สองสายการบินจีนเปิดไฟท์บินตรงจากย่างกุ้ง

Yangon Aerodrome Co Ltd ผู้ให้บริการสนามบินนานาชาติย่างกุ้ง (YIA) ได้ประกาศเปิดตัวเที่ยวบินตรงของสายการบินชิงเต่าแอร์ไลน์ระหว่างย่างกุ้งและหนิงโปในเมืองเจ้อเจียงประเทศจีน โดยใช้เครื่องบินแอร์บัสเอ 320 ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 180 คน ให้บริการทุกวันจันทร์-วันศุกร์ระหว่างย่างกุ้งและหนิงโป ทำให้ YIA เชื่อมต่อกับจุดหมายปลายทางต่างประเทศ 35 แห่ 18 เมืองจากจีน ขณะนี้มีสายการบินจีนทั้งหมด 13 รายที่ให้บริการระหว่างจีนและ YIA เพียงหนึ่งวันก่อนผู้ให้บริการจีน หยุยลี่ แอร์ไลน์ (Ruili Arilines) ประกาศเที่ยวบินตรงเที่ยวจากย่างกุ้งและเต๋อหงจังหวัดยูนนาน เที่ยวบินตรงแรกเริ่มต้นระหว่างเมืองหลู่ซีไปยังมัณฑะเลย์ในวันที่ 31 ม.ค. 63 YIA มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 6% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเนื่องจากเส้นทางใหม่ไปและกลับจากจีน ผู้โดยสารที่ย่างกุ้งเพิ่มขึ้ 4.6 ล้านคนในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2562 สูงกว่าปีที่ผ่านมา 6.5% โดยรัฐบาลได้อนุญาตให้มีการยกเว้นวีซ่าเดินทางมาสำหรับหกประเทศทางจากออสเตรเลีย เยอรมัน อิตาลี สเปน สวิตเซอร์แลนด์และรัสเซีย

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/two-chinese-airlines-start-direct-flights-yangon.html

LOCA, Vientiane Minivan Association ร่วมมือกันเพื่อยกระดับการให้บริการ

Laos’ first ride-hailing service LOCA และ Vientiane Minivan Association ได้ร่วมมือในการอัปเกรดบริการรถมินิแวนในสปป.ลาว ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อให้บริการรถมินิแวนมีความทันสมัยมากขึ้นพร้อมกับทำความเข้าใจระบบดิจิทัล เพื่อให้ลูกค้าสามารถจองและรู้ราคาตั๋วได้ง่ายขึ้น ข้อตกลงจะช่วยขยายบริการ LOCA มีการเพิ่มรถมินิแวน ในขั้นต้น 30 คันและภายในหนึ่งเดือนจะเพิ่มขึ้นอีก 240 คัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ยังได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัทประกันภัย Lanexang Assurance Public Company ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวทั้งสองบริษัทจะเริ่มให้ความคุ้มครองการประกันมาตรฐานสำหรับบริการ LOCA ในขณะที่ยังสำรวจเงินเดือนและการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ นอกจากนี้ LOCA ยังมีแผนที่จะขยายพื้นที่การดำเนินงานของบริษัท ซึ่งปัจจุบันบริการนี้สามารถเข้าถึงได้เฉพาะในเวียงจันทน์ LOCA เป็นแอพพลิเคชั่นที่ให้บริการการขนส่งแบบ On Demand ทั้งนี้ LOCA เป็นตัวแทนของการปฏิวัติการขนส่งในสปป.ลาวและเป็นบริษัทแรกที่แนะนำแอปพลิเคชั่นการขนส่งที่สะดวกและไม่ใช้เงินสด

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/loca-vientiane-minivan-association-join-forces-service-upgrade-107235

แนวทางใหม่สำหรับการนำเข้า / ส่งออกสินค้าเกษตรในสปป.ลาว

 รัฐบาลได้ระบุประเภทของสินค้าและปริมาณของสินค้าเกษตรและพืชที่สามารถนำเข้าและส่งออกผ่านด่านศุลกากรสปป.ลาว ภายใต้แนวทางใหม่ทุกครัวเรือนควรมีเครื่องมือและเครื่องจักร เช่น รถแทรกเตอร์ ปั๊มมอเตอร์ เครื่องบดอาหาร มอเตอร์หมุน และโรงสีข้าว หนึ่งคนอาจนำเข้าหรือส่งออกสินค้าเกษตรและพืชต่อวัน ดังนี้ เมล็ดข้าวโพดหวาน 10 กก. เมล็ดพืช 200 กรัม  เมล็ดถั่ว 5 กก. สปอร์เห็ด 10 ขวด เห็ดสด 5 กก. ปุ๋ยเคมี 2 กระสอบ สมุนไพร 5 กก. ผลไม้สด 10 กก. ไม่ประดับหรือต้นกล้า 10  ต้น ปริมาณสัตว์แปรรูปและผลิตภัณฑ์ประมงที่อนุญาตได้ต่อคนต่อสัปดาห์ 30 กก. อาหารทะเลสด 3 กก. อาหารทะเลแห้ง 2 กิโลกรัม เมล็ดหญ้าสำหรับอาหารสัตว์ 15 กก. และปลาขนาด 3-5 ซม. 500 ตัว แนวทางดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การจัดการการส่งออกและนำเข้าสินค้าเชิงพาณิชย์ที่ดีขึ้นตามกฎหมายและข้อบังคับ เพื่อปรับปรุงสุขภาพของพืชและสัตว์และปกป้องสิ่งแวดล้อม การส่งออกและนำเข้าจะไม่ต้องเสียภาษีหรืออากรศุลกากรหากสินค้ามีมูลค่าไม่เกิน US $ 50 หากมูลค่าของสินค้ามากกว่า US $ 50 จะต้องตรวจสอบสินค้าที่จุดผ่านแดนระหว่างประเทศที่สำคัญ หากผู้ส่งออกหรือผู้นำเข้าได้รับอนุญาตจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องหรือจดทะเบียนจะไม่ถูกเก็บภาษี

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/new-guidelines-importexport-agricultural-products-laos-107313

‘ภาษีซ้ำซ้อน’ดับฝันลงทุนนอก สภาอุตฯจี้รัฐออกมาตรการลดหย่อนเพิ่ม

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ เผยรัฐแก้ปัญหาภาษีนิติบุคคลซ้ำซ้อน ไม่เอื้อดึงกำไรกลับ พร้อมแนะบีโอไอ ออกมาตรการลดหย่อนภาษีเสริมอีกชั้น ย้ำโฟกัสตลาดเพื่อนบ้านดีสุดเสี่ยงน้อย ส่วนการลงทุนในประเทศชะลอลากยาวถึงไตรมาส 1 ปี’63 ผลสำเร็จ EEC ยังไม่เร้าใจเท่าคู่แข่ง ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคเอกชนเดือนก.ย.62 ลดลงมาอยู่ที่ 92.1 ต่ำสุด ในรอบ 12 เดือน เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ และเงินบาทแข็งค่า ผู้ประกอบการจึงต้องกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดอื่นมากขึ้น แต่ยังมีพบข้อจำกัดหลายด้าน และการสนับสนุนผู้ประกอบการออกไปลงทุนต่างประเทศของบีโอไอ จะอยู่ภายใต้กองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ โดยในแต่ละปีจะมีการจัดอบรมและกิจกรรมให้กับนักลงทุนไทยหน้าใหม่ ภายใต้โปรแกรม TOISC ซึ่งประเทศเป้าหมายและกลุ่มที่มีศักยภาพยังคงเป็น CLMV ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกอง ส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ เพื่อขยายขนาดตลาดการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ  เพื่อแสวงหาวัตถุดิบและแรงงานที่ถูก เพื่อการกระจายความเสี่ยง รักษาเสถียรภาพ และค้ำจุนตลาดการเงิน และเพื่อแลกเปลี่ยนความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

ที่มา : นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 31 ต.ค. – 3 พ.ย. 2562

คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานแสดงสินค้าเครื่องหนังนับพันในกัมพูชา

คาดว่าจะมีผู้เข้าเยี่ยมชมงานมากกว่า 20,000 คน ทั้งในประเทศและต่างประเทศในเดือนหน้าบนเกาะเพชร (Diamond Island) สำหรับงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมรองเท้า โดยงานนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Leathertech Cambodia 2019 จะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า Diamond Island ในวันที่ 15-17 พฤศจิกายน ซึ่งผู้จัดงานคือ ASK Trade & Exhibitions Pvt Ltd กล่าวว่ากัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดงานขนาดใหญ่เนื่องจากกัมพูชาเป็นผู้นำระดับโลกด้านการผลิตรองเท้าและเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีสำหรับนักลงทุนในอุตสาหกรรม โดยคาดว่าจะมี บริษัท กว่า 80 บริษัท จากทั้งในและต่างประเทศ เช่น จีน สหรัฐ ยุโรป เวียดนาม ไทย และจากประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่องหนังมาเข้าร่วม ซึ่งหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่จะจัดแสดงภายในงาน ได้แก่ รองเท้า เครื่องหนัง ส่วนประกอบสารเคมีและอุปกรณ์เสริมในอุตสาหกรรม โดยเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกรองเท้า 10 อันดับแรกของโลกที่มีมูลค่าการส่งออกรองเท้ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/655400/thousands-of-visitors-expected-at-leather-expo/

โครงการอำนวยความสะดวกในการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดในกัมพูชา

เริ่มตั้งแต่วันศุกร์แผนกการค้าในจังหวัดตาแก้ว กำปอต และเกาะกงจะสามารถออก “แบบฟอร์ม D” หรือ ใบรับรองแหล่งกำเนิด (CO) เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการส่งออกสำหรับผู้ค้าในจังหวัดต่างๆ โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ผู้ส่งออกและผู้ค้าในจังหวัดข้างต้น ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อทำการตรวจสอบและออกใบรับรองแหล่งกำเนิด แต่จะเป็นการเดินทางไปยังแผนกการค้าในแต่ละจังหวัดแทน ซึ่งตั้งแต่ปี 2560 กระทรวงพาณิชย์ได้มอบ “แบบฟอร์ม D” ให้กับหน่วยงานระดับจังหวัดเป้าหมายคือการอำนวยความสะดวกในฝั่งของกิจกรรมทางธุรกิจและการส่งออก เพื่อที่จะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับบริษัท โดยมีมากกว่า 20 จังหวัดที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของกำปอต กล่าวว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การบริการสะดวกขึ้นสำหรับผู้ส่งออกและผู้ค้าในจังหวัด โดย “แบบฟอร์ม D” สามารถใช้สำหรับการจัดส่งได้ภายในอาเซียน.

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50655401/scheme-to-facilitate-co-issuance-expands/

เทรนด์ผู้บริโภคในอนาคต ตัวกำหนดทิศทางการส่งออก

อาหารและเครื่องดื่ม เป็นรายการสินค้าส่งออกที่ถือว่ายังรักษาระดับการเติบโตได้ดี เมื่อเทียบกับสินค้าส่งออกอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่มีแนวโน้มหดตัวในปีนี้ โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการส่งออกอาหารและเครื่องดื่มของไทยอยู่ที่ 17,749 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อนละ 3.8 (YoY) ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าทั้งปี 2562 การส่งออก – อาหารและเครื่องดื่มของไทยจะสามารถเติบโตในแดนบวก จากความต้องการของตลาดคู่ค้าที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้า กลุ่มผลไม้และปศุสัตว์ สำหรับทิศทางการส่งออกอาหารและเครื่องดื่ม คาดว่ามูลค่าการส่งออกอาหารและเครื่องดื่มมีการเติบโตที่ชะลอตัวลงจากปี 2562 ในขณะที่ การส่งออกไปยังตลาดหลักอย่างกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาและเวียดนาม) อาจจะเติบโตชะลอลงเช่นกัน เนื่องจากผู้ประกอบการไทยหันไปขยายฐานการผลิตและจำหน่ายในประเทศดังกล่าวทดแทนการส่งออก

ที่มา : นสพ. ทันหุ้น ฉบับที่ 29 ต.ค. 2562