INFOGRAPHIC : ฮานอย: ศูนย์กลางเศรษฐกิจเวียดนาม

ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติกรุงฮานอย คาดการณ์ว่าในปี 2563 อัตราการเติบโตเศรษฐกิจภูมิภาค (GRDP) ของกรุงฮานอย ขยายตัวร้อยละ 4.5-5 เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hanoi-economic-hub-of-vietnam/188456.vnp

เวียดนามแอร์ไลน์เผยช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เสียรายได้กว่า 10.75 ล้านล้านด่อง

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. สายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ (Vietnam Airlines) เปิดเผยว่าสูญเสียรายได้ถึง 10.75 ล้านล้านด่อง (463.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ตามข้อมูลของนาย Tran Thanh Hien หัวหน้าแผนกการเงินและบัญชีของสายการบิน กล่าวว่าในเดือนม.ค.-ก.ย. มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 46,700 เที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารกว่า 11.9 ล้านคน รวมถึงปริมาณสินค้าที่บรรทุก 146,000 ตัน ในขณะที่ เวียดนามแอร์ไลน์ได้เปิดเส้นทางบินในประเทศใหม่ 22 เส้นทาง หลังจากประเทศสามารถควบคุมโรคโควิด-19 และเปิดโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวแห่งชาติขึ้นในไตรมาสที่สอง โดยปัจจุบันสายการบินเปิดเส้นทางบินในประเทศมากกว่า 60 เส้นทาง เฉลี่ยอยู่ที่ 300 เที่ยวบิน/วัน และจำนวนผู้โดยสารในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ ในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ เวียดนามแอร์ไลน์ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ของโรคโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะวางแผนการดำเนินงานอย่างเหมาะสม

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnam-airlines-loses-vnd1075-trillion-in-nine-months-785937.vov

IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามโต 1.6% ในปี 2563

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจเวียดนาม (GDP) ในปี 2563 เหลือมาอยู่ที่ร้อยละ 1.6 จากเดิมร้อยละ 2.7 ในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคอาเซียนที่คาดว่าจะเติบโตในเชิงบวกปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ที่หดตัวมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ติดลบร้อยละ 8.3 รองลงมาไทย (-7.1%), มาเลเซีย (-6%) และอินโดนีเซีย (-1.5%) ทั้งนี้ หากประเมินในภาพรวมของเศรษฐกิจอาเซียน-5 คาดว่าจะหดตัวร้อยละ 3.4 ในปีนี้ ก่อนที่จะกลับมาขยายตัวร้อยละ 6.2 ในปี 2564 ในขณะที่ การเติบโตเศรษฐกิจเวียดนามในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ คาดว่าขยายตัวร้อยละ 2.12 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์เชื้อไวรัส COVID-19 นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามได้ตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ร้อยละ 2 ในสภาวะปกติ และร้อยละ 2.5 หากได้รับแรงหนุน

ที่มา : http://hanoitimes.vn/imf-trims-vietnam-gdp-growth-forecast-to-16-in-2020-314508.html

พาณิชย์เมียนมาคาดภาคการค้าขยายตัว 109.73%

กระทรวงพาณิชย์ เผยเมียนมามีรายได้จากการค้าเกินเป้าหมายสำหรับปีงบประมาณ 2562-2563 ปริมาณการค้ามีมูลค่า 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐและเทียบกับ 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณที่แล้ว โดยในปีนี้ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ผลิตและส่งออกผลไม้ดอกไม้และผักของเมียนมาเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดผลไม้ในท้องถิ่นในช่วง COVID-19 นอกจากนี้ยังจัดตั้ง Myanmar Online Expo Park และจัดงาน Myanmar International Expo of Organic and Natural Products ทางออนไลน์ในเดือนสิงหาคม ปีงบประมาณนี้มีการส่งออกมีมูลค่าประมาณ 17,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 18.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2561-2562 โดยการส่งออกพบว่าเพิ่มขึ้น 851 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้การค้าต่างประเทศขยายตัวกว่า 10%  ส่วนใหญ่ โดยภาคการส่งออกส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่าและสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ในขณะที่การนำเข้าจะเป็นสินค้าทุน สินค้าขั้นกลา งวัสดุเสื้อผ้า และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งอุปสงค์จากต่างประเทศมีแนวโน้มเชิงบวก ตัวอย่างเช่น ความต้องการหัวหอมจากบังกลาเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ด้านการส่งออก ความต้องการสินค้าอื่น ๆ เช่น น้ำผึ้งและกาแฟมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งน้ำผึ้งสามารถส่งออกไปยังสหภาพยุโรป (EU) ส่วนความต้องการกาแฟจากต่างประเทศก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยมีการถูกส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และยุโรป ในช่วงห้าปีที่ผ่านมามูลค่าการส่งออกกาแฟเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าคิดเป็นมูลค่ากว่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้จาก 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2557 และเมียนมายังเริ่มส่งออกเบียร์ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว Carlsberg Myanmar ได้เริ่มส่งออกเบียร์ Tuborg Beer ไปยังจีน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/trade-sector-exceeds-10973pc-estimates-minister-commerce.html

ธุรกิจท่องเที่ยวลดราคาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในท้องถิ่น

ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวและการบริการได้ลดค่าใช้จ่ายในการให้บริการและแพคเกจทัวร์ของตนลงเพื่อให้มีราคาที่เหมาะสมมากขึ้นและส่งเสริมให้ชาวสปป.ลาวเดินทางไปพักผ่อนทั่วประเทศ เพื่อชดเชยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 การสำรวจเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า Covid-19 ได้ลดรายได้ของธุรกิจนำเที่ยวและการบริการในเมืองหลวงพระบางซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกของสปป.ลาวประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ภาคการท่องเที่ยวอาจไม่ใช่ภาคที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่การที่ภาคบริการไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร      บริษัททัวร์ได้รับผลกระทบนั้นก็อาจผลต่อระดับการจ้างที่จะต้องมีการปลดคนออกทำให้อัตราการว่างงานสูงซึ่งในระยะยาวหากไม่มีการแก้ไขปัญหาหรือมาตราการช่วยเหลืออาจนำมาซึ่งการถดถอยของเศรษฐกิจสปป.ลาว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Tourism201.php