‘แคนาดา’ เปิดประตูสู่ธุรกิจเวียดนามในตลาดโลก
แคนาดาเป็นตลาดที่มีศักยภาพและพร้อมที่จะผลักดันธุรกิจเวียดนามในการขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งการเติบโตของด้านเทคโนโลยี การเงิน กลุ่มลูกค้าและเครือข่ายโลจิสติกส์ในสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกันจากข้อได้เปรียบของข้อตกลงการค้าเสรีและคุณภาพแรงงาน ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งข้ามเอเชีย ทำให้เวียดนามสามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจแคนาดากับตลาดเอเชียได้ ทั้งนี้ ในปัจจุบัน เวียดนามเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของแคนาดาในกลุ่มประเทศอาเซียน และเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่อันดับ 7 ของตลาด รองจากสหรัฐฯ และจีน เป็นต้น
นอกจากนี้ นาง Tran Thu Quynh ที่ปรึกษาเชิงพาณิชย์ของสถานทูตเวียดนามประจำประเทศแคนาดา กล่าวว่าแคนาดามีจุดแข็งที่สำคัญในด้านการพัฒนาเครื่องจักรที่มีคุณภาพสูง เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม ชีวการแพทย์ และวัตถุดิบที่นำเข้าจากเวียดนาม อาทิ แร่ธาตุ พลาสติก ไม้ น้ำมัน ธัญพืชและปุ๋ย เป็นต้น
ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1650430/canada-a-gateway-for-vietnamese-businesses-going-global.html
‘เวียดนาม’ คาดเม็ดเงินทุนไหลเข้า FDI เติบโตต่อเนื่องปี 2567
สำนักงานการลงทุนต่างประเทศ เปิดเผยข้อมูล ณ วันที่ 20 ม.ค. พบว่าเวียดนามดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มากกว่า 2.36 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 40.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีโครงการใหม่ที่ได้รับการจดทะเบียนสูงถึง 190 โครงการ คิดเป็นเงินทุนจดทะเบียนรวมมากกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 24.2% และ 66.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ทั้งนี้ นาย Michael Kokalari ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคและการวิจัยตลาดของ VinaCapital ประเมินว่าในปี 2567 เวียดนามยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติและยังคงสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทญี่ปุ่นที่เห็นโอกาสในการร่วมมือกับหน่วยงานในประเทศ อาทิ การลงทุนในภาคอสังหาฯ การผลิตและการค้าปลีก ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (BCI) ของหอการค้ายุโรป เปิดเผยผลการสำรวจ ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจ 31% มองว่าเวียดนามเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการลงทุนระดับโลก
ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-fdi-forecast-to-remain-strong-through-2024/279260.vnp
สปป.ลาว-ลักเซมเบิร์ก เสริมสร้างความร่วมมือในหลายมิติ
รัฐบาล สปป.ลาว และลักเซมเบิร์ก ย้ำความสัมพันธ์ในการเสริมสร้างความร่วมมือในด้านมิติที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เช่น สุขภาพและโภชนาการ การพัฒนาท้องถิ่น การพัฒนาทักษะและการจ้างงาน หลักธรรมาภิบาล การเข้าถึงความยุติธรรม และหลักนิติธรรม โดยทั้งสองประเทศร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการหุ้นส่วนทวิภาคี ครั้งที่ 15 ที่เวียงจันทน์ การประชุมดังกล่าวมีรัฐมนตรีกระทรวงการวางแผนและการลงทุนของ สปป.ลาว นายคำเจน วงศ์โพซี เป็นประธานในการประชุม และ Xavier Bettel รองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าต่างประเทศของลักเซมเบิร์ก คณะผู้แทนทั้งสองประเทศได้ทบทวนความคืบหน้าของการดำเนินโครงการภายใต้โครงการความร่วมมือฉบับที่ 5 ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2566-2570 ซึ่งครอบคลุมความร่วมมือระดับทวิภาคี พหุภาคี และภาคประชาสังคมของทั้งสองประเทศ
ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_30_LaosLuxembourg_y24.php
การจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ จำนวน 5,308 คัน
ข้อมูลจากกรมบริหารการขนส่งทางถนนระบุว่า มีการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าประเภทต่างๆ รวม 5,308 คันตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 ถึงมกราคม 2567 ประกอบด้วยรถยนต์นั่งส่วนบุคคล EV 2,217 คัน รถบรรทุกขนาดเล็ก EV 11 คัน จักรยาน EV 2,836 คัน รถสามล้อ EV 244 คัน ได้รับการจดทะเบียนกับกรมแล้ว มีรถยนต์ EV หลายประเภท ซึ่งราคาอยู่ระหว่าง 80 ล้านจ๊าดถึง 200 ล้านจ๊าด โดยข่าวประชาสัมพันธ์ดังกล่าวระบุอีกว่าบริษัท 81 แห่ง ได้รับอนุญาตให้นำเข้าและขายรถยนต์ EV รวมทั้งมีการเปิดโชว์รูมแบรนด์รถยนต์ EV ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยที่ใบอนุญาตนำเข้าจะออกให้กับบริษัทที่ตรงตามข้อกำหนดเท่านั้น อย่างไรก็ดี เพื่อที่จะพัฒนาภาคยานยนต์ EV คณะกรรมการกำกับดูแลแห่งชาติเพื่อการพัฒนายานพาหนะไฟฟ้าและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้กำหนดอัตราภาษีสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าเป็นศูนย์เปอร์เซ็นต์ และยังได้เชิญนักลงทุนในท้องถิ่นให้ลงทุนด้วย
ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/different-types-of-5308-electric-vehicles-registered/#article-title