เมืองกัมปอตของกัมพูชาได้รับการลงทุนในท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หลายแห่งทั่วกัมพูชากำลังปิดตัวลงแต่บางกลุ่มธุรกิจในกำปอตยังคงเป็นบวกเนื่องจากการลงทุนในท้องถิ่นมีจำนวนมากขึ้นทำให้เมืองชายฝั่งยังคงเติบโตได้ โดยมีธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายทั่วเมืองกัมปอตตั้งแต่บาร์ ร้านอาหาร เกสต์เฮาส์ ไปจนถึงบริษัททัวร์ อย่างไรก็ตามกิจการใหม่จำนวนมากมุ่งเป้าไปที่ตลาดในประเทศโดยเฉพาะ เนื่องจากขาดการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังจากได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ซึ่งในช่วงหกเดือนแรกของปี 2020 จังหวัดกัมปอตได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศจำนวน 838,000 คน ในขณะที่ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวมาเยือนยังกัมพูชาถึง 1,090,000 คน ตามข้อมูลของกรมการท่องเที่ยวจังหวัดกัมปอต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50778639/kampot-receives-more-local-investment/

อังกอร์รีสอร์ทในกัมพูชาสร้างรายได้ 18.5 ล้านดอลลาร์ในช่วง 10 เดือนแรก

อุทยานโบราณคดีอังกอร์ในจังหวัดเสียมราฐสร้างรายได้อยู่ที่ 18,549,905 ดอลลาร์ จากยอดขายบัตรผ่านประตูในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ จากการแถลงข่าวของ Angkor Enterprise ซึ่งเป็นสถาบันของรัฐที่รับผิดชอบการจัดการรายได้ของอังกอร์ จากประกาศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ตัวเลขดังกล่าวลดลงกว่าร้อยละ 77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตั๋วดังกล่าวขายให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 398,485 คน ซึ่งลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปีที่ร้อยละ 77.91 โดยในเดือนตุลาคมปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเหลือเพียง 2,244 คน ที่เดินทางมาเยี่ยมชมอุทยานโบราณคดีอังกอร์ ซึ่งภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชาเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นเดี่ยวกัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50778644/angkor-resort-generates-over-18-5-million-in-first-10-months/

รัฐบาลจะขจัดอุปสรรคและปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจเพื่อดึงดูดการลงทุนในสปป.ลาว

รัฐบาลได้ให้คำมั่นที่จะขจัดอุปสรรคและปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจเพื่อดึงดูดการลงทุนในสปป.ลาวจากนักลงทุนต่างประเทศมากขึ้น รัฐบาลตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจหลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนมากขึ้นโดยรัฐบาลสปป.ลาวจะมีการดำเนินนโยบายกระตุ้นการลงทุนผ่านนโยบาย “3 เปิด” ไปสู่การปฏิบัติซึ่งเกี่ยวข้องกับ“ เปิดใจ”“ เปิดประตู” และ“ อุปสรรคที่เปิดกว้าง”  การลงทุนถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สปป.ลาวที่รัฐบาลกำลังพยายามผลักดันให้มีขยายตัวต่อเนื่องเห็นได้ชัดในหลาย 10 ปีที่ผ่านมาที่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมากมายโดยเฉพาะการลงทุนของภาคเอกชนคิดเป็นมูลค่าแล้วกว่า 26,127 พันล้านกีบคิดเป็นร้อยละ 50.7 ของการลงทุนทั้งหมดในสปป.ลาว Mr. Sonexay Siphandone รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุนกล่าวเพิ่มเติม “ ในอนาคตเงินลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศจะมาจากภาคเอกชนซึ่งจำเป็นต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสปป.ลาว” ดร. Sonexay กล่าวว่ารัฐบาลจะนำนโยบาย“ เปิดสามครั้ง” ไปสู่การปฏิบัติซึ่งเกี่ยวข้องกับ“ เปิดใจ”“ เปิดประตู” และ“ อุปสรรคที่เปิดกว้าง”

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_vows_214.php

เวียดนามเผยดัชนีผลผลิตอุตฯ ต.ค. ยังคงเพิ่มขึ้น

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่าดัชนีผลผลิตทางอุตสาหกรรม (IIP) ของเวียดนามในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนและร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สถานการณ์การระบาดของโรคโคโรนา (COVID-19) ในเวียดนามได้รับการควบคุมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กิจกรรมการผลิตของภาคอุตสาหกรรมขยายตัว และส่งผลในทิศทางที่เป็นบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ดัชนี IIP เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการแปรรูปและการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ภาคการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ในขณะที่ ภาคเหมืองแร่ลดลงร้อยละ 8.1

  ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/october-index-of-industrial-production-continues-to-rise/189644.vnp

เวียดนามเผยจำนวนการจัดตั้งธุรกิจใหม่ลดลง แต่เงินทุนพุ่ง ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เปิดเผยว่าในเดือนม.ค.-ต.ค. มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ 111,200 แห่ง ลดลงร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยมูลค่าที่จดทะเบียนมากกว่า 68.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ บริษัท 37,700 แห่ง กลับมาดำเนินธุรกิจ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว, 41,800 แห่ง ปิดกิจการชั่วคราว, 30,000 แห่ง อยู่ในช่วงขั้นตอนการเลิกกิจการ และอีก 13,000 แห่ง เลิกกิจการแล้ว นอกจากนี้ นาย Pham Dinh Thuy ผู้อำนวยการทางสถิติอุตสาหกรรมและการก่อสร้างของสำนักงาน GSO แนะธุรกิจหาพาร์ทเนอร์ในการแก้ปัญหาคอขวดและใช้เงินทุนให้เกิดประโยชน์ รวมถึงยังแนะนำให้รัฐบาลและสมัชชาแห่งชาติพิจารณาการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียม ขยายเวลาการชำระเงินและปรับเพดานสินเชื่อแก่ธุรกิจพาณิชย์ เพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการผลิตและการดำเนินงานธุรกิจ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/newlyestablished-firms-down-registered-capital-up-in-10-months/189671.vnp

เมียนมาพร้อมขยายตลาดกาแฟผ่านสิงคโปร์

รายงานของ Myanmar Coffee Association เผยเมียนมาขยายการส่งออกกาแฟผ่านสิงคโปร์เพื่อเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ จากการระบาดของ COVID-19 ความต้องการกาแฟในท้องถิ่นลดลงและผู้ค้าบางรายพยายามขยายตลาดในต่างประเทศและกำลังเชื่อมต่อกับตลาดใหม่ในภูมิภาคโดยผ่านสิงคโปร์ เมื่อเดือนที่แล้วสมาคมได้เข้าร่วมงาน Singapore Specialty Coffee Online Auction 2020 ซึ่งเป็นเวทีสำหรับผู้ผลิตเมล็ดกาแฟทั่วโลกเพื่อส่งเสริมเมล็ดกาแฟสู่ตลาดเอเชียโดยใช้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลาง เมียนมาเพิ่มความพยายามในการหาตลาดต่างประเทศหลังจากการส่งออกลดลงเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 การส่งออกลดลงครึ่งหนึ่งในปีงบประมาณ 62-63 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ส่งออกมากกว่า 1,000 ตันไปยังสหรัฐฯ เยอรมนี จีน ไทยญี่ ปุ่นเกาหลี และยุโรป การส่งออกกาแฟอาจลดลงอีกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าตรงกันข้ามกับแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในช่วงห้าปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกกาแฟเพิ่มขึ้น 4 เท่าเป็น 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 62-63 จาก 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 57 ประชากรร้อยละ90 ของประเทศมีประชากรดื่มกาแฟสำเร็จรูปที่นำเข้าจากต่างประเทศและที่เหลือบริโภคกาแฟในท้องถิ่น

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-coffee-market-expand-through-singapore.html

ไทยเป็นตลาดส่งออกข้าวโพดเบอร์ต้น ๆ ของเมียนมา

นาย U Myo Thu รองอธิบดีองค์การส่งเสริมการค้าเมียนมาเผยปัจจุบันไทยเป็นนำเข้าข้าวโพดจากเมียนมาเป็นอันดับต้น ๆ โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของการเก็บเกี่ยวถูกส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ข้าวโพดที่ใช้ในอุตสาหกรรมหรืออาหารสัตว์เป็นที่ต้องการสูงในไทย จากการส่งออกไปยังจีนถูกระงับตั้งแต่ปี 61 ผลผลิตข้าวโพดส่วนใหญ่จึงถูกส่งออกไปยังไทย ซึ่งในปีงบประมาณ 62 – 63 มีการนำเข้ามากกว่ามากกว่าหนึ่งล้านตันเพิ่มขึ้นจาก 700,000 ตันในปีก่อนหน้า การส่งออกข้าวโพดเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 50 เมื่อเทียบเป็นรายปีในปีงบประมาณ 62 – 63 การส่งออกข้าวโพดต่อปีอยู่ที่ 2.5 ล้านตันเมื่อเทียบกับ 1.5 ล้านตันในปีก่อนหน้า ปัจจุบันเมียนมามีพื้นที่ปลูกข้าวโพด 1.5 ล้านเอเคอร์

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/thailand-becomes-top-corn-export-market-myanmar.html

ไทยผนึก 26 ชาติจี้มะกันต่ออายุจีเอสพี อุ้มส่งออก8หมื่นล.645สินค้า

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยได้ร่วมกับอีก 26 ประเทศที่รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ทำหนังสือถึงสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (ยูเอสทีอาร์) เพื่อขอให้มีการพิจารณาต่ออายุโครงการสิทธิพิเศษจีเอสพี 3,500 รายการ ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.63 ออกไป เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าสหรัฐ ให้สามารถลดภาระภาษี ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงให้ทางการสหรัฐ เร่งรัดกระบวนการพิจารณาต่ออายุโครงการให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ปัจจุบัน สหรัฐได้ให้สิทธิจีเอสพีสินค้าทั้งหมด 3,500 รายการ แต่ในจำนวนมีสินค้าที่ไทยได้รับสิทธิและใช้สิทธิจีเอสพีส่งออกไปจริง ประมาณ 645 รายการ คิดเป็นมูลค่า 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 83,200 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะหมดอายุช่วงสิ้นปีนี้  แต่กรมฯ ก็เชื่อมั่นว่าทางการสหรัฐจะต่ออายุจีเอสพีออกไป  แม้กระบวนการประกาศต่ออายุจะล่าช้าและเสร็จไม่ทัน 1 ม.ค.64 แต่ก็ขอให้ผู้ประกอบการไทยไม่ต้องตกใจ เพราะตามประวัติศาสตร์ ทางการสหรัฐจะประกาศช้าอยู่แล้ว แต่ก็จะให้สิทธิจีเอสพีย้อนหลังเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. เป็นต้นไป โครงการจีเอสพี ที่สหรัฐ ให้สิทธิฯ แก่  119 ประเทศกำลังพัฒนา และพัฒนาน้อยที่สุด จะถึงรอบสิ้นสุดอายุโครงการในวันที่ 31 ธ.ค.63 พอดี โดยสหรัฐ กำลังพิจารณาต่ออายุโครงการออกไปอยู่  ซึ่งจะต้องออกเป็นกฎหมายจึงอาจมีความล่าช้าไปบ้าง หลายเดือน แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะสหรัฐ จะให้สิทธิต่ออายุโครงการย้อนหลัง เพื่อให้การให้สิทธิจีเอสพีเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เช่น การต่ออายุครั้งล่าสุดเมื่อปี 61 สหรัฐ ได้ประกาศต่ออายุเดือน มี.ค.61 แต่ให้มีผลใช้บังคับใช้ย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61 ซึ่งผู้ส่งออกมีความเข้าใจเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/804636