มองเวียดนามกับโอกาสของธุรกิจพลังงานหมุนเวียน

หลังจากเวียดนามประกาศยกเลิกแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกเพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าซึ่งเป็นผลจากภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันพบว่าธุรกิจพลังงานหมุนเวียนกำลังเป็นที่น่าจับตา ซึ่งจะเป็นแหล่งพลังงานสำคัญทดแทนพลังงานหลักของเวียดนามอย่างถ่านหินและพลังน้ำที่ต้องนำเข้าเป็นหลัก ทำให้รัฐบาลพยายามส่งเสริมการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนขากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมเพื่อลดการนำเข้าของถ่านหิน และการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นต่อปีอยู่ที่ 10% ในอีก 5 ปีข้างหน้า ปัจจุบันแม้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นแต่เชื่อได้ว่าเวียดนามมีศักยภาพมากพอโดยเฉพาะพลังงานจากแสงอาทิตย์และพลังงานลม ดังนั้นนักลงทุนหรือผู้ประกอบการควรศึกษาและคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้

ที่มา: http://www.exim.go.th/doc/adn/49486_0.pdf

10 กรกฎาคม 2561

SCB EIC วิเคราะห์ CLMV Monitor แนะโอกาสทางธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน

เศรษฐกิจ CLMV ปี 2561 ขยายตัว 6-7% ปัจจัยหลักคือ การส่งออกและการท่องเที่ยว การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นกลไกสำคัญโดยเฉพาะจีน การส่งออกครึ่งปีแรกขยายตัวได้ดีโดยเฉพาะสินค้าเกษตร เพื่อพิจารณาเป็นรายประเทศพบว่าเมียนมามีการขยายตัวสูงสุดคือ 7% รองลงมาคือ กัมพูชามีเติบโต 6.9% สปป.ลาวขยายตัว 6.8% และเวียดนามเติบโตราว 6.6% ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะการเงินโลกที่ตึงตัวขึ้นทำให้เศรษฐกิจ CLMV ต้องพึ่งทุนจากต่างประเทศในระดับสูงและเสี่ยงต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจด้านต่างประเทศที่มากขึ้น

ที่มา: https://www.scbeic.com/th/detail/file/product/4770/f23fv1xzqa/CLMV-Monitor_TH_2018_H1_20180618.pdf

สามเหลี่ยมเศรษฐกิจตอนเหนือ แหล่งลงทุนที่น่าสนใจในเวียดนาม

ปัจจุบันสามเหลี่ยมเศรษฐกิจตอนเหนือเป็นที่เนื้อหอมของนักลงทุนต่างชาติ เพราะเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง กรุงฮานอย จังหวัดไฮฟอง และจังหวัดกว๋างนิญ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นย่านเศรษฐกิจ การค้าและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และยิ่งกว่านั้นจุดเชื่อมโยงนี้ตั้งอยู่บนเส้นทางโลจิสติกส์สำคัญอย่าง โครงการ Belt Road Initiative (BRI) ของจีน และในภาคการท่องเที่ยวพบว่ามีนักเดือนทาองเพิ่มมากขึ้น 128% ของครึ่งปีแรก เห็นได้ว่าโอกาสของนักลงทุนนั้นเปิดกว้าง แต่ทั้งนี้สิ่งที่ต้องเข้าใจเป็นอันดับแรกคือ ความต่างกันของพฤติกรรมผู้บริโภคระหว่างเวียดนามเหนือที่อยู่ในเขตค่อนข้างหนา และเวียดนามใต้อากาศจะคล้ายกับไทยคือร้อนอบอ้าว และยังมีนักท่องเที่ยวที่หลากหลายและผู้บริโภคจากจีนที่จำเป็นจะต้องรู้ถึงพฤติกรรมการบริโภค

ที่มา: http://www.exim.go.th/doc/adn/49911_0.pdf

10 กรกฎาคม 2561

ฟุ้งค้าชายแดนยอดทะลัก

กรมการค้าต่างประเทศ เผยยอดการค้าชายแดนและผ่านแดน 9 เดือนปี 61 มีมูลค่าทะลุ 1 ล้านล้านบาทแล้ว เพิ่มขึ้น 6.14% สำหรับสถิติการค้าชาย แดนแยกเป็นรายประเทศ พบ ว่าการค้ากับมาเลเซียยังคงนำ เป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 426,193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.36% ตาม มาด้วย สปป.ลาวมูลค่า 158,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.01%, เมียน มา มูลค่า 143,884 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.94% และกัมพูชามูลค่า 105,547 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.08% ขณะที่การค้าผ่านแดนกับจีนตอนใต้ มีมูลค่า 74,206 ล้านบาทเพิ่ม 27.27% อย่างไรก็ตาม กรมยังคงเป้าหมายการค้าชายแดนและผ่านแดนปี 2561 จะมีมูลค่า 1.5ล้านล้านบาท โดยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2561 (ต.ค-.ธ.ค.) จะต้องผลักดันมูลค่าการค้าให้ได้เดือนละ1.56 แสนล้านบาท จึงจะทำให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และในปี 2562จะจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนอย่างต่อเนื่อง โดยจะเดินหน้าโครงการ YEN-D เป็นปีที่ 5 และจะขยายไป CLMV

Image result for การค้าชายแดน CLMV

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/tpd/2905258

26/10/61

เวียดนามมีเป้าหมายที่จะเป็นโรงไฟฟ้าทางทะเลภายในปี 2573

เวียดนามจะสร้างภาคการเดินเรือเพื่อกระตุ้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างการป้องกันประเทศ คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ออกมติเกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจทางทะเลจนถึงปี  2573 และมีวิสัยทัศน์จนถึงปี 2588 ยุทธศาสตร์ที่ระบุไว้ในมตินี้มีเป้าหมายเพื่อให้เวียดนามกลายเป็นประเทศทางทะเลที่มีประสิทธิภาพภายในปี 2573 ความละเอียดนี้คาดการณ์ได้ว่าภายในปี 2573 เวียดนามมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ขั้นพื้นฐานและมีพื้นฐานสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจการเดินเรืออย่างยั่งยืนปกป้องและส่งเสริมนิเวศวิทยาทางทะเลของตนและใช้ความคิดริเริ่มที่สำคัญในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล เป้าหมายของอุตสาหกรรมการเดินเรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และ 28 เมืองชายฝั่งและจังหวัดมีส่วนทำให้เกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ร้อยละ 65-70 ภายในปี 2573 ตามข้อมูลของรัฐบาลอย่างเป็นทางการผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่รวมกันของเมืองและจังหวัดเหล่านี้คิดเป็น 60.5% ของจำนวนทั้งหมดของปีที่แล้ว

Vietnam aims to become a maritime powerhouse by 2030

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/news/vietnam-aims-to-become-a-maritime-powerhouse-by-2030-3829212.html

25/10/61

อาลีบาบามีเป้าหมายที่จะเติบโตขึ้นเป็นห้าเท่าในเมียนมาภายในช่วงกลางปี 2019

จากการที่มาร์ทโฟนได้รับประโยชน์อย่างรวดเร็วและความเต็มใจของผู้คนในการลองทำสิ่งใหม่ ๆ ในเมียนมา อาลีบาบากรุ๊ปวางแผนที่จะขยายธุรกิจอย่างน้อยห้าเท่าในอีกหกถึงแปดเดือนตาม Frans Maas กรรมการผู้จัดการของ Shop com.mm ซึ่งขณะนี้อยู่ภายใต้การเติบโตของอีคอมเมิร์ซจีนโดยแพลตฟอร์มการช็อปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมาได้รับการซื้อโดยอาลีบาบาเมื่อต้นปีนี้ Maas กล่าวว่าการขยายธุรกิจของ Alibaba ในเมียนมากำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการเนื่องจาก บริษัท มีเป้าหมายที่จะขยายกำลังการผลิตปัจจุบันของพนักงาน 230 คนไปยังกว่า 1,000 แห่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ Shop ได้กลายเป็น บริษัท ภายใต้อาลีบาบากรุ๊ปนับตั้งแต่เข้าซื้อกิจการในเดือนพฤษภาคมของกลุ่ม Daraz ซึ่งเป็นเจ้าของโดย บริษัท Rocket Internet แห่งแรกในเยอรมัน ตั้งแต่นั้นสัญญาทั้งหมดของพนักงานของ บริษัท ได้รับภายใต้การบริหารของอาลีบาบา

 Frans Maas

Frans Maas

ที่มา: http://www.nationmultimedia.com/detail/Corporate/30357101

25/10/2018

เศรษฐกิจ CLMV เติบโตดีต่อเนื่อง แม้เวียดนามอาจมีความเสี่ยงจากสงครามการค้า

ยังคงขยายตัวสูงที่ระดับ 6-7% ในปี 2018 และ 2019 หลักๆ มาจาก มูลค่าการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) ขยายตัว 21%YOY จากจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 63% ของ FDI ทั้งหมด อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงสำคัญคือการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ทั้งนี้ ค่าเงินมีทิศทางอ่อนค่าลงตั้งแต่ต้นปีตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่อ่อนค่าในระดับต่ำกว่าค่าเงินประเทศเอเชียอื่นๆ เนื่องจากอยู่ภายใต้การควบคุมจากธนาคารกลาง

 

ที่มา: https://www.scbeic.com/th/detail/product/5081

 

ตลาดผลิตภัณฑ์ความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายในเวียดนามตอนใต้

การบริโภคผลิตภัณฑ์ความงามในเวียดนามเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2559 โดยกลุ่มประชากรเป้าหมายเป็นเพศหญิลอายุ 20 – 44 ปี และจากการสำรวจพบว่ากลุ่มผู้บริโภคมีอายุและตำแหน่งการงานสูงขึ้น มักหันมาสนใจดูแลผิวพรรณมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคในจังหวัดทางตอนใต้ที่มีกำลังซื้อมากกว่ากลุ่มผู้บริโภคในพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งในปัจจุบัน มีบริษัทด้านความงามในเวียดนาม 400 บริษัท สำหรับช่องทางการซื้อ ส่วนใหญ่นิยมซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ รองลงมาผ่านร้านตัวแทนจำหน่าย ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์ความงามจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้รับความนิยมจากคนเวียดนาม โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ แต่หากรวมผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย พบว่าผลิตภัณฑ์จากไทยกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคาย่อมเยา สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกำลังเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการไทยที่สนใจขยายตลาดผลิตภัณฑ์ความงามในเวียดนาม ควรพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ “Organic” และพิจารณาช่องทาง E-Commerce อีกด้วย

ที่มา : http://www.thaiembassy.org/hochiminh/th/business/6900/95647-ตลาดผลิตภัณฑ์ความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายในเวียด.html