รัฐบาลเมียนมาค้านการทบทวนค่าแรงขั้นต่ำ

รัฐบาลส่งร่างแก้ไขกฎหมายค่าแรงขั้นต่ำของประเทศพร้อมจะยกเลิกการทบทวนค่าแรงขั้นต่ำทุกสองปี ทั้งนี้คณะกรรมการระดับชาติจะศึกษาผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติและค่าครองชีพและส่งผลการวิจัยไปยังรัฐบาล วัตถุประสงค์เพื่อให้มีงานที่ดีและมีมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้น รวมถึงการแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการระดับชาติสำหรับค่าจ้างขั้นต่ำ พร้อมทั้งให้นักเศรษฐศาสตร์แรงงานและผู้เชี่ยวชาญมาเป็นกรรมการ ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำครอบคลุมธุรกิจทุกประเภทและขึ้นอยู่กับค่าครองชีพในแต่ละภูมิภาค ค่าแรงรายวันขั้นต่ำปัจจุบันคือ 4800 จัต (3.27 ดอลลาร์สหรัฐ ) ซึ่งสหภาพแรงงานเรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำเป็น 9800 จัตต่อวัน กฎหมายค่าแรงขั้นต่ำประกาศใช้ในปี 56 และค่าแรงขั้นต่ำรายวันกำหนดไว้ที่ 3600 จัต ในเดือนสิงหาคม ปี 58

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-govt-seeks-scrap-mandatory-review-minimum-wage.html

การส่งออกเยื่อไม้และเศษกระดาษเติบโตในปี 2019

การส่งออกเยื่อกระดาษและเศษกระดาษเป็นสินค้าส่งออกสำคัญอย่างหนึ่งของสปป.ลาวมีมูลค่าเป็นอันดับ 3 ของการส่งออกทั้งหมดโดยมีมูลค่าถึง 2.5 ล้านดอลลาร์สรอ.โดยประเทศคู่ค้าที่สำคัญได้แก่จีนโดยมีมูลค่ามากถึง 8 แสนดอลล่าร์สรอ. ถือเป็นสินค้าที่มีสปป.ลาวมีศักยภาพสูงด้านการแข่งขันรวมถึงการสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐทั้งในแง่ของการส่งเสริมให้มีการเพาะปลูกต้นยูคาลิปตัสเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตโดยไม่ต้องมีการนำเข้ามาช่วยประหยัดต้นทุนและสามารถแข่งขันด้านราคากับคู่แข่งต่างประเทศได้ นอกจากนี้ยังมีการณรงค์ควบคู่กับมาตรการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนของธรรมชาติและการเติบโตของเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กัน

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/wood-pulp-waste-paper-exports-hit-us251-m-2019-112914

สมาชิกสภาและสมาชิกสมัชชาแห่งชาติจัดทำแผนในปี 2563

เมื่อวันที่ 20-24 มกราคมมีการประชุมสภาระหว่างสมาชิกสภาและสมาชิกสมัชชาแห่งชาติแผนพัฒนาในวาระการร่างแผนเศรษฐกิจและสังคมในปี 2563 โดยเนื้อหาแบบแผนได้มีการส่งเสริมในทุกด้านที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม ไม่ว่าจะเป็น การเรียกร้องให้ผู้ผลิตรายย่อยเพิ่มการผลิตอาหารโดยเฉพาะข้าวผักเนื้อสัตว์ปลาไก่และไข่ ปรับปรุงภาคการขนส่งและภาคทรัพยากรธรรมชาติให้ดีขึ้นรวมถึงการสนับสนุนการลงทุนในประเทศจากนักลงทุนต่างชาติแผนดังกล่าวอยู่ในขั้นรอการอนุมัติจากสภาหากผ่านร่างแผนดังกล่าวจะกล่าวจะเริ่มดำเนินการในปีนี้และเชื่อว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้รวมถึงการขยายของเศรษฐกิจที่จะตามมา

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/vientiane-people%E2%80%99s-council-draws-plans-2020-112909

ดีอีเอสปลื้มทุนใหญ่สหรัฐฯ ซิสโก้-ไมโครซอฟท์ ขนเงินลงทุนไทยเพิ่ม

ซิสโก้ เลือกไทยตั้งศูนย์ Co-Innovation Center แห่งแรกในเอเชีย ปั้นคนไซเบอร์ซิเคียวริตี้ ด้านไมโครซอฟท์ จ่อลงนามเอ็มโอยู ผุด AI/IoT Insider Lab ใน ‘อีอีซี’ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยหลังเข้าพบและหารือกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไอทีระดับโลกระหว่างการเดินทางไปโรดโชว์ที่สหรัฐอเมริกาได้รับคำยืนยันจากบริษัท ซิสโก้ ซิสเต็มส์ จำกัด และบริษัท ไมโครซอฟท์ ที่จะขยายการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติม ทั้งนี้บริษัท ซิสโก้ ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดตั้งศูนย์ Cisco Co-Innovation แห่งแรกในเอเชีย นอกจากนี้ทางไมโครซอฟท์และกระทรวงดิจิทัลฯ จะมีการลงนามเอ็มโอยูร่วมกัน เพื่อเข้ามาปักธงใน Thailand Digital Valley โดยจัดตั้ง AI/IoT Insider Lab ซึ่งเป็นโครงการที่ไมโครซอฟท์ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล โดยไมโครซอฟท์เล็งเห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลของอาเซียน เป็นประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) ซึ่งมีความสนใจอย่างมากที่จะพิจารณาจัดตั้ง AI/IoT Lab ในประเทศไทย ร่วมพัฒนาบุคลากรและอุตสาหกรรมดิจิทัล เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลของไทยอย่างเต็มที่

ที่มา : https://www.posttoday.com/economy/news/613275

กลุ่มธุรกิจสวิสมองเห็นโอกาสการลงทุนในภาคส่วนต่างๆของกัมพูชา

คณะผู้แทนจากหอการค้าของสวิตเซอร์แลนด์แสดงถึงความสนใจที่จะลงทุนในภาคต่างๆของกัมพูชา โดยได้ขอความร่วมมือในการขอทราบข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนในประเทศกัมพูชา ซึ่งสมาชิกกล่าวว่าพวกเขาสนใจเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของกัมพูชาและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการทำการค้าและการลงทุน โดยเมื่อเห็นศักยภาพของเศรษฐกิจของกัมพูชาแล้วคณะผู้แทนหอการค้าสวิสซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯต้องการสำรวจและหาข้อมูลสนับสนุนเพิ่มเติม ในการประกอบการตัดสินใจทำธุรกิจในกัมพูชา ซึ่งในขณะเดียวกันรัฐบาลได้กำหนดชุดของการปฏิรูปที่มุ่งปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุน ความหลากหลายทางเศรษฐกิจและการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพื่อดึงดูดการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันกัมพูชามีองค์กรที่เกี่ยวข้องกับประเทศอื่นๆ เช่นเดียวกับ AmCham และ EuroCham โดยเป็นกลุ่มสมาชิกที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการค้าการลงทุนในกัมพูชา เพื่อการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50685292/swiss-businesses-see-opportunities-for-investments-in-various-sectors

GMAC กล่าวถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดกับแรงงานกว่า 7.5 แสนตำแหน่งในกัมพูชา

GMAC ถามรัฐบาลถึงความน่าเชื่อถือและความมั่นคงของอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม รองเท้าและสินค้าทางด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชากับนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของแรงงานกว่า 750,000 คน ในประเทศกัมพูชา โดยชี้ให้เห็นว่าหลักการพื้นฐานและสิทธิเสรีภาพในการสมาคมถูกจัดตั้งขึ้นในภาคที่ได้กล่าวในข้างต้นหรือไม่ ซึ่ง GMAC ระบุด้วยว่าการเป็นหุ้นส่วนของ GMAC กับ ILO ในการจัดตั้งโครงการ Better Factories Cambodia ของประเทศกัมพูชาในการตรวจสอบรายงานและสร้างความมั่นใจในความโปร่งใสส่งผลให้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ GMAC ยังเน้นว่าหนึ่งในเป้าหมายของการจัดตั้งโปรแกรมระหว่าง ILO กับ Arbitration Council คือการมีบทบาทสำคัญในการยุติข้อพิพาทด้านความสัมพันธ์ทางอุตสาหกรรมในประเทศ โดยสมาคมยังได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดเพื่อปรับปรุงเงื่อนไขแรงงานในภาคอุตสาหกรรมและยินดีต่อการหารือเกี่ยวกับการให้คำแนะนำกับผู้นำสหภาพและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐบาลได้ค่อยๆเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำสำหรับคนงานในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าโดยในปี 2563 มีการเพิ่มขึ้น 4.4% จากปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50685264/750000-jobs-put-at-risk-in-apparel-footwear-travel-goods-says-gmac

“ไวรัสอู่ฮั่น”คาดลากยาว6เดือน ธุรกิจท่องเที่ยวไทยกระทบหนัก

 พิษไวรัสอู่ฮั่นเขย่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก หวั่นสถานการณ์แพร่ระบาดลากยาว 3-6 เดือน กระทบทัวร์ “อินบาวนด์-เอาต์บาวนด์” ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง “โรงแรม-สายการบิน”ได้รับผลกระทบหนักหนัก ททท.ผวานักท่องเที่ยวหนีเอเชีย โดยไทยได้รับผลกระทบจากการที่ นักท่องเที่ยวจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวหลักยกเลิกทัวร์และการจองจากการแพร่ระบาดของไวรัส ผ่านมา ภาคเอกชนท่องเที่ยวได้ประชุมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อประเมินสถานการณ์ รวมถึงทำแผนเสนอมาตรการต่างๆ ในเบื้องต้นควรหันมากระตุ้นตลาดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเงินในประเทศ และเร่งทำตลาดท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศโดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ประเทศที่กำลังพัฒนานักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีกำลังซื้อที่มากขึ้นทำให้เป็นตลาดที่น่าสนใจที่จะมาชดชเยแทนนักท่องเที่ยวจีน รัฐบาลควรมมีมาตราการท่องเที่ยวเพื่อ พยุงสถานการณ์ในขนาดนี้ให้ผ่านพ้นไป และสิ่งสำคัญควรมีมาตราคัดกรองโรคและควบคุมที่เข้มงวดเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้มาเยือน

ที่มา: www.prachachat.net