เวียดนามประสบความสำเร็จในการขยายตัวการท่องเที่ยว

ในปีที่ผ่านมา เวียดนามดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามามากกว่า 18 ล้านคน นับว่าเป็นตัวเลขทางสถิติสูงที่สุดและมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ร้อยละ 16.2 รวมไปถึงได้รับรางวัลการันตีการท่องเที่ยวระดับนานาชาติอีกด้วย จากข้อมูลดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าภายในปี 2562 เวียดนามเป็น 1 ใน 10 ประเทศทั่วโลกที่มีอัตราการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวสูงที่สุดและเป็นจุดมุ่งหมายที่ดีที่สุดในการเดินทางมายังเอเชีย ซึ่งผู้อำนวยการบริษัท Inmarc ระบุว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเวียดนาม มีศักยภาพอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศที่สวยงาม อาหารหลากหลาย และโรงแรมที่ยอดเยี่ยม เป็นต้น นอกจากนี้ ทางกระทรวงวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว ได้ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 20.5 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในประเทศ 90 ล้านคน ภายในปีนี้ โดยเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เวียดนามยังคงผลักดันการใช้ IT การปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวและโปรโมตการท่องเที่ยวเพิ่มมากยิ่งขึ้น

18 ล้านคน นับว่าเป็นตัวเลขทางสถิติส

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-achieves-stellar-tourism-growth-408391.vov

พาณิชย์เปิดเจรจาการค้าไทย-บังกลาเทศ

ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ไทย – บังกลาเทศ ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 7 – 8 ม.ค. 63 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ซึ่งจะมีการหารือในประเด็นสำคัญ เช่น การขยายการค้าและการลงทุน การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ อาทิ อุตสาหกรรม เกษตร ประมงและปศุสัตว์ บริการสุขภาพและสาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน และความเป็นไปได้ในการจัดทำ เอฟทีเอ ไทย – บังกลาเทศ เป็นต้น เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนสองฝ่ายให้ขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพในอนาคต ซึ่งบังกลาเทศเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูงในภูมิภาคเอเชียใต้ มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดที่ 6-8% ต่อปี มีประชากรกว่า 160 ล้านคน มีทรัพยากรทางธรรมชาติเป็นจำนวนมาก เช่น ก๊าซธรรมชาติ ป่าไม้ และถ่านหิน มีกฎระเบียบที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุน โดยบังกลาเทศได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีฝ่ายเดียว หรือ จีเอสพี จาก 47 ประเทศทั่วโลก รวมถึงมีศักยภาพในการเป็นประตูการค้าสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้ และประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือโอไอซี กว่า 57 ประเทศ ดังนั้น การประชุมครั้งนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองประเทศจะกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น…

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/750275

สนามบินแห่งแรกของรัฐชินเปิด พ.ค.63

รัฐชินจะเปิดให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนเข้าถึงได้มากขึ้นในปีนี้เมื่อสนามบินแห่งแรกเปิดทำการ สนามบินเซอบุ่ง ในเมืองพะล่าน ของรัฐชิน จะเปิดในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม การย้ายครั้งนี้คาดจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในรัฐที่ด้อยพัฒนาที่สุดของประเทศ โครงการมูลค่า 37 พันล้านจัต โดยเชื่อมโยงชินกับรัฐอื่น ๆ อีกเจ็ดแห่ง สนามบินตั้งอยู่ทางตอนเหนือในเมืองพะล่าน ของรัฐชิน ตั้งอยู่บนเทือกเขา มีรันเวย์ยาว 1,830 เมตรและกว้าง 30 เมตรในการรองรับเครื่องบิน ATR-72 ภูมิประเทศที่เป็นภูเขาทำให้ชินเป็นรัฐที่ยากต่อการเดินทาง ทำให้เป็นรัฐที่มีการพัฒนาน้อยที่สุดด้วยการขาดโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากความไม่สามารถเข้าถึงได้ในปีที่ผ่านมามีธุรกิจโรงแรมในท้องถิ่นเพียงไม่กี่แห่งที่เปิดดำเนินการและไม่มีการลงทุนจากต่างประเทศ จากการสำรวจสภาพความเป็นอยู่ในปี 60 ประชากรเกือบ 60% อยู่ในสภาวะยากจน เมียนมามีสนามบินนานาชาติ 3 แห่งและอีก 58 แห่งในประเทศซึ่งปัจจุบันมีเพียง 31 แห่งที่เปิดให้บริการ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/first-airport-chin-state-open-may.html

รายได้การส่งออกทางทะเลเพิ่มขึ้น 27 ล้านเหรียญสหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์ระบุว่าปี 62-63 มีรายได้จากการส่งออกทางทะเลมีจำนวน 232.091 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 27.940 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้จากการส่งออกทางทะเลอยู่ที่ 482 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 57-58 รายได้ 502 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 58-59 รายได้ 652 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 59-60 มากกว่า 680 ล้านเหรียญสหรัฐจนถึง 18 มีนาคมในปี 60-61 และ 728.257 ตามข้อมูลจากกรมประมง เวียดนามติดอันดับประเทศผู้ส่งออกทางทะเลในอาเซียน รองลงมาคือ ไทย อินโดนีเซีย และเมียนมาตามลำดับ ปัจจุบันเมียนมาส่งออกปลามากกว่า 40 ชนิดไปยังกว่า 40 ประเทศ ปริมาณการส่งออกทางทะเลของเมียนมาค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน มีความพยายามที่จะเพิ่มการส่งออกซึ่งภาคการประมงควรให้ความสำคัญกับระบบการผสมพันธุ์มากว่าการทำประมงตามธรรมชาติ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/marine-export-earnings-increase-by-over-27-m

คาดราคาเนื้อสุกรอาเซียนพุ่งรับอหิวาต์หมูระบาดหนัก

องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ เผยโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ระบาดทั่วเอเชีย โดยมี “เวียดนามและฟิลิปปินส์” แพร่รุนแรงที่สุด ส่งผลราคาเนื้อหมูในอาเซียนปรับตัวเพิ่มขึ้น สำนักข่าวบีบีซี รายงานอ้างการเปิดเผยของกระทรวงเกษตรอินโดนีเซีย ที่ระบุว่า มีหมูเกือบ 30,000 ตัว ต้องตายลงเพราะติดเชื้อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในจังหวัดสุมาตราเหนือ จนถึงขณะนี้ การระบาดที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในจีน นาย ชาห์รูล ยาซิน ลิมโป รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซีย กล่าวว่าทางการกำลังรับมือกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมถึงการแยกพื้นที่ที่เป็นปัญหาเหล่านั้นออกมา ด้านสมาคมของผู้ผลิตเนื้อหมูของออสเตรเลีย ประเมินว่า การระบาดนี้อาจจะสร้างความเสียหายราว 2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 4.17 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์จากอ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ กล่าวว่าในช่วงไม่กี่เดือนนี้ราคาน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เพราะปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงตรุษจีน แต่ว่าความพยายามด้านความปลอดภัยทางชีวภาพของจีน เริ่มเห็นผลแล้ว และคาดว่าอุตสาหกรรมเนื้อหมูในจีนได้ผ่านจุดวิกฤตมาแล้ว แต่การฟื้นตัวอย่างเต็มที่ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/859450

กระทรวงสาธารณสุขร่วมหน่วยงานรัฐหาแนวทางปฏิรูประบบสุขภาพ

กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ได้จัดประชุมระดมสมองเรื่องร่างยุทธศาสตร์การปฏิรูประบบสุขภาพระยะที่ 3 ขึ้นเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มชาติพันธุ์สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ โดยการจัดประชุมดังกล่าวเพื่อส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องแบ่งปันความคิดเกี่ยวกับกลยุทธ์การปฏิรูปสุขภาพเพื่อให้ครอบคลุมทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องมากที่สุด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า “การปฏิรูประบบสุขภาพมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองต่อความกังวลของรัฐบาลและสมัชชาแห่งชาติต่อสถานะสุขภาพของประชาชนสปป.ลาว ถึงการเข้าถึงบริการที่ดีด้วยต้นทุนและคุณภาพที่เหมาะสม” นอกจากการปฎิรูปบุคลากรร่วมถึงระบบการให้บริการที่ดี ยังมีเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพจะได้รับการกระจายไปทั่วประเทศอย่างเพียงพอต่อความต้องการ ในระยะยาวของการปฏิรูประบบสุขภาพคือการสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสำหรับประชาชนทั้งหมดและสร้างหลักประกันสุขภาพที่ดีให้กับประชาชนสปป.ลาว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Ministry.php

รัฐบาลสปป.ลาวใช้ประโยชน์ด้านการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาความยากจน

เจ้าหน้าที่รัฐจะใช้ประโยชน์จากการศึกษาวิจัย เพื่อช่วยในการกำหนดแผนและเร่งการบรรเทาความยากจน ผลการวิจัยจะถูกนำมารวมและนำมาพิจารณาเมื่อจัดทำแผนลดความยากจนและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและป่าไม้ได้ริเริ่มแนวคิดการวิจัยเกี่ยวกับการลดความยากจนในชุมชนโดยคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมทีมนักวิจัยในการแก้ความยากจนในประเทศ โดยมีการสนับสนุนการเงินจากประเทศจีนในการสนับสนุนงานวิจัย ปัจจุบันสปป.ลาวมีกลุ่มคนยากจนมากถึง 8 แสนคนใน 10 แขวงทั่วประเทศก่อนหน้านี้ได้มีการช่วยเหลือจากรัฐบาลผ่าน ”กองทุนลดความยากจน” มีการใช้จ่ายเงินจำนวน 187 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อดำเนินกิจกรรมของกองทุนในระยะเวลา 16 ปี ผลของการดำเนินงานเป็นไปอย่างช้าๆ ดังนั้นการทำการศึกษาวิจัยอย่างจริงจังครั้งนี้จะนำมาซึ่งวิธีและแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดเพื่อปัญหาความยากจนที่อยู่กับสปป.ลาวมายาวนานจะได้ลดลงและหวังว่าจะหมดไปในอนาคต

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt277.php

เวียดนามตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 20.5 ล้านคน ในปี 2563

จากการประชุมขององค์การบริหารการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) ณ กรุงฮานอย ในวันที่ 23 ธันวาคม เปิดเผยว่าภาคการท่องเที่ยวเวียดนามตั้งเป้าปี 2563 จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 20.5 ล้านคน และอีก 90 ล้านคนที่เป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ โดยในปี 2562 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังเวียดนามอยู่ที่ 18 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วและสัดส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศอยู่ที่ 85 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ภาคการท่องเที่ยวมีรายได้รวมมากกว่า 720 ล้านล้านดอง เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และในปีหน้า เวียดนามจะเป็นเจ้าภาพจัดงานสำคัญ ได้แก่ รายการ Formula 1 Vietnam Grand Prix และงานการท่องเที่ยวระดับชาติแห่งปี 2563 (National Tourism Year 2020)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-aims-for-205-million-foreign-tourists-in-2020/166003.vnp