลงทุนในตลาดเวียดนามให้ความสำคัญกับการกระบวนการผลิตสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงมุ่งสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนและฉลากเขียว อีกทั้งแนะนำให้ผู้ประกอบการหันมาสนใจช่องทางโซเชียลมีเดียในเวียดนาม อาทิเช่น การขายสินค้าบน Facebook Live และ TikTok ซึ่งจะทำให้เข้าถึงผู้บริโภคชาวเวียดนามได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ อีคอมเมิร์ซเป็นช่องทางที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายการค้าไปยังตลาดเวียดนาม เนื่องจากใช้ต้นทุนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการเปิดร้านค้าจริง และยังช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าออนไลน์ ทำให้ธุรกิจที่ต้องการเข้าตลาดออนไลน์ในเวียดนาม จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษากฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ซในประเทศเวียดนาม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/thai-retailers-advised-to-effectively-exploit-vietnamese-market/254883.vnp

“พาณิชย์-DITP” ชี้เป้านักลงทุนไทยลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์ในเวียดนาม

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มอบหมายให้กรมฯ สำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยในประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับข้อมูลจาก นางสาวธนียา ฟูเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย ถึงการติดตามสถานการณ์การแข่งขันของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในเวียดนาม และโอกาสในการเข้าไปลงทุนด้านโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการไทย

ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้รายงานแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในเวียดนามว่าเมื่อเร็วๆ นี้ นาย เล มินห์ ไค รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้ลงนามในข้อมติ No.163/NQ-CP ว่าด้วยการส่งเสริมการดำเนินการงานหลักเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและส่งเสริมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในประเทศ เพื่อพัฒนาบริการโลจิสติกส์ให้เป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเพื่อเชื่อมโยงกับการพัฒนาการผลิตสินค้า การนำเข้า การส่งออก และการค้าภายในประเทศ และการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการด้านบริการโลจิสติกส์ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสการลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์ในเวียดนามของนักลงทุนไทย เพื่อรองรับการขยายตัวของความต้องการคลังสินค้าและการขนส่งที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.thailandplus.tv/archives/670257

“พาณิชย์-DITP”ชี้เป้าส่งออก “เครื่องดื่ม”เจาะตลาดเวียดนามแนะเน้นสินค้าพรีเมียมเพื่อสุขภาพ

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มอบหมายให้กรมฯ สำรวจลู่ทาง และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยในประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับข้อมูลจาก นางสาวธนียา ฟูเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย ถึงแนวโน้มตลาดสินค้าเครื่องดื่มในเวียดนาม และโอกาสในการขยายตลาดสินค้าเครื่องดื่มของผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ตลาดเวียดนาม

ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้รายงานสถานการณ์ตลาดเครื่องดื่มในเวียดนามในปี 2566 มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น หลังจากซบเซาจากโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยฟื้นตัวทั้งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีแอลกอฮอล์ และผู้บริโภคยังให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากขึ้น โดยต้องการเครื่องดื่มที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย มีแหล่งที่มาที่ชัดเจน มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน

ที่มา : https://www.thailandplus.tv/archives/664609

DITP ชี้ช่องผลิตสินค้า BCG เจาะผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ในแคนาดา

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโตรอนโตประเทศแคนาดา ถึงโอกาสในการขยายการส่งออกสินค้ากลุ่ม BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว) เจาะตลาดผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ในแคนาดา ที่ปัจจุบันให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลการสำรวจพบว่า กลุ่มผู้บริโภค Gen Z ที่มีอายุระหว่าง 10-25 ปี มีสัดส่วนสูงถึง 20%ของประชากร และได้กลายเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงกว่ากลุ่มรุ่นก่อน คือ Millennials ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ กลุ่ม Gen Z มีการใช้จ่ายในปี 2564 มูลค่าสูงถึง 360,000 ล้านเหรียญสหรัฐ(12.9 ล้านล้านบาท) มีแหล่งรายได้มาจากงานประจำและงานชั่วคราวหรือจากผู้ปกครอง มีทัศนคติและพฤติกรรมผู้บริโภคแตกต่างจากคนรุ่นก่อน ทำให้นักการตลาดให้ความสำคัญกับการศึกษาและทำความเข้าใจคนกลุ่มนี้ เพื่อปรับกลยุทธ์สินค้าการตลาดต่างๆให้กับเข้ากับคนกลุ่มนี้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ที่มา: https://www.naewna.com/business/699253

กางแผนส่งออกครึ่งปีหลัง เน้นออนไลน์-เปิดตลาดใหม่

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เตรียมแผนผลักดันส่งออกในช่วงครึ่งหลังปี 64 โดยเน้นในรูปแบบออนไลน์ ทั้งการจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริงและผสมผสานการจัดงานแสดงสินค้าและการเข้าร่วมในต่างประเทศ การเจรจาการค้าออนไลน์ รวมถึงกิจกรรมแบบออฟไลน์ในประเทศที่เป็นเป้าหมาย ส่วนแผนการขยายการส่งออก จะเน้นการรักษาตลาดเดิม เช่น สหรัฐ จีน สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เพิ่มเพิ่มตลาดใหม่ เช่น รัสเซีย มองโกเลีย (ประตูสู่กลุ่มประเทศยูเรเซีย) อินเดีย และแอฟริกาใต้ รวมทั้งฟื้นตลาดเก่าที่ เช่น อิรัก และซาอุดีอาระเบีย พร้อมเร่งผลักดันเสินค้าที่ต้องการของตลาด 3 กลุ่มหลัก คือ สินค้าเกษตรและอาหาร สินค้าทำงานที่บ้าน และสินค้าป้องกันการติดเชื้อ

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/852866