การก่อสร้างสะพานแห่งที่ 5 ที่เชื่อมระหว่างสปป.ลาวและไทย

การก่อสร้างสะพานแห่งที่ 5 ที่เชื่อมระหว่างสปป.ลาวและไทยข้ามแม่น้ำโขงได้เริ่มขึ้นหลังจากมีการลงนามในข้อตกลงในเดือนธ.ค. จะใช้เวลาสร้าง 36 เดือนจะเชื่อมแขวงบอลิคำไซในสปป.ลาวกับจังหวัดบึงกาฬของไทย ขณะนี้งานมีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณที่จะสร้างสะพานและสถานที่ตรวจคนเข้าเมือง กำลังเคลียร์ที่ดินบนพื้นที่ 50 เฮกเตอร์ก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้างและตอนนี้งานนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว 80% ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 130.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสปป.ลาวจะต้องรับผิดชอบบางส่วน 46.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้นทุนการก่อสร้างของสปป.ลาวจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านของไทยผ่านการจัดหาเงินกู้ เมื่อสะพานสร้างเสร็จในปี 66 จะช่วยให้แขวงบอลิคำไซกลายเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาคอีกแห่งและเป็นเส้นทางขนส่งสำหรับสปป.ลาว ไทยและเวียดนามในระยะทางเพียง 150 กม. สะพานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง ระหว่างสปป.ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนามและไทย จะทำให้สปป.ลาวได้รับประโยชน์จากบริการขนส่งสาธารณะรวมทั้งดึงดูดการค้าและการลงทุนมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยว แต่ทางการจำเป็นต้องจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมและปรับปรุงบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้มาเยือน

ที่มา : https://www.straitstimes.com/asia/construction-of-fifth-lao-thai-bridge-begins

สปป.ลาวจะเริ่มฉีดวัคซีน COVID-19 แก่กลุ่มเป้าหมายถัดไปในสัปดาห์หน้า

หลังจากที่สปป.ลาวได้เริ่มฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 100 คนและไม่มีผลข้างเคียงทำให้สปป.ลาวมีแผนที่จะเริ่มฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเป้าหมายถัดไปคือกลุ่มเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อสูง รองศาสตราจารย์ ดร. ภูธร เมืองปัก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร (5 ม.ค. ) “ผู้คนต้องการวัคซีนสองปริมาณเพื่อพัฒนาภูมิคุ้มกันต่อ COVID-19  เจ้าหน้าที่แนวหน้ากลุ่มแรกรวมทั้งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะได้รับการฉีดวัคซีนครั้งแรกในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนและครั้งที่สองในวันที่ 22 ธันวาคม”  โครงการฉีดวัคซีนดังกล่าวเปิดตัวหลังจากประเทศจีนจัดหาวัคซีนให้แก่สปป.ลาว 2,000 โดสที่พัฒนาโดย Sinopharm (China National Pharmaceutical Group Co. , Ltd. ) และจากรัสเซียจำนวน 500 โดสซึ่งเป็นวัคซีน Covid-19 ที่พัฒนาโดยสถาบันวิจัย Gamaleya ของรัสเซีย กระทรวงสาธารณสุขคาดว่าปีนี้ประชากรสปป.ลาวประมาณร้อยละ 20 หรือประมาณ 1.6 ล้านคนจะได้รับการฉีดวัคซีนและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 50 ของประชากรภายในปี 2565 ซึ่งจะใช้งบประมาณมากถึง 18 เหรียญสหรัฐฯ และหากฉีดวัคซีนประชากรทุกคนจะใช้งบประมาณในการฉีดวัคซีนเกือบ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2021/01/06/laos-declares-covid-19-vaccinations-safe-more-to-be-inoculated-next-week

กัมพูชาส่งออกยางพาราเป็นมูลค่ากว่า 459 ล้านดอลลาร์ในปี 2020

กัมพูชาส่งออกยางพาราถึง 340,000 ตัน ในปี 2020 สร้างรายได้จากการส่งออกกว่า 459 ล้านดอลลาร์ให้กับประเทศ รายงานโดยกระทรวงเกษตรป่าไม้และประมง ซึ่งกัมพูชามีพื้นที่สำหรับทำสวนยางพารารวม 401,914 เฮกตาร์ โดย 240,811 เฮกตาร์หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ถือเป็นการทำสวนยางพาราในรูปแบบอุตสาหกรรม และ 161,103 เฮกตาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 40 เป็นการทำสวนยางพาราในครัวเรือน โดยกัมพูชามีการส่งออกยางพาราอยู่ที่ 282,071 ตัน ในปี 2019 เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จาก 217,501 ตันในปี 2018 ซึ่งตลาดส่งออกยางพาราที่สำคัญของกัมพูชาคือมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และจีนเป็นหลัก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50800901/cambodias-rubber-export-reach-459-million-in-2020/

รัฐบาลกัมพูชามอบเงินเยียวยาแก่แรงงานอันเนื่องมาจากโควิด-19

รัฐบาลกัมพูชามอบเงินจำนวน 23 ล้านดอลลาร์กระจายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอันเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 โดยกระทรวงแรงงานคาดว่าจะจัดสรรเงินเพิ่มเติมเพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่คนงานอีกจำนวน 8,000 ราย แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยจำนวนเงินเยียวยารอบใหม่ออกมา ซึ่งการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อโรงงานผลิตเสื้อผ้ากว่า 129 แห่ง ที่จำเป็นต้องปิดกิจการลง โดยในวันที่ 5 มกราคม ที่ผ่านมากระทรวงได้ประกาศเปิดรับผู้ที่ต้องการได้รับเบี้ยเลี้ยงจากผลกระทบข้างต้นครั้งที่ 45 ซึ่งมีผู้ยื่นความประสงค์กว่า 8,400 ราย เฉพาะในแรงงานในภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและการท่องเที่ยว โดยกระทรวงกล่าวว่ารัฐบาลจะยังคงจ่ายเบี้ยเลี้ยงเป็นจำนวน 40 ดอลลาร์ต่อเดือน สำหรับคนงานในภาคสิ่งทอและผลิตภัณฑ์การเดินทางต่อไปอีกสามเดือนตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม 2564 ในขณะที่เจ้าของโรงงานในภาคเหล่านี้ต้องจ่ายเพิ่มอีก 30 ดอลลาร์ต่อคนงานจนครบกำหนด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50800806/govt-gives-23mil-to-workers-who-lost-jobs-over-pandemic/

ไทยพาณิชย์ เผยนักลงทุนจีนมาแน่ ปักฐานลงทุนไทยเชื่อมั่นศักยภาพ ขยายตลาดสู่อาเซียน

ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยกลุ่มธุรกิจจีน ร่วมกับ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (Economic Intelligence Center: EIC) เผยแพร่รายงานส่องทิศทางการลงทุนของนักลงทุนจีนในประเทศไทยหลังโควิด-19 โดยทำการสำรวจนักธุรกิจจีนตัวจริง พบว่า นักธุรกิจจีนมองไทยเป็นประเทศที่น่าสนใจเข้ามาลงทุนในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า ทั้งจากมุมมองของนักธุรกิจจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยแล้ว และที่ยังไม่เข้ามาลงทุน โดยเฉพาะนักธุรกิจในกลุ่มเอสเอ็มอีที่ปรับกลยุทธ์ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อขยายตลาดท้องถิ่น เชื่อมั่นประเทศไทยเป็นตลาดศักยภาพและอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่พร้อมเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงตลาดสู่กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนให้กับจีนในอนาคต ชี้แนวโน้มนักธุรกิจจีนกำลังปรับโครงสร้างการลงทุนในไทยจากอุตสาหกรรมที่ใช้เงินลงทุนสูง สู่การลงทุนขนาดเล็กลง มุ่งเจาะภาคอุตสาหกรรมบริการ และเทคโนโลยี ในขณะเดียวกัน แนวโน้มใหม่นี้ถือเป็นความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการไทยในการเผชิญกับคู่แข่งที่มีความได้เปรียบทั้งด้านต้นทุนที่ต่ำกว่า และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า รวมถึงประสบการณ์จากตลาดที่มีการแข่งขันสูงในประเทศจีน

ที่มา : https://www.isranews.org/article/isranews-pr-news/94810-scb-118.html