คาดการท่องเที่ยวภายในประเทศของกัมพูชาจะเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลประชุมแบน

ธุรกิจต่างๆทั่วกัมพูชาหันมาให้ความสนใจการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น เนื่องจากในช่วงเทศกาลที่ผ่านมาผู้คนเดินทางไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ภายในประเทศกันอย่างหนาแน่นสร้างโอกาสให้กับธุรกิจภาคบริการและอื่นๆ โดยในด้านบริษัทผู้ให้บริการทั่วประเทศกำลังร่วมกันระดมสมองเพื่อรองรับในช่วงวันหยุดที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 16, 17 และ 18 กันยายน ซึ่งบรรดาเกสต์เฮาส์ ที่พัก ทั่วประเทศเริ่มเสนอที่พักราคาประหยัดเพื่อเป็นการจูงใจผู้เข้าพักในช่วงวันหยุดที่กำลังจะมาถึงเช่นเดียวกับบาร์และร้านอาหารต่างๆ โดยหวังว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวภายในประเทศให้ได้มากที่สุด ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องเสนอสิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน โดยหวังว่าวันหยุดในช่วงเทศกาลของกัมพูชาในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศให้เกิดการฟื้นฟู

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50763443/more-domestic-tourism-expected-over-pchum-ben-festival-period/

ผู้ค้าหน้ากากอนามัยขอให้แก้ไขการขนส่งเพื่อคุมราคาไม่ให้สูงจนเกินไป

กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบการขายอาหารหลัก ยา และเวชภัณฑ์ในราคาที่สูงเกินจริง เมื่อวันที่ 13 กันยายน 63 ออกเตือนให้ผู้ค้าไม่ให้ขึ้นราคาโดยไม่จำเป็นในช่วง COVID-19 ในเดือนมีนาคม 63 ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ห้ามขึ้นราคาสินค้าพื้นฐาน ยา และเวชภัณฑ์ ทั้งนี้กรมกิจการผู้บริโภคยังเรียกร้องให้ธุรกิจต่างๆ ไม่เพิ่มราคาหน้ากากอนามัยที่นำเข้าจากจีนและให้จำหน่ายในราคาที่เหมาะสม ความต้องการพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่การพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 63 แต่ผู้ค้ากล่าวว่าควรผ่อนปรนข้อจำกัดบางประการในการขนส่งที่ชายแดนเมียนมา – จีนเพื่อให้ราคามีเสถียรภาพมากขึ้นเนื่องจากหน้ากากอนามัยที่ผลิตจากจีนส่วนใหญ่จะนำเข้าจากชายแดน ปัจจุบันราคามีความผันผวนเนื่องจากความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจากข้อจำกัดและความล่าช้าที่ชายแดน เช่น จากชายแดนมูเซเพื่อเข้ามาย่างกุ้งและมัณฑะเลย์มีความลำบากและทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกันสหพันธ์ข้าวเมียนมาได้เรียกร้องให้ธุรกิจปฏิบัติตามคำเตือนของกระทรวงที่ไม่ขึ้นราคาข้าวเนื่องจากเป็นสินค้าอาหารพื้นฐานในประเทศ ด้านสมาคมผู้ค้าน้ำมันเพื่อการบริโภคแห่งเมียนมายังได้เรียกร้องให้ตัวแทนจำหน่ายขายในราคาที่เหมาะสม โดยทั่วไปราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเนื่องจากข้อจำกัดด้านโลจิสติกส์และการขนส่งซึ่งกรมกิจการผู้บริโภคจะทำตรวจสอบสินค้าที่ขายเกินราคาบ่อยขึ้น

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/traders-face-masks-ask-smoother-logistics-flow-avoid-price-hikes.html

น้ำตาลเมียนมาล้นตลาดทำราคาตกต่ำในรอบ 10 ปี

สมาคมผู้ประกอบการน้ำตาลและอ้อยของเมียนมาเผยปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไปทำให้ราคาตกต่ำในรอบ 10 ปี เนื่องจากขณะนี้น้ำตาลสำหรับการส่งออกยังคงค้างอยู่ในประเทศเป็นจำนวนมาก ตามการคาดการณ์อาจมีสินค้าคงเหลือในประเทศ 150,000 ถึง 200,000 ตันและราคาอยู่ระหว่าง 840-860 จัตต่อ viss ซึ่งต่ำที่สุดในรอบทศวรรษ การบริโภคลดลงอย่างมากเพราะไม่มีงานเทศกาลหรืองานอีเว้นท์ในช่วง COVID-19 เนื่องจากผู้คนจับจ่ายน้อยลงจึงส่งผลกระทบต่อตลาดขนมและเครื่องดื่มที่ทำจากน้ำตาลซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำตาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะนี้เมียนมากำลังพยายามจะทำทุกทางเพื่อการส่งออกไปยังจีน แม้พื้นที่เพาะปลูกอ้อยจะลดลงแต่ผู้ค้าคาดว่าราคาจะยังคงลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเป็นผลมาจากปริมาณที่มากเกินไปและการบริโภคที่ลดลง ขณะนี้มีไร่อ้อยในเมียนมาไม่ถึง 50,000 เอเคอร์และลดลงจากหน้านี้ที่มีประมาณ 460,000 เอเคอร์ ซึ่งถูกทดแทนโดยถั่วชนิดต่าง ๆ  เนื่องจากสินค้าคงเหลือมีจำนวนมากเกษตรกรจึงขอจำกัดการนำเข้าน้ำตาลจากต่างประเทศ ทั้งนี้ความต้องการและพื้นที่ปลูกอ้อยที่ลดลงยังส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลต่อไปตามห่วงโซ่คุณค่า

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/sugar-glut-myanmar-leads-prices-10-year-low.html

ตลาดนัด SME ยอดซื้อขายทะลุ 30 ล้านบาท

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยผลการจัดงาน ตลาดนัด SME “เราช่วยไทย ไทยช่วยกัน” สร้างยอดขายกว่า 30 ล้านบาท เพิ่มโอกาส สร้างรายได้พร้อมต่อยอดธุรกิจของผู้ประกอบการ นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เปิดเผยว่าตลาดนัด SME เราช่วยไทย ไทยช่วยกัน  ซึ่งจัดโดยกระทรวงอุตสาหกรรมในช่วงวันที่ 4 – 6 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา มีประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 4 หมื่นคน โดยจากการสำรวจข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ผู้ประกอบการกว่า 600 ราย ที่นำสินค้าและบริการมาจำหน่าย สามารถทำยอดขายโดยรวมมากกว่า 30 ล้านบาท โดยเฉพาะในหมวดของอาหาร เกษตรแปรรูป สินค้าแฟชั่นจำพวกสิ่งทอ เสื้อผ้า รวมถึงบริการท่องเที่ยว คิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของยอดขายทั้งหมดในงาน นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานมีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับสูงมากถึง 86% โดยเฉพาะในด้านคุณภาพของสินค้าและบริการ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่นำเสนอในงาน ซึ่งตลอดทั้ง 3 วัน ได้มีกิจกรรมที่เน้นเพิ่มความรู้ด้านการตลาดในยุค New Normal การปรับตัวของธุรกิจและกรณีศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก “แม้ว่าตลาดนัด SME จะเป็นงานในระดับเล็ก แต่สิ่งสำคัญคือการที่ประชาชนได้ออกมาจับจ่ายใช้สอย อุดหนุนสินค้าและบริการของไทย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และการเพิ่มโอกาสในการต่อยอดธุรกิจของผู้ประกอบการที่นำสินค้าและบริการมาเสนอในงาน โดย SME และวิสาหกิจชุมชนต้องเรียนรู้ความต้องการผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย และทำการปรับปรุงคุณภาพ มาตรฐาน รวมถึงรูปแบบสินค้าใหม่ ๆ ให้เป็นที่ต้องการของตลาด ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ยังคงเร่งให้ความช่วยเหลือสนับสนุน SME และวิสาหกิจชุมชนในการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับตัวเข้าถึงแหล่งทุน และตลาดทั้งในรูปแบบ Offline และ Online ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป”

ที่มา: https://bit.ly/35B7FOJ

ยอดขายรถยนต์ในเวียดนาม ดิ่งลง 14% “เดือนสารทจีน”

ตามรายงานของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) ในเดือนสิ.ค. ยอดขายรถยนต์ในเวียดนามลดลงร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับปีก่อน ด้วยจำนวน 20,655 คัน ขณะที่ ในเดือนที่ 7 (ก.ค.) ตรงกับปฏิทินจันทรคติ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เดือนสารทจีน (Ghost Month) ทำให้คนในท้องถิ่นหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าใหม่ที่มีมูลค่าสูง ถือว่าพาโชคร้ายติดตัวมาด้วย ทั้งนี้ หากจำแรกประเภทรถยนต์ในช่วง 4 เดือนแรก พบว่ายอดขายขายรถยนต์นั่งอยู่ที่ 15,419 คัน ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ตามมาด้วยยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ 4,966 คัน ลดลงร้อยละ 20 และยานพาหนะเฉพาะกิจ 270 คัน ลดลงร้อยละ 19 อีกทั้ง โดยภาพรวมแล้ว ยอดขายรถยนต์ทุกประเภทในเดือนม.ค.-สิ.ค. 151,903 คัน ลดลงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ รัฐบาลได้ส่งเสริมนโยบายหลายประการ เพื่อกระตุ้นยอดขายรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ ช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ รวมถึงการลดค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสำหรับรถยนต์ที่ผลิตในประเทศลงร้อยละ 50 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. เป็นต้น

ที่มา : http://hanoitimes.vn/car-sales-in-vietnam-down-14-on-ghost-month-314199.html

‘Vinamilk’ ขยายฟาร์มโคนม

ผู้ผลิตนมรายใหญ่ในเวียดนาม “Vietnamilk” (วินนามิลค์) มีแผนที่จะขยายฟาร์มโคนมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ แผนที่วางไว้ข้างต้นนั้น ทางบริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนแรก ฟาร์มเลี้ยงโคนมออร์แกนิคในจังหวัดเชียงขวาง สปป.ลาว ด้วยจำนวนโค 24,000 ตัว และในขั้นตอนที่สองจะเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ตัว โดยเฉพาะการเปิดตัวของศูนย์ถ่ายทอดผ่านทางเซลล์สืบพันธุ์จากเทคโนโลยีของญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ในการคัดสรรยีนที่ดีที่สุดและนำไปพัฒนาฝูงวัวในประเทศต่อไป

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vinamilk-to-expand-milch-cow-farms/182927.vnp

อุโมงค์ข้ามพรมแดนรถไฟจีน-สปป.ลาว แล้วเสร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

“อุโมงค์มิตรภาพข้ามพรมแดนจีน-สปป.ลาว” ความยาวรวม 9.59 กม. จากจีนมายังสปป.ลาวซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน – สปป.ลาวที่จะเป็นเส้นทางจากคุนหมิไปยังเวียงจันทน์เมืองหลวงของสปป.ลาว แล้วเสร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โครงการดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือระหว่าง Liu Juncheng จาก China Railway Kunming Group Co. Ltd.ของประเทศจีนและรัฐบาลสปป.ลาว ทางรถไฟถูกมองว่าเป็นโครงการเชื่อมต่อเชิงกลยุทธ์ตามแผนโครงการ one belt one road  สอดคล้องไปกับยุทธศาสตร์ของสปป.ลาวในการเปลี่ยนจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลไปเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงทางบก  ที่จะมีส่วนสำคัญการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสปป.ลาว ผ่านด้านการค้าและการท่องเที่ยวที่โครงการดังกล่าวจะเป็นส่วนช่วยส่งเสริมให้มีการเติบโต

ที่มา : http://www.china.org.cn/business/2020-09/14/content_76699866.htm