ในช่วง 8 เดือนแรกของปี กัมพูชาส่งออกเสื้อผ้ารวมกว่า 5 พันล้านดอลลาร์

กัมพูชาส่งออกสินค้าประเภทเครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 คิดเป็นมูลค่า 5.021 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมูลค่า 4.861 พันล้านดอลลาร์ ตามการรายงานจากกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา โดยมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่มคิดเป็นถึงร้อยละ 45 ของการส่งออกทั้งหมดของประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น เป็นสำคัญ ถึงแม้กัมพูชาจะเผชิญอยู่กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงการถูกถอดถอนสิทธิพิเศษทางการค้า Everything But Arms (EBA) จาก EU แต่ถึงอย่างไรภาคการส่งออกผลิตเครื่องนุ่งห่มก็ยังคงมีแนวโน้มเติบโต ซึ่งในปี 2020 กัมพูชาส่งออกเสื้อผ้ามูลค่ารวม 7.420 พันล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 10.24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2020 ของกระทรวงพาณิชย์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50937900/garment-exports-net-5-billion-in-eight-months/

ท่าเรือสีหนุวิลล์ กำหนดก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกแห่งใหม่ ในกัมพูชากลางปี 2022

โครงการก่อสร้างท่าเรือแห่งใหม่ของท่าเรืออิสระสีหนุวิลล์ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา ได้เลื่อนกำหนดการแผนการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกเป็นกลางปี 2022 โดยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ที่ก่อนหน้านี้กำหนดให้มีการก่อสร้างในช่วงกลางปี 2021 ซึ่งตามแผนที่วางไว้โครงการท่าเทียบเรือน้ำลึกจะมีความยาวอยู่ที่ 350 เมตร และความลึกของน้ำ 14.50 เมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 218 ล้านดอลลาร์ มาจากความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) จากประเทศญี่ปุ่น โดยประธานสมาคมโลจิสติกส์กัมพูชากล่าวว่าการก่อรสร้างและปรับปรุงท่าเรือถือเป็นส่วนสำคัญในการตอบสนองความต้องการของภาคการขนส่งในกัมพูชา จากทั้งปริมาณการส่งออกสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องนุ่งห่มและสินค้าเกษตร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50937980/deep-port-construction-rescheduled-for-mid-2022/

แนะรัฐให้ต่างชาติซื้อบ้านได้เฉพาะ กทม. อีอีซี ภูเก็ต ราคาเกิน 10 ล้านขึ้นไป

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การขยายสิทธิให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือครองชุดบ้านจัดสรรได้เพิ่มขึ้น ควรกำหนดให้ซื้อได้เฉพาะบ้าน หรือคอนโดฯ ระดับหรูที่มีราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อไม่ให้มาแย่งซื้อที่อยู่อาศัยจากคนชั้นกลาง หรือคนทำงาน ซึ่งนิยมซื้อบ้านราคาปานกลาง 3-8 ล้านบาท เพราะอาจทำให้ที่อยู่อาศัยราคาแพงขึ้น นอกจากนี้ ควรกำหนดโซนถือครองบางพื้นที่ เฉพาะในเขตเศรษฐกิจสำคัญ เช่น  กรุงเทพฯ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หรือภูเก็ต ไม่ควรเปิดให้เข้ามาถือครองได้อิสระ ส่วนการขยายกรรมสิทธิ์เกิน 30 ปี  ควรแบ่งเป็นช่วง ๆ ต่ออายุได้อีกครั้งละ 30 ปี อีก 2 ครั้ง รวมเป็น 90 ปี รวมถึงการถือครองคอนโดฯ แม้จะขยายสัดส่วนเข้าอยู่ได้เกิน 49% แต่ก็ควรจำกัดสิทธิการโหวตไม่เกินกึ่งหนึ่งเหมือนเดิม เพื่อให้คนไทยยังเป็นเสียงส่วนใหญ่อยู่

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/news/292995/

เกษตร ท่องเที่ยว กุญแจสู่ความก้าวหน้าเศรษฐกิจสปป.ลาว

รายงานของธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เปิดเผย การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างการเกษตรและการท่องเที่ยวจะช่วยฟื้นฟูหลังโควิด 19 และการเติบโตอย่างครอบคลุมในสปป.ลาว สปป. ลาวได้สนับสนุนประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา แต่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานของประเทศยังไม่ก้าวหน้า นางพรวันห์ อุทาวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุน กล่าวว่า  “การสร้างงานที่มีคุณภาพและประสิทธิผลเป็นหนึ่งในความสำคัญสูงสุดในวาระนโยบายของรัฐบาล การทำให้อุตสาหกรรมการเกษตรและการท่องเที่ยวเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นตัวของเรา พร้อมกับกลยุทธ์ในการเสริมสร้างการผนึกกำลังของภาคส่วนต่างๆ จะเป็นโอกาสในการเริ่มต้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแก้ปัญหาความยากจนของสปป.ลาว” ทั้งนี้ในรายงานระบุว่าในปี 2562 การท่องเที่ยวในลาวสนับสนุนการเติบโตของปศุสัตว์และการประมง ธุรกิจการท่องเที่ยวอาจเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่คุณค่าทางการเกษตรรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพืชผักและปศุสัตว์มีมูลค่ามากถึง 4.1 ล้านคนในปี 2561 คิดเป็น 12% ของจีดีพีของประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Agriculture_183_21.php

กัมพูชารายงานถึงการส่งออกมะม่วงที่เพิ่มขึ้น

กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง (MAFF) รายงานเกี่ยวกับการส่งออกผลไม้ระหว่างประเทศ และแสดงให้เห็นว่ามะม่วงมีปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 251 หรือคิดเป็นจำนวน 163,828 ตัน ในช่วง 8 เดือนแรกของปี โดยกัมพูชาส่งออกแยมมะม่วงรวม 14,087 ตัน และน้ำเชื่อมจากมะม่วงอีกกว่า 4,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 195 และร้อยละ 79 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งตลาดที่ทำการนำเข้ามากที่สุด ได้แก่ เวียดนาม ไทย จีน เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ คูเวต ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา คาซัคสถาน และรัสเซีย โดยจีนเป็นผู้นำเข้ามะม่วงรายใหญ่ที่สุดจากกัมพูชา เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการลงนามระหว่างกันในข้อตกลงการค้าเสรีในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้กำหนดให้เกษตรกรชาวกัมพูชาจำนวน 37 ราย สามารถส่งออกมะม่วงไปยังจีนได้ และคาดว่าจะนำเข้ามะม่วงจากกัมพูชาราว 500,000 ตันต่อปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50937256/international-mango-exportation-on-the-rise/

MFIs อนุมัติเงินกู้รวมกว่า 7.73 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปี

สมาคมไมโครไฟแนนซ์กัมพูชา (CMA) รายงานถึงการอนุมัติเงินกู้รวม 7.730 พันล้านดอลลาร์ ให้กับลูกค้าเกือบ 2 ล้านราย ในช่วงครึ่งแรกของปี โดยสมาคมยังได้รายงานเพิ่มเติมว่ามีลูกค้าประมาณ 2.8 ล้านราย ฝากเงินเข้า MFI มูลค่ารวม 3.883 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในปี 2020 ที่ผ่านมาเงินให้สินเชื่อส่วนใหญ่ร้อยละ 21 ถูกเบิกจ่ายให้กับลูกค้าที่มีวัตถุประสงค์ในการขยายธุรกิจและการค้า โดยในช่วงของการแพร่ระบาดธนาคารและสถาบันการเงินในกัมพูชาทราบดีถึงปัญหาของภาคประชาชนและภาคธุรกิจภายในประเทศที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้ออกมาตรการในการช่วยเหลือลูกค้า รวมถึงปรับโครงสร้างเงินกู้ไปแล้วจำนวน 577,673 ราย หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 6.6 พันล้านดอลลาร์ ณ เดือนกรกฎาคม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50936570/mfis-disburse-7-73-billion-in-first-semester-in-cambodia/

คลังชงเพิ่มกรอบเพดานก่อหนี้สาธารณะ70%

วันจันทร์นี้ (20ก.ย.)จะมีการประชุมคณะกรรมการวินัยการเงินการคลังที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานและมีคณะกรรมการที่มาจากผู้บริหารระดับสูงของ 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และสำนักงบประมาณ โดยมีวาระสำคัญคือ การขยายกรอบการก่อหนี้สาธารณะ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังหรือสศค.ได้เสนอทางเลือก คือ การขยายกรอบเพดานการก่อหนี้ให้ไม่เกิน 70% ของจีดีพี จากปัจจุบันที่อยู่ไม่เกิน 60% ของจีดีพี ขณะที่กรอบเพดานการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นมา 10% นั้น จะทำให้รัฐบาลมีช่องทางการกู้เงินได้เพิ่มอีกราว 2 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ไทยเคยมีระดับหนี้เฉียดเข้าใกล้ 60% ต่อจีดีพีแต่ไม่เคยทะลุ 60% ต่อจีดีพี

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/961051

ส่งออกข้าวเมียนมาสร้างรายได้กว่า 642 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบฯ ปัจจุบัน

ข้อมูลของกรมศุลกากรเมียนมา เผย รายได้จากการส่งออกข้าวและข้าวหักในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค.63-ก.ค.64) ของปีงบประมาณ 2563-2564 มุมูลค่าถึง 642.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีปริมาณการส่งออก 1.2 ล้านตัน แม้การค้าชายแดนจะซบเซา แต่ราคายังคงที่ในตลาดส่งออกชายแดน จากข้อมูลของสหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) พบว่า ราคาข้าวขาวอยู่ในช่วง 375-405 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ข้าวเหนียวราคา 600-610 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน และข้าวหักอยู่ที่ 300-335 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน  ในปีนี้ การส่งออกไปยุโรปลดลง อย่างไรก็ตาม ยังสามารถที่จะส่งออกไปจีนและบังคลาเทศได้ ราคาข้าวหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ค. นอกจากนี้ มาตรการป้องกันแพร่ระบาดของ COVID-19 และภัยธรรมชาติส่งผลกระทบต่อราคา แต่คาดว่าจะยังคงทรงตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่วนข้าวคุณภาพสูงยังเป็นที่ต้องการในประเทศ ราคาจะอยู่ระหว่าง 36,000-68,000 จัตต่อถุง ส่วนข้าวคุณภาพต่ำมีราคาอยู่ระหว่าง 23,000 ถึง 28,800 จัตต่อถุง เมียนมากำหนดเป้าการส่งออกข้าวเพียง 2 ล้านตันในปีงบประมาณปัจจุบัน เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกข้าวในฤดูร้อนลดลง การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อความพร้อมใช้ทรัพยากรน้ำในภาคการเกษตร ทั้งนี้เมียนมามีรายได้กว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการส่งออกข้าวในปีงบประมาณ 2562-2563 ซึ่งก่อนหน้าวันที่ 30 ก.ย.64 คาดว่าจะมีปริมาณการส่งออกอยู่ที่ 2.5 ล้านตัน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-rice-export-registers-642-mln-this-fy/#article-title