สหราชอาณาจักรพร้อมให้การสนับสนุนกัมพูชาในด้านต่างๆ

สหราชอาณาจักรให้คำมั่นต่อกัมพูชาว่าจะให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ต่อไป โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การศึกษา การเงิน โครงสร้างพื้นฐาน พลังงานทดแทน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น กล่าวโดย Dominic Williams เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำกัมพูชาที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ ขณะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ซึ่งได้กล่าวชมทางการกัมพูชาถึงการนำพาสันติภาพและเสถียรภาพมาสู่ประเทศ รวมถึงการควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายของโควิด-19 จนสามารถเปิดประเทศได้อีกครั้ง เป็นผลทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินได้อีกครั้ง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ยังย้ำถึงความตั้งใจที่มีความประสงค์ในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของอังกฤษภายในกัมพูชา รวมถึงพร้อมสนับสนุนการลงทุนของอังกฤษในกัมพูชาให้มากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501242497/uk-to-support-cambodia-in-various-domains/

กัมพูชาจัดฟอรัม “Visit Cambodia” กระตุ้นการท่องเที่ยวสีหนุวิลล์

การประชุมด้านการท่องเที่ยวอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (MTF) 2023 ซึ่งถือเป็นฟอรัมด้านการท่องเที่ยวประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในอนุภูมิภาค ที่จะจัดขึ้น ณ เมืองสีหนุวิลล์ ระหว่างวันที่ 24-28 เมษายน คาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมแคมเปญ “Visit Cambodia Year 2023” รวมถึงเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของเมืองชายฝั่ง โดยงาน MTF ในปี 2023 จะจัดขึ้นโดยกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา ผ่านการหารือและรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาที่สำคัญและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) รวมถึงเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกและประสบการณ์ในด้านต่างๆ ซึ่ง MTF 2023 ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจของ GMS โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในภาคการท่องเที่ยว ในขณะเดียวกันทางการกัมพูชาได้คาดการณ์ว่าจังหวัดสีหนุวิลล์จะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเปิดประเทศจีน ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางมาเยือนกัมพูชา 1 ล้านคนในปี 2023 เพิ่มขึ้นจาก 106,875 คน ในปี 2022

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501242309/forum-to-boost-visit-cambodia-campaign-sihanoukville-tourism/

จังหวัดกำปอต กัมพูชา ส่งออกกล้วยสัดส่วนกว่าร้อยละ 50 ของประเทศ

จังหวัดกัมปอตเมืองชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชา มีสัดส่วนการส่งออกกล้วยสูงถึงประมาณกว่าร้อยละ 50 ของการส่งออกกล้วยทั้งหมด ภายใต้การสนับสนุนและการลงทุนขยายการเพาะปลูกของหน่วยงานในจังหวัด โดยจำนวนการส่งออกเฉลี่ยคิดเป็นปริมาณกว่า 2,000 ตันต่อเดือน ถูกส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ส่งออกไปยังประเทศจีน ขณะที่ปัจจุบันมี 2 บริษัท ที่ทำการส่งออกกล้วยจากจังหวัดกำปอตไปยังต่างประเทศ ได้แก่ บริษัท Longmate Agriculture และ World Tristar ภายใต้การร่วมมือกับเกษตรกรในพื้นที่กว่า 2,000 คน โดยจากข้อมูลของกรมวิชาการเกษตร ป่าไม้ และการประมง รายงานถึงพื้นที่เพาะปลูกที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ในปัจจุบันครอบคลุม 662 เฮกตาร์ สร้างผลผลิตปริมาณกว่า 43 ตันต่อเฮกตาร์ ในแต่ละปี ซึ่งในปี 2022 กัมพูชาส่งออกกล้วยกว่า 423,168 ตัน ส่วนใหญ่ส่งออกไปยังตลาดจีน เวียดนาม และญี่ปุ่น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501241501/kampot-contributes-50-of-banana-exports/

กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยัง ไทย-เวียดนาม เพิ่มขึ้น

การส่งออกของกัมพูชาไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและเวียดนาม เพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมกราคมปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งตรงกันข้ามกับการส่งออกไปยังตลาดหลัก เช่น จีนและสหรัฐฯ ที่ลดลงในช่วงดังกล่าว โดยจากข้อมูลของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) การส่งออกไปยังประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นร้อยละ 22.8 หรือคิดเป็นมูลค่า 107 ล้านดอลลาร์ และส่งออกไปยังเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 คิดเป็นมูลค่า 172 ล้านดอลลาร์ ในเดือนมกราคม 2023 ขณะที่การส่งออกไปยังจีนกลับลดลงที่ร้อยละ 22.2 คิดเป็นมูลค่า 81 ล้านดอลลาร์ และส่งออกไปยังสหรัฐฯ มูลค่า 562 ดอลลาร์ หดตัวร้อยละ 23 ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเวียดนามถือเป็นตลาดส่งออกใหญ่เป็นอันดับสองของกัมพูชาในเดือนมกราคมปีนี้ ด้วยสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 11 ขณะที่ไทยที่มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ร้อยละ 6.9 เป็นอันดับสาม ตามมาด้วยญี่ปุ่นและจีน ตามลำดับ แต่ถึงอย่างไรสหรัฐฯ ก็ยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการส่งออกของกัมพูชา โดยมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 35.9 ของการส่งออกในเดือนมกราคม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501241502/exports-to-thailand-vietnam-up-as-traditional-markets-shrink/

เมียนมาตั้งเป้าส่งออกหัวหอม 100,000 ตันในปีงบประมาณ 66-67

องค์การส่งเสริมการค้าแห่งกระทรวงพาณิชย์ของเมียนมา  เผย ในปีงบประมาณ 2566-2567 เมียนมามีแผนส่งออกหัวหอมไปยังต่างประเทศกว่า 100,000 ตัน โดยแบ่งเป็น ไตรมาสที่ 1 จำนวน 30,000 ตัน, ไตรมาสที่ 2 จำนวน 15,000, ไตรมาสที่ 3 จำนวน 20,000 ตัน และไตรมาสที่ 4 จำนวน 35,000 ตัน ทั้งนี้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา ผลผลิตหัวหอมลดลงอย่างมากเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้เมียนมาส่งออกหัวหอมได้เพียง 80,000 ตัน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/plans-underway-to-export-100000-tonnes-of-onion-in-fy-2023-2024/

ปี 65 ภัยธรรมชาติกระทบต่อเศรษฐกิจสปป.ลาว เสียหายมากกว่า 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นายคำวงษ์ พันธานุวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายช่วยเหลือสังคมและหัวหน้าสำนักเลขาธิการคณะกรรมการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ ของสปป.ลาว เปิดเผยว่า ตลอดปี 2565  มีภัยพิบัติทางธรรมชาติทั้งหมด 96 ครั้งที่เกิดขึ้นในสปป.ลาว สร้างเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 1.3 ล้านล้านกีบ (77 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ) โดยภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายมากที่สุด คือ พายุโซนมู่หลาน พายุหมาอ๊อน และพายุโนรู ซึ่งสร้างความเสียหายครอบคลุมกว่า 16 จังหวัด ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา ความเสียหายของเมืองหลวงพระบางจากภัยธรรมชาติ มีการคาดการณ์ว่าอาจมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1 หมื่นล้านกีบ

ที่มา: https://laotiantimes.com/2023/02/20/natural-disasters-caused-losses-over-lak-1-trillion-in-2022/

“ฮอนด้า เวียดนาม” เผยยอดขายรถจักรยานยนต์และยานยนต์ ร่วงระนาว

ฮอนด้า เวียดนาม (Honda Vietnam) รายงานว่าในเดือนมกราคม ยอดขายรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 222,545 คัน ลดลง 13.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และ 16.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกัน ยอดขายยานยนต์อยู่ที่ 1,494 คัน ลดลง 60.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายดังกล่าวนั้น มีฮอนด้า ซิตี้ (Honda City) และ ฮอนด้า ซีอาร์-วี (Honda CR-V) ที่เป็นแบรนด์ยานยนต์ขายได้ดีที่สุด คิดเป็นสัดส่วนรวมกัน 74.1% ของยอดขายยานยนต์ของบริษัทในเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ยอดขายรถจักรยานยนต์และยานยนต์ลดลงอย่างมากในเดือนมกราคม เป็นผลมาจากอยู่ในช่วงเวลาตรงกับเทศกาลปีใหม่ของเวียดนาม (เต๊ด)

ที่มา : https://vir.com.vn/honda-vietnam-sees-sharp-falls-in-bike-car-sales-99875.html

กสิกรไทย คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโต 3.7% จับตาการค้าโลกไม่สดใสกดดันส่งออกไทยเสี่ยงโตต่ำคาด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ของปี 2565 ที่ผ่านมา ขยายตัวต่ำกว่าคาดที่ 1.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ทั้งปี 2565 เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 2.6% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.2% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ตัวเลขการเติบโตจีดีพีของไทยในไตรมาส 4/2565 มีปัจจัยกดดันหลักมาจากส่งออกสินค้าที่หดตัวถึง -10.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามโมเมนตัมเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง

นอกจากนี้ การบริโภคภาครัฐก็หดตัวลง ขณะที่การลงทุนภาครัฐก็ขยายตัวต่ำกว่าคาด เนื่องจากการใช้จ่ายและลงทุนที่เกี่ยวข้องกับโควิดนั้นลดลงอย่างมาก

ด้านปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2565 การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้การส่งออกในภาคบริการนั้นขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นที่ 94.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวก็ได้ส่งผลต่อเนื่องไปยังการจ้างงาน รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนที่ยังขยายตัวได้ดีที่ 5.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในไตรมาส 4/2565 แม้จะชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ถึง 9.1%

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยที่ 3.7% ซึ่งสูงกว่าประมาณการของสภาพัฒน์ที่ 2.7-3.7% (ค่ากลางอยู่ที่ 3.2%) จากแรงหนุนของภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงจะเป็นขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องไปในปีนี้ แม้การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจกดดันการส่งออกไทยให้หดตัวเล็กน้อยในปีนี้

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/feature/2634206