อัตราเงินเฟ้อสปป.ลาว ใกล้สองหลัก

อัตราเงินเฟ้อปีต่อปีในประเทศลาวเพิ่มขึ้นเป็น 9.9% ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 ตามรายงานล่าสุดจากสำนักงานสถิติลาว ดัชนีราคาผู้บริโภคพุ่งขึ้นเร็วที่สุดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินค่าอาหาร เชื้อเพลิง และสิ่งจำเป็นอื่นๆ มากขึ้น สปป.ลาวมีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนใหญ่ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจากขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนส่งผลให้ตลาดเชื้อเพลิงทั่วโลกผันผวนและการอ่อนค่าของ kip อย่างต่อเนื่อง ในเดือนเมษายน ค่าใช้จ่ายในหมวดการสื่อสารและการขนส่งเพิ่มขึ้น 6.7%  ราคาในหมวดสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และร้อยละ 16.3 เมื่อเทียบปีต่อปี ค่ารักษาพยาบาลและค่ายาเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 11% เมื่อเทียบเป็นรายปี การเพิ่มขึ้นของหมวดนี้เป็นผลมาจากราคายาและค่ารักษาพยาบาล ในขณะเดียวกัน ราคาเสื้อผ้าและรองเท้าเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 9.4 % เมื่อเทียบเป็นรายปี นอกจากนี้ ราคาในหมวดที่อยู่อาศัย น้ำ ไฟฟ้า และก๊าซ เพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ค่าอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 5.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten86_Inflation_y22.php

MIC เชิญชวนลงทุน 8 ภาคธุรกิจในเมียนมา

Interest: EoI) สำหรับ 8 ภาคส่วนเพื่อพัฒนาประเทศ ได้แก่ 1.การผลิตปุ๋ย 2.การผลิตปูนซีเมนต์ 3.การผลิตเหล็ก 4.การเกษตรและการเลี้ยงปศุสัตว์ 5.การผลิตหรือการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของอาหารอาหาร 6.การผลิตยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์ 7.ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพและวัสดุที่เกี่ยวข้อง และ 8.การขนส่งสาธารณะ ซึ่งหากนักลงทุนชาวเมียนมาและนักลงทุนต่างชาติที่สนใจลงทุนให้ติดต่อ MIC กระทรวงหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดเตรียมเอกสารหรือหลักฐานที่จำเป็นในการยื่นข้อเสนอในการขอลงทุน ตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 ถึงมี.ค. 2565 ได้มีการอนุมัติการลงทุน 48 รายการ เป็นเงิน 684.686 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาการลงทุนจากต่างประเทศ และการลงทุนของชาวเมียนมาเองอีก 38 รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 468,393.528 ล้านจัต สร้างตำแหน่งงานได้ถึง 42,880 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564-2565 MIC ได้อนุมัติการทั้งลงทุนในประเทศและต่างประเทศไปแล้วกว่า  684 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 468 พันล้านจัต ตามลำดับ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/mic-invites-eoi-for-eight-investment-sectors/

นครวัด ประเทศกัมพูชา ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 600%

ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ นครวัด ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จำนวน 33,205 คน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 622 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีรายได้จากการขายตั๋วคาดว่าจะสูงถึง 1.35 ล้านดอลลาร์ ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน ตามคำแถลงของ Angkor Company Enterprise ซึ่งในเดือนเมษายนเพียงเดือนเดียว นครวัด มีผู้มาเยือนจากต่างประเทศถึง 13,365 คน สร้างเม็ดเงินจากการขายตี๋วเข้าชมมูลค่ากว่า 537,000 ดอลลาร์ ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกล่าวว่าการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นผลมาจากการเปิดประเทศของกัมพูชา สำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างครบถ้วน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501070609/angkor-wat-tourist-numbers-increase-600-percent/

4 เดือนแรก กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 2 แสนคน

Sok Sangvar ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และ Dr. Thong Khon รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว นำคณะผู้แทนจัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศกัมพูชา ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ภายใต้โปรแกรม Visit Cambodia NEXT as a Safe, Warm, Clean and Green Tourism Destination โดยในฟอรัมนี้ ตัวแทนของกระทรวงการท่องเที่ยวกล่าวว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2022 กัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 220,000 คน ถือเป็นการเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งของการท่องเที่ยวในกัมพูชา ซึ่งกัมพูชาคาดว่าจะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง 800,000 คนภายในสิ้นปี 2022 ผ่านโปรแกรมข้างต้น โดยเน้นไปที่นักท่องเที่ยวภายในอาเซียน เช่น เกาหลี, ญี่ปุ่น, อินเดีย และออสเตรเลีย เป็นต้น ไปจนถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป, สหรัฐฯ, แคนาดา และตะวันออกกลาง เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501070863/cambodia-received-220000-international-tourists-in-the-first-4-months-of-2022/

‘เวียดนาม’ เผยยอดส่งออกข้าวทะลุ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท (MARD) เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกข้าวของเวียดนามกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะเดือนเมษายน เพียงเดือนเดียวที่ทำรายได้จากการส่งออกข้าว 273 ล้านเหรียญสหรัฐ ปริมาณกว่า 550,000 ตัน ส่งผลให้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ปริมาณส่งออกรวมอยู่ที่ 2.05 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่าระดับราคาข้าวจะลดลง แต่หากเทียบกับคู่ค้า จะพบว่าราคาข้าวของเวียดนามยังสูงกว่าประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ยังคงเป็นผู้บริโภคข้าวเวียดนามรายใหญ่ที่สุด มีส่วนแบ่งการตลาด 42.6%

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnamese-rice-exports-surpass-us1-billion-post942211.vov

 

สงครามรัสเซีย-ยูเครน สะเทือนเศรษฐกิจเวียดนาม

ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบเชิงลบต่อการจัดหาเชื้อเพลิงและวัตถุดิบของเวียดนามและยังผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่ห่วงโซ่อุปทานของภาคการผลิตหยุดชะงัก จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกยังไม่ได้สิ้นสุด กิจการของเวียดนามต้องเผชิญกับอุปสรรคทางด้านเชื้อเพลิงและวัตถุดิบสำหรับการผลิต เหตุจากสงครามดังกล่าว ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเวียดนามประสบปัญหาในการนำเข้าสินค้าบางรายการจากประเทศรัสเซียและส่งออกสินค้าไปยังรัสเซียและยูเครน ในขณะเดียวกันเผิชญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากการสั่งซื้อวัตถุดิบจากตลาดอื่นๆ โดยวิกฤติดังกล่าว เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกสูงขึ้น ผลผลิตและส่วนแบ่งการตลาดด้านการส่งออกเชื้อเพลิงและวัตถุดิบเพื่อการผลิตและบริโภค อาทิ ปิโตรเลียม ข้าวสาลี เป็นต้น ของรัสเซียและยูเครนมีขนาดใหญ่มาก

ที่มา : https://english.news.cn/europe/20220507/8d424defc5704109be27085d1e3cae91/c.html

 

เอกชนเฮ! ด่านลาวเปิดตามปกติ 9 พ.ค. นี้

วันที่ 8 พฤษภาคม 2565 ดร.จตุรงค์ บุนนาค ประธานสภาธุรกิจไทย-ลาว เปิดเผยว่า ขณะนี้เอกชนได้รับการแจ้งเอกสารจากสำนักงานนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เรื่องมาตรการการเข้าออกประเทศ รวมทั้งการเปิดทุกด่านในวันที่ 9 พ.ค. 2565 เป็นต้นไป โดยสรุปมาตรการเปิดประเทศ ดังนี้ 1.เปิดด่านสากลทุกด่าน 2.อนุญาตให้พลเมืองทุกสัญชาติ ที่ยกเว้นวีซ่ากับ สปป.ลาว สามารถเข้าประเทศได้ไม่ต้องขอวีซ่า 3.สำหรับประเทศที่ไม่ได้ยกเว้นวีซ่า สามารถขอวีซ่าจากสถานทูต กงสุล หรือผ่านระบบ E-visa หรือขอวีซ่าที่หน้าด่านสากล ที่มีหน่วยงานวีซ่า 4.ผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่ทันมีใบรับรองฉีดวัคซีนครบโดส ขอให้มีผลตรวจเชื้อโควิดแบบเร็ว ATK ภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทาง เมื่อถึง สปป.ลาว ไม่ต้องมีการตรวจซ้ำ 5. ในกรณีที่ติดเชื้อโควิด ต้องรับผิดชอบค่ารักษาโควิดเอง 6.อนุญาตให้พาหนะต่างๆ เข้า-ออก ประเทศได้ตามปกติ 7.ให้มีการเปิดร้านบันเทิง แต่เอาใจใส่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด 8.ปฏิบัติตั้งแต่ 9 พ.ค.2565 เป็นต้นไป

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-926531