ธนาคารเพื่อการพัฒนาการเกษตรแห่งเมียนมาขยายเวลาการชำระเงินกู้ของเกษตรกร

ธนาคารเพื่อการพัฒนาการเกษตรแห่งประเทศเมียนมา (MADB) ประกาศจะขยายระยะเวลาการชำระคืนสำหรับฤดูเก็บเกี่ยวในฤดูหนาวไปอีกสามเดือน จาก มิ.ย. ถึง 15 ก.ย. ของปีนี้ เพื่อรอราคาที่ดีขึ้น เงินกู้ยืมได้ครอบคลุมสำหรับพืชอื่น ๆ ได้แก่ เนยถั่ว ถั่วสีเหลือง งา ทานตะวัน หัวหอม และพริก เพราะพืชเหล่านี้มีการส่งออกและบริโภคภายในประเทศสูง ทั้งนี้พื้นที่เพาะปลูกสามารถใช้เป็นหลักประกันให้มีเครดิตที่ดี ปัจจุบัน MADB ให้สินเชื่อสูงถึง 150,000 จัตต่อเอเคอร์กรณีของข้าวและ 100,000 จัตต่อเอเคอร์สำหรับพืชอื่น ๆ สินเชื่อสำหรับข้าวเพิ่มขึ้นจาก 100,000 จัตเป็น 150,000 จัตในปี 59 และพืชอื่น ๆ จาก 50,000 จัตเป็น 100,000 จัตในปี 61 MADB ให้สินเชื่อแก่เกษตรกรตาม 3 ฤดูกาลเพาะปลูกหลัก ได้แก่ ช่วงมรสุม ก่อนช่วงมรสุมและฤดูหนาว อนึ่งการชำระคืนของเกษตรกรลดลงตั้งแต่ปี 55 เนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น ฝนตกหนัก น้ำท่วม ภัยแล้ง และการระบาดของศัตรูพืช หากไม่สามารถชำระคืนเงินได้สามารถชะลอการชำระโดยต้องได้รับอนุมัติจากผู้บริหารหมู่บ้าน กรมวิชาการเกษตร และกรมการจัดการที่ดินและสถิติการเกษตร

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/bank-loosens-repayment-period-farmers.html

ผู้ใช้น้ำจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมสำหรับภัยแล้ง สปป.ลาว

ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการติดตามตรวจสอบการไหลของแม่น้ำ ระดับน้ำในแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขาบางส่วนอยู่ในระดับต่ำ คาดว่าจะลดลงเนื่องจากเดือนตุลาคมเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฤดูแล้ง สถานการณ์ที่ผิดปกตินี้กำลังส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำใช้ในครัวเรือนรวมถึงกิจกรรมทางธุรกิจและการเกษตร เป็นข้อบ่งชี้ว่าผู้บริโภคควรเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาการขาดแคลนน้ำรายงานที่ออกโดยกรมอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาในเดือนกรกฎาคมระบุว่าปริมาณน้ำฝนในเดือนนั้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 70% รายงานที่อัปเดตไม่สามารถใช้ได้กับสื่อทันที แต่ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่าสปป.ลาวส่วนใหญ่ยกเว้นพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้มีปริมาณน้ำฝนต่ำเป็นประวัติการณ์ตลอดฤดูฝนที่ผ่านมา รัฐบาลจึงได้จัดตั้งกองทุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยหวังที่จะระดมเงินเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของสปป.ลาวเพื่อรองรับรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Water_235.php

หอการค้า สปป.ลาว – ยุโรป เปิดตัวบริการให้การรับรองแรงงานเด็ก

หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว (LNCCI) และหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งยุโรปในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ECCIL) ได้เปิดตัวบริการรับรองการใช้แรงงานเด็กอย่างเป็นทางการ รองประธาน LNCCI และนายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ประธาน ECCIL และ กรรมการผู้จัดการบริษัท Hi-Tech Lao Apparel จำกัด ได้ลงนามข้อตกลงเพื่อเปิดบริการการรับรอง ทั้ง LNCCI และ ECCIL มีประวัติศาสตร์อันยาวนานของความร่วมมือที่มีประโยชน์ในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในสปป.ลาวโดยให้บริการแก่ภาคเอกชน การเปิดตัวบริการรับรองการใช้แรงงานเด็กร่วมกันเป็นการสร้างสายการบริการใหม่สำหรับทั้งสององค์กรและคาดว่าจะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศและเพิ่มโอกาสทางการค้า บริการนี้มีเป้าหมายอยู่ที่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและองค์กรขนาดใหญ่และไม่จำกัดเฉพาะภาคธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ การดำเนินการตามบริการการรับรองสำหรับแรงงานเด็กและ LNCCI ECCIL ได้รับการสนับสนุนโดยโปรแกรมผู้เชี่ยวชาญของ German Gesellschaft fuer Internationale Zusammenarbeit (GIZ)

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-european-business-chambers-launch-child-labour-free-certification-service-106884

กัมพูชาเริ่มเข้าใกล้กับขั้นตอนการควบคุมท่าเรือที่เหมาะสม

กระบวนการในและนอกของการยกร่างกฎหมายที่จะควบคุมท่าเรือของกัมพูชาอย่างเหมาะสมนั้นกลับมาดำเนินการอีกครั้ง โดยกระทรวงโยธาธิการและคมนาคมของกัมพูชามีหน้าที่มอบหมายในการร่างกฎหมายท่าเรือและองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ได้จัดกิจกรรมที่นำผู้แทนจากทั้งภาครัฐและเอกชนมารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงร่างกฎหมายตามรายงานจาก Agence Kampuchea Presse (AKP) ซึ่ง JICA ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชาในการร่างกฎหมายที่เสนอ โดยในการประชุมเชิงปฏิบัติการแสดงถึงขั้นตอนที่สำคัญสำหรับกัมพูชาซึ่งตามผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการขนส่งสินค้ามองว่าจำเป็นต้องมีกฎหมายที่ควบคุมกิจกรรมภายในท่าเรือของตนอย่างเหมาะสม ซึ่งการขาดกฎหมายท่าเรือถือว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาท่าเรือของกัมพูชา โดยท่าเรือถูกมองว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาของกัมพูชาซึ่งได้เห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและเติบโตอย่างมากหลังจากเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/653738/cambodia-one-step-closer-to-proper-port-regulation/

กลุ่มนักลงทุนจีนลงทุนในอุตสาหกรรมกล้วยมูลค่าโครงการกว่า 30 ล้านเหรียญ

Beijing Capital Agribusiness Group ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนประกาศที่จะศึกษาโครงการการลงทุนมูลค่ากว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อทำสวนกล้วยในกัมพูชา โดยบริษัทกำลังพิจารณาการซื้อที่ดิน 1,500 เฮกตาร์ ที่จะใช้ในการปลูกกล้วย ซึ่งอธิบดีกรมวิชาการเกษตรของกัมพูชาให้การต้อนรับแผนของ บริษัท และให้คำมั่นที่จะอำนวยความสะดวกในการลงทุนเนื่องจากมองว่าการลงทุนจะมีความสำคัญต่อการพัฒนาภาคเกษตรกรรมของกัมพูชา โดยให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความทันสมัยของภาคและส่งเสริมการแปรรูปบรรจุภัณฑ์รวมถึงการส่งออกสินค้าเกษตรที่มีมาตรฐานคุณภาพสูง จากรายงานล่าสุดของกระทรวงเกษตร กัมพูชาได้ส่งออกกล้วยสดจำนวนกว่า 110,512 ตัน ในช่วงเก้าเดือนแรกของปีซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศจีน เวียดนามและญี่ปุ่น โดยมองว่าในอนาคตมูลค่าการส่งออกกล้วยอาจจะสูงมากกว่ามูลค่าการส่งออกข้าวสารภายในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50653739/chinese-group-unveils-plan-to-invest-30m-in-banana-industry/

กลุ่มทุนจีนปรับทัพย้ายฐานลง EEC ‘สมคิด’ ช่วยกล่อม

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเยือนมณฑลกวางตุ้งและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 20-25 ตุลาคม 2562 ทั้งนี้รัฐบาลจีน จะใช้เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area) หรือ GBA เป็นตัวเชื่อมระหว่างจีนกับโลกภายนอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาเซียน ขณะที่ประเทศไทยในฐานะเป็นศูนย์กลาง CLMVT และอาเซียนมีแผ่นดินเชื่อมกับจีนด้วย ขณะที่ ไทยให้ความสำคัญกับจีนเป็นอย่างมาก โดยการเป็นประเทศคู่ค้าและหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา นอกจากนี้ไทยยังเชื่อมั่นกับฮ่องกงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค จากนโยบาย Belt and Road ของจีนเชื่อมกับโลกทุกมิติ โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV ของไทย เป็นประตูส่งผ่านค้าออกไปทั่วโลก ซึ่งนักธุรกิจจีนสนใจมาลงทุนไทยเพื่อเลี่ยงผลกระทบจากสงครามการค้า ขณะที่นักลงทุนฮ่องกง เลี่ยงผลกระทบจากความไม่สงบของการเมืองในประเทศฮ่องกง นอกจากนี้ การที่นายสมคิดนำคณะเดินทางไปโรดโชว์การลงทุน ณ มณฑลกวางตุ้ง และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน จะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้พื้นที่ EEC

ที่มา : https://www.naewna.com/business/449519