สหรัฐอเมริกามอบเงินเพิ่มเติมให้กับสปป.ลาวในการป้องกัน Covid-19

สหรัฐอเมริกาสนับสนุนเงินเพิ่มเติมอีก 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านทาง US Agency เพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (USAID) เพื่อสนับสนุนการตอบสนองของ Covid-19 ในสปป.ลาว ดร. ปีเตอร์เฮย์มอนด์เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยกล่าวว่า “การระดมทุนเพิ่มเติมจากสหรัฐอเมริกาเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นของเราภายใต้ความร่วมมือที่ครอบคลุมระหว่างสหรัฐฯ – ลาว ความช่วยเหลือด้วยการระดมทุนล่าสุดนี้ USAID จะให้การสนับสนุนห้องปฏิบัติการสปป.ลาวโดยช่วยให้พวกเขาวินิจฉัยและตรวจพบผู้ป่วย Covid-19 และช่วยในการเฝ้าระวัง Covid-19 เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อต่อไปยังผู้อื่น” ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ USAID ได้จัดหาเครื่องมือทางการแพทย์วงเงินกว่า 92 ล้านเหรียญสหรัฐนฯ การสนับสนุนของ USAID นอกจากจะควบคุมความเสี่ยงของ COVID-19 แล้วยังมีประโยชน์แต่การระบบสาธารณสุขในอนาคตของสปป.ลาวที่อาจเผชิญกับการระบาดเชื้อไวรัสอื่นๆ นอกเหนือจาก COVID-19 ได้

ที่มา :  http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_US119.php

กัมพูชาวางแผนจัดการหลังการแพร่ระบาดของ Covid-19

นักวิชาการและเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐกล่าวว่าการฟื้นฟูเศรษฐกิจของกัมพูชาในยุคหลัง COVID-19 กัมพูชาควรมุ่งเน้นไปที่ฐานการผลิต พัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเทคโนโลยี โดยกระจายสาขาหลักเพื่อสนับสนุนภาคอื่นๆ จากการวิจัยพื้นฐานรวมถึงการปรับเปลี่ยนภาคการเกษตรให้ทันสมัยต่อโลก ณ ปัจจุบัน ซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาในปัจจุบันขึ้นอยู่กับการส่งออกเสื้อผ้าและรองเท้า การท่องเที่ยว การก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการเกษตร โดยในปัจจุบันการส่งออกเสื้อผ้า รองเท้าและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของ Covid-19 ผ่านการพูดคุยอภิปรายหัวข้อช่วงหลังโคโรนาไวรัส ซึ่งจัดทำโดยราชบัณฑิตยสถานแห่งกัมพูชา (RAC) เพื่อตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ของรัฐบาลและเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลัง COVID-19 ระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องเตรียมการศึกษาวิจัยและจะต้องให้ความสนใจกับฐานการผลิตภายในประเทศ โดยเศรษฐกิจกัมพูชาอาจหดตัวมาอยู่ที่ร้อยละ 1.9 ในปีนี้เนื่องจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ตามที่นายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้กล่าวถึงในการวางแผนงบประมาณสำหรับปี 2564-2566 ขณะที่กัมพูชาได้กล่าวถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากคู่ค้า โดยเศรษฐกิจของกัมพูชาอาจจะกลับมาอยู่ที่เติบโตร้อยละ 3.5 ในปี 2564 เนื่องจากการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์จากต่างประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50736572/how-to-survive-post-covid-19/

SSCA ส่งมอบแผนแม่บทสำหรับการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ในเสียมเรียบ

สำนักเลขาธิการการบินพลเรือนกัมพูชา (SSCA) ได้เสนอแผนแม่บทสำหรับสนามบินนานาชาติเสียมราฐอังกอร์แห่งใหม่ โดยแผนการดังกล่าวถูกส่งมอบให้กับประธานคณะกรรมการสนามบินนานาชาติเสียมราฐอังกอร์ (AIAI) ซึ่งกล่าวว่าองค์กรได้เริ่มก่อสร้างสนามบินนานาชาติเสียมเรียบแห่งใหม่แล้วตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมปีนี้และจะมีกำหนดจะสร้างสนามบินให้เสร็จภายในวันที่ 14 มีนาคม 2566 ในส่วนของกระบวนการก่อสร้างนั้น บริษัท ได้ให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทีมเทคนิคของสำนักเลขาธิการการบินพลเรือนโดยเน้นไปที่อุปกรณ์ทางเทคนิคและการออกแบบสนามบิน โดยโฆษกของ SSCA กล่าวว่าแผนแม่บทต้องได้รับการยอมรับจากหน่วยงานการบินก่อน จากนั้นคณะรัฐมนตรีจะตรวจสอบและอนุมัติให้เสร็จสิ้น ในปัจจุบันขณะนี้การพัฒนาสนามบินนานาชาติเสียมราฐใหม่นั้นเสร็จสมบูรณ์ประมาณร้อยละ 25 ซึ่งรวมถึงการเตรียมที่ดินสำหรับอาคารผู้โดยสารและฐานรากของรันเวย์ โดยแผนแม่บทจะช่วยให้บริษัทและรัฐบาลทราบถึงกระบวนการสร้างทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ซึ่งสนามบินแห่งใหม่จะมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศกัมพูชาตั้งอยู่ห่าง 51 กม. ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเสียมเรียบและ 40 กม. จากอุทยานโบราณคดีอังกอร์ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 700 เฮกตาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50736589/ssca-hands-over-masterplan-for-new-siem-reap-airport/

รัฐบาลวางแผนจ่ายเงินกระตุ้นสำหรับครัวเรือน 5.4 ล้านคน

รัฐบาลจะอัดฉีดเงิน 20,000 จัตให้กับแต่ละครัวเรือน 5.4 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศเพื่อการกระตุ้นการใช้จ่ายเงินตอบที่ชะลอตัวทางจากการระบาดของ COVID-19 คาดว่าจะแล้วเสร็จในหนึ่งหรือสองสัปดาห์ แรงงานเมียนมาหลายหมื่นคนกลายเป็นผู้ตกงานเมื่อโรงงานปิดเนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบและคำสั่งยกเลิกเนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดการระบาดของ COVID-19 นอกจากนี้เกษตรกรท้องถิ่นหลายแสนคนไม่สามารถส่งออกผลผลิตได้เนื่องจากการปิดพรมแดนและชะลอตัวในตลาดท้องถิ่น ก่อนหน้านี้รัฐบาลขอความช่วยเหลือจากผู้ให้บริการการชำระเงินดิจิตอลกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก โดยระบบการชำระเงินผ่านมือถือจะถูกลองใช้ครั้งแรกในเมือง Pobbathiri ใน Nay Pyi Taw เมือง Meikhtila ใน Mandalay และเมือง Kalaw ในรัฐฉาน ปัจจุบันมีผู้ป่วย COVID-19 จำนวน 287 ราย ผู้เสียชีวิต 6 ราย และรักษาหายแล้ว 196 ราย

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/govt-plans-stimulus-payments-54m-households.html

BOI ห่วงขาดแรงงาน อุตฯ ดิจิทัล-อิเล็กทรอนิกส์

บีโอไอห่วงอุตฯดิจิทัลขาดแคลนแรงงาน สวนทางคำขอลงทุนโตก้าวกระโดด รับผลนิว นอร์มอล-เวิร์คฟอร์มโฮม ขณะส.อ.ท.วอนกระทรวงการอุดมศึกษาทำหลักสูตรพัฒนา การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้ปัจจุบันมีนักลงทุนแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนไทยเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมดิจิทัล จำนวนมาก โดยคำขอส่งเสริมการลงทุนช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.) พบว่า อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มาแรงเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 10,620 ล้านบาท ต่อเนื่องถึงเดือนเม.ย.-พ.ค.ก็ยังขยายตัว มูลค่าคำขอเพิ่มอีก 17,000 ล้านบาท รวม 5 เดือน(ม.ค.-พ.ค.) มูลค่าคำขอรวมประมาณ 27,000 ล้านบาท ปัจจุบัน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ฯยังขาดแคลนอย่างมาก ซึ่งปัญหาขาดแคลนแรงงานอุตสาหกรรมดิจิทัลนี้บีโอไอได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมตัวเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้แล้ว เพราะบีโอไอไม่มีอำนาจในการจัดการด้านแรงงาน แรงงานในอุตสาหกรรมดิจิทัลต้องใช้ทักษะความสามารถ ขณะที่อุตสาหกรรมอาจสับเปลี่ยนการทำงานแทนกันได้ ดังนั้นขณะนี้จึงอยู่ระหว่างทำงานร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เพื่อทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในจัดทำหลักสูตรเพื่อผลิตบุคลากรในอุตสาหกรรม ซึ่งนอกจากนี้หลักสูตรที่มีประสิทธิภาพ การจูงใจให้นักศึกษาเข้าเรียนสาขาวิชาชีพนี้ก็เป็นเรื่องที่อว.ต้องประสานกับหน่วยงานด้านการศึกษาอื่นที่เกี่ยวข้อง​ รายงานข่าวแจ้งว่าความต้องการแรงงานอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ในช่วง 5 ปี (2562-66) จะอยู่ที่ 46,500 – 49,500 คน

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/886026?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=economic

สหภาพยุโรปจะยกเลิกภาษีปลาทูน่าจากเวียดนาม เมื่อข้อตกลงการค้ามีผลบังคับใช้

สหภาพยุโรปจะปรับลด/ยกเลิกภาษีผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าของเวียดนาม (สด,แช่เย็นแช่แข็ง) ประกอบไปด้วยปลาทูน่ากระป๋อง ปริมาณ 11,500 ตัน และลูกชิ้นปลาทูน่ากระป๋อง 500 ตัน ล้วนได้รับการยกเว้นทุกปี เมื่อข้อตกลงการค้าเสรีทั้งสองฝ่ายมีผลบังคับใช้ในเดือนสิ.ค. ซึ่งข้อตกลงดังกล่าว คาดว่าจะสร้างโอกาสอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมปลาทูน่าของเวียดนามเกี่ยวกับการเข้าถึงตลาดใหม่ ได้รับการลดภาษีและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ อาทิ ไทยและจีน ในขณะที่ กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่มีส่วนแบ่งการตลาดขนาดใหญ่ในตลาดอียู แต่ว่ายังไม่ได้รับข้อตกลงการค้าเสรีใดๆเลย ทั้งนี้ สมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเล (VASEP) ระบุว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในตลาดส่งออกสำคัญ ยังไม่อาจคาดการณ์ได้ ซึ่งคู่แข่งขันสำคัญ ได้แก่ เอกวาดอร์ ไทย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เป็นต้น นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA ถือเป็นข้อตกลงทันสมัยที่สุด ครอบคลุมด้านการค้าและการลงทุนระหว่างอียูกับประเทศกำลังพัฒนา

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/738477/eu-to-remove-tariffs-on-vietnamese-tuna-once-trade-deal-takes-effect.html

สหรัฐอเมริกาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในเวียดนาม

องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ร่วมมือกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) และกรมศุลกากรเวียดนาม (GDVC) ณ วันที่ 22 มิ.ย. เปิดตัวโครงการประเมินระดับความพึงพอใจในการดำเนินธุรกิจ ผ่านระบบ National Single Window (NSW) ซึ่งรายงานดังกล่าว พื้นฐานมาจากการสำรวจ “ความพึงพอใจทางธุรกิจและขั้นตอนการบริหารผ่านระบบ NSW” ตั้งแต่เดือนก.ย.62 – มี.ค.63 ทั้งนี้ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โครงการอำนวยความสะดวกทางการค้าของ USAID ได้ทำงานร่วมมือกับองค์กรที่หลากหลาย เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการทำธุรกิจที่เวียดนาม อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสถิติการค้าสหรัฐฯ-เวียดนาม ชี้ให้เห็นว่าเมื่อปีที่แล้ว มูลค่าการค้าทั้งสองฝ่ายเติบโตสูงถึง 77.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทาง USAID ยังคงสนัสนุนรัฐบาลเวียดนามและภาคเอกชน ในการปฏิรูปและยกระดับความพึงพอใจทางธุรกิจ ผ่านเครื่องอำนวยความสะดวกในการค้า “NSW”

ที่มา : https://vnexplorer.net/us-supports-vietnam-to-improve-business-satisfaction-a202054474.html

EDL จะลดค่าไฟฟ้าหลายพันครัวเรือน

Electricity du Laos (EDL) จะลดราคาค่าไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนที่ใช้น้อยกว่า 461kwh ต่อเดือนของเดือนเม.ย, พ.คและมิ.ย. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการชดเชยผลกระทบทางการเงินของ COVID-19 ในประเทศ แผนดังกล่าวถูกเปิดเผยในการแถลงข่าวร่วมโดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ และรักษาการผู้อำนวยการของ Electricite du Laos EDL เริ่มดำเนินการตามโครงสร้างราคาไฟฟ้าใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว สำหรับลูกค้าที่ใช้ 0 ถึง 150 kWh ซัพพลายเออร์จะคิดค่าบริการ 355 kip ต่อหน่วย (kWh) และครัวเรือน 710 kip ต่อหน่วยสำหรับครัวเรือนที่ใช้มากกว่า 150 kWh ต่อเดือน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ได้ทำการศึกษาเพื่อสร้างโครงสร้างราคาไฟฟ้าในปี 61 ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปี 68 โครงสร้างใหม่ซึ่งได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลนั้นแบ่งออกเป็น 6 ช่วง (0-25 kWh, 26-150 kWh, 151-300 kWh, 301-400 kWh, 401- 500 kWh และสูงกว่า 500 kWh) และตอนนี้ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะจ่ายน้อยลง อย่างไรก็ตามโครงสร้างใหม่ส่งผลให้ผู้ใช้มากกว่า 150 kWh ถึง 461 kWh ต่อเดือนมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_EDL_118.php