นายกฯ สปป.ลาว หวังพัฒนาภาคการเกษตร และภาคท่องเที่ยวในแขวงเวียงจันทน์

Sonexay Siphandone นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว พร้อมให้การสนับสนุนแก่หน่วยงานท้องถิ่นในแขวงเวียงจันทน์ ในการร่วมพัฒนาภาคการเกษตรและการท่องเที่ยวให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและป่าไม้ร่วมมือกับกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ ไปจนถึงหน่วยงานระดับจังหวัดในการสำรวจระบบชลประทานและการจ่ายกระแสไฟฟ้า ในขณะเดียวกันต้องสร้างความมั่นใจด้วยการพัฒนาเทคนิคต่างๆ ให้แก่เกษตรกร รวมถึงพัฒนาพันธุ์พืชและสัตว์ ให้เหมาะสมแก่ความต้องการของตลาด ควบคู่ไปกับการสนับสนุนด้านการลดต้นทุนการผลิตสำหรับเกษตรกรและส่งเสริมการทำฟาร์มสินค้าคุณภาพที่สามารถแข่งขันได้ในภูมิภาค สำหรับหน่วยงานระดับจังหวัดมีหน้าที่ในการติดตาม ส่งเสริม และสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อบริษัทอุตสาหกรรมและการเกษตรในจังหวัด เพื่อส่งเสริมการผลิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกเป็นสำคัญ นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ร่วมมือกับกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ในการจัดทำแพลตฟอร์มโฆษณาที่มีประสิทธิภาพหวังดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางมายัง สปป.ลาว มากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_142_PM_calls_y23.php

ครึ่งแรกของปี กัมพูชาส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าโตกว่า 109%

การส่งออกอุปกรณ์โคมไฟและของตกแต่งบ้านกัมพูชาขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันขยายตัวถึงร้อยละ 108.7 ในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน ซึ่งมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.59 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามข้อมูลการค้าล่าสุดของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) โดยการเพิ่มขึ้นของการส่งออกในหมวดนี้ช่วยให้กัมพูชามีมูลค่าการส่งออกรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เป็นครั้งแรกในปีนี้ ช่วยชดเชยการส่งออกเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเดินทาง (GFT) ที่ลดลงร้อยละ 18.60 จากข้อมูลการค้าการส่งออกทั้งหมดของกัมพูชามีมูลค่ารวมถึง 1.146 หมื่นล้านดอลลาร์ ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2023 โดยนับเป็นมูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างประเทศทั้งหมดอยู่ที่ 2.369 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลทำให้กัมพูชาขาดดุลการค้าในช่วงครึ่งแรกของปีที่ 764.70 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501330235/electrical-goods-exports-up-109-h1/

ส่งออก มิ.ย. ติดลบ 6.4% ยันไม่ต้องห่วง เหตุฐานสูง

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน มิ.ย. 2566 มีมูลค่า 24,826.0 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 6.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตามส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานปีก่อนสูง แต่หากพิจารณาจากมูลค่าการส่งออก 6 เดือนแล้ว พบว่า มูลค่าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัว 2.9% เหตุจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังคงซบเซาจากแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ทำให้การผลิตและการบริโภคยังคงตึงตัว ขณะที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของตลาดจีนค่อนข้างช้ากว่าที่คาด นอกจากนี้ คู่ค้าส่วนใหญ่ชะลอการสั่งซื้อสินค้าจากผลกระทบของการหดตัวทางด้านอุปสงค์ มีการเร่งระบายสินค้าคงคลังมากขึ้น ส่งผลให้คำสั่งซื้อและการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง แต่ยังคงมีปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า ช่วยเพิ่มความสามารถ ในการแข่งขันของผู้ส่งออกในระยะนี้ และกระแสความมั่นคงทางอาหารทำให้สินค้าบางรายการยังขยายตัวดี เช่น ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ผักกระป๋อง และผักแปรรูป ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ไข่ไก่ ซาร์ดีนกระป๋อง น้ำตาลทราย ทั้งนี้ ทำให้การส่งออกครึ่งแรกปี 2566 มีมูลค่า 141,170.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 5.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้าเดือน มิ.ย. มีมูลค่า 24,826 ล้านเหรียญสหรัฐ หัดตัว 10.3%  ทำให้ดุลการค้าของไทยเกินดุล 57.7%

ที่มา : https://www.posttoday.com/business/697604

มูลค่าการค้าทวิภาคี กัมพูชา-ออสเตรเลีย เติบแตะเกือบ 260 ล้านดอลลาร์

ปริมาณการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและออสเตรเลียในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เพิ่มสูงขึ้นกว่า 258 ล้านดอลลาร์ ตามการรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา ซึ่งคิดเป็นการส่งออกของกัมพูชาไปยังออสเตรเลียที่มูลค่า 180 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าของกัมพูชาจากออสเตรเลียมีมูลค่าอยู่ที่ 77 ล้านดอลลาร์ โดยออสเตรเลียเน้นการนำเข้าสินค้ากลุ่มสิ่งทอ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าด้านการเกษตรเป็นสำคัญ ซึ่งทางการกัมพูชาคาดหวังเป็นอย่างมากว่าการส่งออกและนำเข้าระหว่างสองประเทศจะขยายตัวต่อเนื่อง ภายใต้การมีอยู่ของ RCEP ซึ่งใน 2022 ปริมาณการค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและออสเตรเลียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 205 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 เพิ่มขึ้นเป็น 523 ล้านดอลลาร์ในปี 2022

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501330676/cambodia-australia-bilateral-trade-volume-nearly-260-million/

รัฐบาลไทยหนุนธุรกิจสินค้าฮาลาลในมาเลเซีย มุ่งเป้า 1.02 ล้านล้านบาทในปี 68

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับความร่วมมือทางการค้าของไทย-มาเลเซียที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นการค้าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.02 ล้านล้านบาท) ในปี 2568 รวมถึงจะมีการหารือเพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้กลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ระดับรัฐมนตรี ซึ่งมีแผนจะจัดขึ้นในช่วงปลายปี 2566นี้

ที่มา : https://www.posttoday.com/politics/domestic/697479

‘สหราชอาณาจักร’ ยอมรับเวียดนามเป็นเศรษฐกิจระบบตลาด

สำนักงานกำกับดูแลด้านมาตรการการค้าของเวียดนาม (TRAV) ระบุว่าสหราชอาณาจักร (UK) พร้อมที่จะยอมรับว่าอุตสาหกรรมเวียดนามอยู่ในช่วงวางรากฐานของเศรษฐกิจระบบตลาด และจะไม่กำหนดกฎเกณฑ์ที่ทำให้เสียเปรียบ หากได้รับการตรวจสอบเป็นไปตามมาตรการป้องกันทางการค้า ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรแสดงเจตจำนงที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ของความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ส่งผลให้เวียดนามเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศ จำนวน 71 ประเทศ รวมถึงคู่ค้าสำคัญที่ผ่านการลงนามข้อตกลงการค้า และเมื่อเวียดนามได้รับการยอมรับว่าเป็นเศรษฐกิจระบบตลาด ทำให้สินค้าของเวียดนามจะได้รับการปฎิบัติที่เป็นธรรมมากขึ้น และผู้ส่งออกจะสามารถเข้าถึงตลาดได้อีกจำนวนมาก

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1551526/uk-to-recognise-viet-nam-as-market-economy.html