เวียดนามเผยยอดส่งออกผักผลไม้ลดลง ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62

จากรายงานทางสถิติของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าการส่งออกผักและผลไม้ลดลงร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยมูลค่า 2.81 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 ในขณะเดียวกัน กรมการนำเข้าและส่งออก ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าการส่งออกผักและผลไม้ไปยังตลาดต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน ฮ่องกง และไทย ล้วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การส่งออกที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยการส่งออกไปยังตลาดจีน ที่ยังคงชะลอตัว ซึ่งสาเหตุดังกล่าวมาจากสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ทำให้จีนส่งออกสินค้าเกษตรไปยังตลาดสหรัฐฯลดลง และกลุ่มประเทศที่มีความได้เปรียบสินค้าเกษตรนั้น หันมาบริโภคภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเกษตรกรรมต่างประเทศสามารถได้รับประโยชน์ทางการค้า ด้วยอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 0 รวมไปถึงมีการส่งสัญญาเป็นบวก สำหรับกลุ่มธุรกิจผักและผลไม้ในประเทศในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/fruit-and-vegetable-exports-plummet-in-nine-months-404787.vov

เวิลด์แบงก์ชี้เศรษฐกิจปี 63 เมียนมาขยายตัว 6.6%

จากข้อมูลของธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจปี 63 ขยายตัว 6.6 สูงกว่าที่ตั้งไว้ 6.5% คาดจะเพิ่มขึ้น 6.7 % ในปี 64 และ 6.8 % ในปี 65 การเติบโตในปี 2020 จะได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในภาคการผลิต ประกันภัย และการก่อสร้าง การชะลอตัวจาก 6.8% ในปี 61 เป็น 6.5% ในปี 62 เกิดจากการลดลงของภาคบริการและอัตราเงินเฟ้อที่สูง อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจยังคงเผชิญกับความเสี่ยงขาลงอย่างต่อเนื่อง เช่น ภัยธรรมชาติที่มีผลต่อภาคการเกษตร ผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อและค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงวิกฤติยะไข่ที่ยังไม่คลี่คลายและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลเชื่อว่าสามารถทำให้ภาคการเงินของมีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง โดยนโยบายการเงินและการคลังจะมีประสิทธิภาพเพราะมีเครื่องมือทางการเงินที่ดี การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 58 จาก 9.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 61 โดยมีโอกาสที่จะฟื้นตัวในปีนี้ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนส่งผลกระทบน้อย ดังนั้นหลายธุรกิจจึงเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ เช่น มาตรการเพื่อดึงดูดผู้ผลิตต่างประเทศให้ย้ายฐานการผลิตสู่เมียนมา

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-economy-grow-66-2020-world-bank.html

สถาบันฝึกอบรมสายอาชีพญี่ปุ่น – เมียนมาเฟ้นหาแรงงานกลุ่มแรก

สถาบันฝึกอบรมสายอาชีพญี่ปุ่น – เมียนมาได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นในการรับเข้าฝึกงานเป็นกลุ่มแรก สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ได้ลงนามในข้อตกลงกับรัฐบาลเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งสถาบันฝึกอบรมอาชีพอองซานญี่ปุ่น – เมียนมา สำหรับประกาศนียบัตร AGTI หลักสูตร 3 ปี จะเริ่มในเดือนธันวาคม ด้านการบำรุงรักษายานยนต์ วิศวกรรมไฟฟ้า อุตสาหกรรม โดยจะรับผู้ฝึกอบรม 20 คนที่จะถูกคัดเลือกผลของการทดสอบวิชาภาษาอังกฤษและวิชาคณิตศาสตร์

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/japan-myanmar-vocational-training-institute-seeks-first-batch-trainees

รัฐบาลสปป.ลาวไฟเขียว PetroTrade เพื่อการพัฒนาทางรถไฟสปป.ลาว – เวียดนาม

รัฐบาลสปป.ลาวได้มอบหมายและให้สิทธิแก่ the Petroleum Trading Lao Public Company (PetroTrade) ในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการรถไฟสปป.ลาว – ​​เวียดนาม กระทรวงแผนการและการลงทุนในนามของรัฐบาลและ PetroTrade ได้ลงนาม MOU เพื่อศึกษาและออกแบบรายละเอียดทางรถไฟให้เสร็จสมบูรณ์ การพัฒนาทางรถไฟสปป.ลาว – ​​เวียดนาม จากท่าแขกไปยังท่าเรือวุงอ่างในเวียดนามมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากรัฐบาลให้ความไว้วางใจและสิทธิ PetroTrade เพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้โดยละเอียด ทางรถไฟจะเชื่อมต่อสปป.ลาวกับภูมิภาคอาเซียนและเปิดใช้งานการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการค้าการลงทุนและการเกษตรซึ่งจะทำให้สปป.ลาวมีศักยภาพที่จะกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย นอกจากนี้ยังจะเปลี่ยนสปป.ลาวจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นประเทศที่เชื่อมโยงกับพื้นที่เชื่อมโยงภูมิภาคเพื่อให้บรรลุแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-gov%E2%80%99t-gives-green-light-petrotrade-laos-vietnam-railway-development-106395

สปป.ลาวตั้งเป้าหมายการลงทะเบียนปุ๋ยเคมีและชีวภาพ

เจ้าหน้าที่กำลังหาทางจดทะเบียนบริษัทปุ๋ยเคมีและชีวภาพเพื่อควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์และลดผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม ขณะนี้มีบริษัทปุ๋ยเคมีและชีวภาพเพียง 3 แห่งเท่านั้นที่จดทะเบียนอย่างถูกกฎหมาย ได้แก่ Savannakhet Fertiliser Limited, Maliny Agriculture Limited, and Lao Kai Yuan Mining Limited ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาผู้ประกอบการจากต่างประเทศได้ลงทุนในด้านการเกษตรผลิตพืชเพื่อการส่งออก แต่หลายคนใช้สารเคมีจำนวนมากรวมถึงปุ๋ยซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพดินและผลกระทบต่อสุขภาพของคนในท้องถิ่น นโยบายของรัฐบาลคือการใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้นในการผลิตพืชและส่งเสริมให้มีการจัดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวก โรงงานผลิตปุ๋ยชีวภาพบางแห่งได้หยุดการดำเนินงานเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงจากการนำเข้าปุ๋ยเคมี ซึ่งอุปสรรคที่สำคัญมีตั้งแต่ความยากลำบากในการเข้าถึงการเงิน การขาดการส่งเสริมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และนโยบายภาษีที่ยืดหยุ่น

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-targets-chemical-biological-fertiliser-registration-106476

NBC soft ของกัมพูชาเปิดตัวระบบการชำระเงินระหว่างธนาคาร

ธนาคารแห่งชาติของกัมพูชา (NBC) ประกาศเปิดตัวบริการชำระเงินระหว่างธนาคารแบบใหม่โดยร่วมมือกับธนาคารในประเทศและสถาบันการเงินรายย่อยหลายแห่ง โดยระบบการชำระเงินแบบใหม่ถูกเรียกว่า “ระบบการชำระเงินค้าปลีก” เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมในส่วนของการปรับปรุงธุรกรรมระหว่างธนาคารและทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นพร้อมทั้งเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม ซึ่งธนาคารกลางกล่าวว่าโซลูชั่นใหม่ประกอบด้วยระบบการชำระเงินสามระบบได้แก่ ระบบการโอนเงินแบบเรียลไทม์ (RFT), ระบบชำระเงินมือถือ (MPS) และระบบชำระเงิน QR-code (QPS) จนถึงตอนนี้ NBC ได้ร่วมมือกับ Prasac Microfinance, Acleda Bank, Post Bank, Vattanac Bank, Canadia Bank, Kookmin Bank และ Phnom Penh Commercial Bank โดยระบบชำระเงินค้าปลีกหลักของ NBC เชื่อมโยงธนาคารเหล่านี้ทั้งหมดทำให้ลูกค้าสามารถโอนเงินโดยใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งก่อนหน้านี้จะต้องทำธุรกรรมที่เคาน์เตอร์ธนาคาร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50651770/nbc-soft-launches-interbank-retail-payment-system/

กัมพูชารวมอยู่ใน 20 อันดับแรกของจุดหมายปลายทางสำหรับปี 2563

เป็นปีที่ดีสำหรับกัมพูชาและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหลังจากกัมพูชาเห็นความสามารถในการแข่งขันของการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยการจัดอันดับของกัมพูชาในดัชนีความสามารถในการแข่งขันการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยว (TTCI) อยู่ในลำดับที่ 98 จากทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกัมพูชาถูกรวมอยู่ในรายชื่อของ 20 ประเทศที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในปี 2020 โดย Conde Nast Traveller หนึ่งในนิตยสารไลฟ์สไตล์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งจัดอันดับตามการตอบสนองของผู้อ่านมากกว่า 600,000 คน ที่ถูกขอให้จัดอันดับทั้งประเทศ โรงแรม เส้นทางเดินเรือ เมือง และรีสอร์ตทั่วโลก โดยรางวัลล่าสุดนี้ชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่าประเทศกัมพูชากำลังดำเนินการเพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการนำเสนอสิ่งที่หลากหลายไปสู่โลกภายนอกที่กำลังก้าวไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งกัมพูชามีนักท่องเที่ยวเดินมาถึง 6.2 ล้านคนในปี 2561 และคาดว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยือน 6.7 ล้านคน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50651827/cambodia-included-in-top-20-destinations-for-2020/

พาณิชย์ กางแผนเร่งด่วนกระตุ้นส่งออก 3 เดือนแรกปีงบ 63 กว่า 50 โครงการ เน้นรักษาตลาดเดิม-เพิ่มตลาดใหม่-ขยายตลาดออนไลน์

ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าของไทยอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันได้วางกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการส่งออกของไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2563 เน้นการเร่งรัดการส่งออกสินค้าและบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์ม ผักและผลไม้ รวมทั้งสินค้าบริการต่างๆ อาทิ สินค้าโอท็อป สินค้าเสื้อผ้า เครื่องประดับ วัสดุก่อสร้าง แอนิเมชันและดิจิทัลคอนเทนต์ ซึ่งชู 4 กลยุทธ์หลัก คือ (1) รักษาและขยายตลาดเดิม อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น อาเซียน และจีน (2) เพิ่มตลาดใหม่ อาทิ เอเชียใต้ (อินเดีย) ลาตินอเมริกา แอฟริกา และตะวันออกกลาง (3) ฟื้นฟูตลาดเก่า เช่น ตลาดข้าวในประเทศอิรัก โลจิสติกส์เพื่อการส่งออกในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ การจัดตั้งแหล่ง Thai Mart เพื่อกระจายสินค้าและศูนย์ค้าส่ง-ปลีกสินค้าสำคัญของไทยในบาห์เรนและ (4) มุ่งเน้นการค้าชายแดนและข้ามแดนมากขึ้น  พร้อมผลักดันเศรษฐกิจยุคใหม่

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/iq03/3055611