ปี 66 ต่างชาติเที่ยวไทยแตะ 18.5 ล้านคน ใช้จ่ายกระฉูด 7.7 แสนล้านบาท

สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า จากข้อมูลพบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 สิงหาคม 2566 รวมอยู่ที่ 17,856,652 คน สร้างรายได้รวม 746,507 ล้านบาท โดยล่าสุด หากนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 10 กันยายน ที่ผ่านมา พบว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยแล้วกว่า 18,530,280 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว อยู่ที่ 775,295 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.มาเลเซีย 2,991,293 คน 2.จีน 2,284,281 คน 3.เกาหลีใต้ 1,099,685 คน 4.อินเดีย 1,066,542 คน และ 5.รัสเซีย 945,998 คน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเอเชียใต้ ที่กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 20.06% ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวอินเดีย ที่เพิ่มขึ้น 22.29% ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนมีการเดินทางเพิ่มขึ้น 10.08% อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวอาเซียน ปรับตัวลดลง 27.48% และตะวันออกกลาง ปรับตัวลดลง 2.08% ส่งผลให้สัปดาห์ที่ผ่านมา ในภาพรวมประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 454,205 คน เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 64,887 คน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีเฉลี่ยอยู่ที่ 50,801 คน คิดเป็นการหดตัว 10.06% โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ 1.มาเลเซีย 2.จีน 3.อินเดีย 4.เกาหลีใต้ และ 5.ลาว ซึ่งคิดเป็น 45.4% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ทั้งนี้ กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬาคาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในสัปดาห์ถัดไป ยังคงลดลงจากช่วงเวลาที่เป็นช่วงนอกฤดูกาลการท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่ไม่เหมาะสม ประกอบกับการแข่งขันในตลาดท่องเที่ยวที่รุนแรงขึ้น แรงกดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิง และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าในสัปดาห์ถัดไป จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 450,000 คน เป็นนักท่องเที่ยวจากระยะใกล้ ได้แก่ ตลาดเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และอาเซียน เป็นหลัก

ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_4177672

สหรัฐฯ-เวียดนาม ยกระดับข้อตกลงการค้า ขยายขอบเขตความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานวานนี้ (10 ก.ย.) ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เดินทางเยือนกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม หลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำจี 20 ก่อนบรรลุข้อตกลงกับเวียดนาม เกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์และแร่ธาตุ พร้อมขยายขอบเขตความสัมพันธ์สู่สถานะทางการทูตสูงสุด ในระดับเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ควบคู่ไปกับจีนและรัสเซีย

ที่มา : https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=RTdTL3ZRaVR4TWs9

‘วงใน’ ชี้การส่งออกและการลงทุน ตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจเวียดนาม

นาย โด๋ ทัง ฮ่าย (Do Thang Hai) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม กล่าวว่าถึงแม้ภาวะการส่งออกจะเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 6% ในปีนี้ เนื่องจากอุปสงค์โลกที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี ภาคการส่งออกเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตจนถึงสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) ระบุว่าเวียดนามส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศในเดือน ส.ค. อยู่ที่ 32.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี นับว่าเป็นการขยายตัว 4 เดือนติดต่อกัน สาเหตุมาจากการเติบโตของการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน โทรศัพท์ เสื้อผ้า สิ่งทอและผลิตภัณฑ์จากไม้

นอกจากนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนภาครัฐ ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. มีมูลค่าเกินกว่า 299 ล้านล้านดอง เพื่อที่จะเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ คิดเป็น 42.5% ของแผนประจำปี

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/exports-investments-remain-vietnams-economic-growth-driver-insiders/267732.vnp

‘กองทุนสวิส’ เผยเวียดนามยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสียรภาพของนักลงทุน

ซินเย่ว โหว (Xinyue Hou) ผู้จัดการกองทุนจาก Bellecapital สัญชาติสวิส ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเวียดนามในกรุงเจนีวา เปิดเผยว่าเวียดนามมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ และเศรษฐกิจมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในขณะที่แรงงานเวียดนามมีชื่อเสียงในด้านความขยัน ความคิดสร้างสรรค์และจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ โดยสังเกตมาจากความพยายามของแรงงานที่ต้องการสะสมความมั่งคั่ง และแรงงานส่วนใหญ่เลือกที่จะกู้เงินทุนมากขึ้น เพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง อีกทั้ง นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนามจนถึงปี 2568 แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะเสริมสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจมหภาคและการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-remains-stable-destination-for-investors-swiss-fund/267721.vnp

‘เมียนมา’ ชี้ช่วง 5 เดือนปี 66 ยอดการค้าต่างประเทศ พุ่ง 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เปิดเผยว่าการค้าต่างประเทศในช่วง 5 เดือนของปี 2566 (เม.ย.-ส.ค.) ของปีงบประมาณ 2566-2567 มีมูลค่ากว่า 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกของเมียนมามีอยู่ที่ 6.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 7.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี หากพิจารณาตัวเลขการค้าในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พบว่าตัวเลขการค้าปรับตัวลดลงราว 690.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ของเมียนมา ได้แก่ ผลผลิตทางการเกษตร ปศุสัตว์และป่าไม้ ผลิตภัณฑ์จากเหมืองแร่และสินค้าอุตสาหกรรม ในขณะเดียวกัน สินค้านำเข้าหลักของเมียนมา ได้แก่ สินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง วัตถุดิบที่นำเข้าจากบริษัท CMP และสินค้าอุปโภคบริโภค

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-foreign-trade-soars-past-us13-bln-in-last-five-months/#article-title

สายการบินของ สปป.ลาว ในหลวงพระบาง พร้อมเปิดเที่ยวบินไปยังฉางซาในจีน

สายการบินลาวแอร์ไลน์ กลับมาให้บริการเที่ยวบินระหว่างหลวงพระบางและฉางซาในมณฑลหูหนาน ประเทศจีนอีกครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน หลังจากที่หยุดให้บริการไปในช่วงปี 2020 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กล่าวโดย Khamkhan Chanthavisouk ผู้ว่าราชการจังหวัดหลวงพระบาง ซึ่งคาดว่าการกลับมาให้บริการอีกครั้งจะส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่าง สปป.ลาว และจีน ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์ระหว่างหลวงพระบางและมณฑลหูหนานในด้านการค้า การลงทุน วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และด้านอื่นๆ เป็นสำคัญ ด้าน Noudeng Chanthaphasouk ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของสายการบิน สปป.ลาว เปิดเผยว่า เที่ยวบินจะออกจากหลวงพระบางทุกวันพุธ เวลา 13.10 น. และถึงฉางซา เวลา 16.30 น. ขณะที่เที่ยวบินขากลับออกจากฉางซาเวลา 17.30 น. และถึงหลวงพระบางเวลา 18.30 น. ของทุกวันพุธ โดยปัจจุบันนับตั้งแต่ยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางเนื่องจากโควิด-19 สายการบินลาวแอร์ไลน์ได้กลับมาให้บริการเที่ยวบินระหว่าง สปป.ลาว สู่กรุงเทพฯ ฮานอย โฮจิมินห์ ในเวียดนาม รวมถึงคุนหมิงในมณฑลยูนนาน กวางโจวในมณฑลกวางตุ้ง ฉางซาในมณฑลหูหนาน และเฉิงตูในมณฑลเสฉวน ในประเทศจีน และอินชอนในสาธารณรัฐเกาหลี ตามข้อมูลของฝ่ายพาณิชย์ของสายการบิน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_Laoairlines176_23.php