สปป.ลาว เสนอขายไฟฟ้าพลังงานลมกว่า 4,000 เมกะวัตต์ ให้เวียดนาม

ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานลมใน สปป.ลาว จะถูกส่งขายไปยังเวียดนามผ่านสายส่งของจังหวัดก๋วงตริ นักลงทุนลาววางแผนที่จะเสนอพลังงานลมมากกว่า 682 เมกะวัตต์ก่อนปี 2568 และส่วนที่เหลือจะส่งมอบในภายหลัง แม้จะมีข้อเสนอดังกล่าว แต่โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ในพื้นที่อาจจำกัดปริมาณไฟฟ้าที่ขายได้ ในช่วงฤดูแล้งและช่วงเวลาอื่นๆ โดยทั่วไปจังหวัดก๋วงตริของเวียดนามสามารถรองรับไฟฟ้าได้สูงสุด 300 MV เท่านั้น เนื่องจากการทำงานเต็มกำลังการผลิตคือ 200 กิโลโวลต์ (KV) และ 110 KV ในพื้นที่ EVN ระบุว่าด้วยโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน จังหวัดก๋วงตริสามารถรองรับไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ได้เพียง 2,500 เมกะวัตต์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักลงทุนลาวตั้งเป้าที่จะขายอย่างมาก

ที่มา: https://laotiantimes.com/2024/03/01/laos-proposes-selling-over-4000-mw-of-wind-power-to-vietnam/

นายกฯ สปป.ลาว แนะให้จัดการการลงทุนด้านพลังงานและเหมืองแร่ที่มีประสิทธิภาพ

นายกฯ สปป.ลาว แนะให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ ให้มีการจัดการโครงการลงทุนด้านพลังงานและเหมืองแร่ที่มีประสิทธิผลมากขึ้น โดยนายกฯ ได้สั่งให้กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่หาแนวทางที่เข้มงวดมากขึ้นในด้านการทำงานของกระทรวง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ นายกรัฐมนตรียังขอให้กระทรวงพลังงานฯ ให้ความสำคัญกับงานด้านอื่น ๆ รวมถึงการทบทวนนโยบายการจัดหาไฟฟ้าในทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อให้แน่ใจว่ามีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม และออกแบบมาเพื่อบรรเทาระดับความยากจน และเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานฯ ช่วยปฏิบัติตามมติของรัฐบาลเกี่ยวกับการใช้ยานพาหนะไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และการใช้แหล่งพลังงานสะอาดที่มีอยู่ในประเทศลาวให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังขอให้ประเมินความคืบหน้าของการดำเนินการสำรวจและแปรรูปแร่ที่ยังไม่แล้วเสร็จ และกำหนดเกณฑ์เฉพาะสำหรับการออกใบอนุญาตของบริษัทพัฒนาเหมืองแร่และการลงทุน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_45_PM_Call_y24.php

สปป.ลาว และติมอร์-เลสเต กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคี

ประธานาธิบดี สปป.ลาว และติมอร์-เลสเต เห็นพ้องที่จะกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีในภาคส่วนต่างๆ ที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจ เช่น เกษตรกรรม พลังงาน การบริการและการท่องเที่ยว และการลงทุนในด้านอื่นๆ เป็นต้น โดยข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างเดินการเยือน สปป.ลาว ของ ดร.โฮเซ่ รามอส-ฮอร์ตา ประธานาธิบดีติมอร์-เลสเต และคณะผู้แทน ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ถึง 2 มีนาคม ตามคำเชิญของประธานาธิบดีทองลุน สีสุลิด ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่าง สปป.ลาวและติมอร์-เลสเต เพื่อเป็นกลไกในการส่งเสริมความร่วมมือ ตลอดจนติดตามและดำเนินการตามข้อตกลงที่ทำขึ้นระหว่างรัฐบาลทั้งสอง เพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงดังกล่าวได้รับการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_44_LaosTimor_y24.php

อัตราเงินเฟ้อ สปป.ลาว แตะระดับ 25.35% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567

สปป.ลาว ยังคงเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ขยายตัวอยู่ที่ 25.35% เพิ่มขึ้นจาก 24.44% ในเดือนก่อน โดยเงินเฟ้อในหมวดโรงแรมและร้านอาหารมีการปรับขึ้นราคาสูงสุด ขยายตัวที่ 35.1% แต่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตัวเลขในเดือนก่อน ขณะที่สินค้าหมวดอื่นๆ ที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในเดือนนี้ ได้แก่ เสื้อผ้าและรองเท้า การรักษาพยาบาลและยา อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และการสื่อสารและการขนส่ง สินค้าทั้งหมดนี้มีราคาเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ 22.6% ถึง 35.1% โดยมีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น ประการแรก ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล เช่น เทศกาลเวียดนามและตรุษจีน ส่งผลให้ราคาอาหารสูงขึ้น ประการที่สอง ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น โดยดีเซลเพิ่มขึ้น 7% และน้ำมันเบนซิน 5% ส่งผลให้สถานการณ์เลวร้ายลง ประการสุดท้าย การอ่อนค่าของเงินกีบเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐฯ และบาทไทย ส่งผลให้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจตึงตัวมากขึ้น โดยเงินกีบอ่อนค่าลง 1.70% และ 0.61% ตามลำดับ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/03/01/laos-inflation-hits-25-35-percent-in-february/

โครงการปรับปรุงถนนสายหลักในเวียงจันทน์จะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2568

บริษัท ตั้งเจริญ กรุ๊ป จำกัด ในฐานะผู้รับเหมาโครงการปรับปรุงถนนสายหลักในเวียงจันทน์ ให้ความมั่นใจแก่ประชาชนว่างานปรับปรุงถนนทั้งหมดจะแล้วเสร็จตามกำหนดเวลา แม้งานปรับปรุงถนนยังดำเนินอยู่ก็ตาม เขาเรียกร้องให้ชาวบ้านและผู้ขับขี่รถยนต์อดทนและใช้ความระมัดระวังขณะเดินทางผ่านพื้นที่สูงในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ งานก่อสร้างที่กำลังดำเนินอยู่ ได้แก่ การวางท่อระบายน้ำบริเวณหนองแตง-สีคิ้ว และการทำความสะอาดถนนบริเวณหนองหนองเหนียว-นาเลา-ทองปอง อำเภอสีโคตรบง เจ้าหน้าที่กำลังขยายพื้นที่และปรับพื้นผิวถนนให้กว้างขึ้น เพื่อเตรียมการปูผิวทางคอนกรีตให้มีคุณภาพใกล้เคียงกับช่วงสีน้ำมัน-โพนหงส์ เมื่อแล้วเสร็จถนนจะมี 4 เลน โดยมีแถบตรงกลางกว้าง 2 เมตร และมีเลนสำหรับมอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะในแต่ละด้าน นอกจากนี้ จะมีการสร้างทางเท้ากว้าง 1.5 เมตร ทั้งสองด้าน ขยายความกว้างของถนนเป็น 23 เมตร

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/02/28/major-road-upgrade-project-in-vientiane-nearing-completion-by-march-2025/

แขวงสาละวัน สปป.ลาว เริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่

โรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่กำลังถูกสร้างขึ้นในแขวงสาละวัน โดยการก่อสร้างจะเริ่มหลังจากการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการผ่านความเห็นชอบ ซึ่งจะมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 13 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ระหว่างพิธีเปิดงานก่อสร้าง ดร.ดาววง พอนแก้ว เจ้าแขวงสาละวัน พร้อมตัวแทนของนักพัฒนาลาว 2 ราย และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ได้ลงนามสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการ การบริหารโครงการ การซื้อและขายไฟฟ้า และด้านอื่นๆ ของโครงการ โดยนักพัฒนาคาดหวังว่าสิ่งก่อสร้างของโรงไฟฟ้าจะพร้อมใช้งานภายในสิ้นปีนี้และระหว่างปี 2568 เมื่อโรงไฟฟ้าพลังน้ำเปิดดำเนินการ แขวงสาละวันจะได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น เกิดการสร้างงาน เป็นต้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_42_Saravan_y24.php

บริษัทผลิตเนื้อวัวของ สปป.ลาว เล็งส่งออกเนื้อวัวไปยังจีนมากขึ้น

กลุ่มบริษัท ดวงเจริญพัฒนา กำลังจัดตั้งฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ในแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดหาเนื้อวัวให้กับตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ซึ่งกลุ่มบริษัท ดวงเจริญพัฒนา ได้รับสัมปทานที่ดิน 5 แปลง จากรัฐบาล ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 3,687 เฮกตาร์ เพื่อปลูกหญ้าและเลี้ยงโค โดยประธานและผู้อำนวยการของบริษัท กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2564 และได้ทำการทดลองเลี้ยงวัว 4 สายพันธุ์ จนถึงขณะนี้ บริษัทได้ส่งออกวัวไปแล้วมากกว่า 1,000 ตัว ส่วนใหญ่ไปยังจีน ไทย และเวียดนาม ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท ดวงเจริญพัฒนา ได้สร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นมากกว่า 300 ตำแหน่ง มีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจในแขวงบ่อแก้ว และส่งผลให้ สปป.ลาว สามารถสร้างรายได้มากกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งออกสินค้าเกษตรในปี 2566 ซึ่งเกินเป้าหมายกว่า 20.18% สินค้าเกษตรหลักที่ส่งออก ได้แก่ กล้วย ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย วัว และกระบือ โดยจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด รัฐบาลลาวสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ผลิตเพิ่มการส่งออกเพื่อนำเงินตราต่างประเทศ ช่วยลดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่สูงในช่วงที่ผ่านมา

ที่มา : https://english.news.cn/asiapacific/20240223/1b37e1a966b24406a4d9d723b13ce70e/c.html

สปป.ลาว คาดว่าแขวงเวียงจันทน์จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 9 แสนคนในปีนี้

แขวงเวียงจันทน์กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศมายาวนาน และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนประมาณ 9 แสนคน ภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากแขวงเวียงจันทน์มีข้อได้เปรียบมากมาย เช่น เป็นที่ตั้งของเมืองหลวง มีเมืองที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวมากมาย การผลิตทางการเกษตรที่แข็งแกร่ง ทรัพยากรธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพ และวิถีชีวิตที่หลากหลาย นับตั้งแต่เปิดประเทศอีกครั้งในปลายปี 2565 การท่องเที่ยวในแขวงเวียงจันทน์ก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามที่นายบุญจันทร์ มาลาวงศ์ ผู้ว่าเมืองวังเวียง กล่าวว่า ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 8 แสนคน มาเยือนแขวงเวียงจันทน์ และมากกว่า 6 แสนคน มาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวในวังเวียง และผู้คนมากกว่า 2 แสนคน มาเยี่ยมชมเมืองมากกว่าจำนวนที่ตั้งเป้าหมายไว้ในปี 2566

ที่มา : https://kpl.gov.la/EN/detail.aspx?id=80798

รัฐบาล สปป.ลาว ประกาศเพิ่มค่าธรรมเนียมการทำหนังสือเดินทางฉบับใหม่

กระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว ได้ประกาศว่าจะเพิ่มค่าหนังสือเดินทางเป็น 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับหนังสือเดินทางที่มีชิปอิเล็กทรอนิกส์ (e-passport) และ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับหนังสือเดินทางปกติราคาใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคม 2567 โดยจะต้องชำระเงินเป็นกีบตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ค่าธรรมเนียมการดำเนินการที่เพิ่มขึ้นจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นสำหรับเงินกองทุนของรัฐบาล และช่วยให้มั่นใจว่ามีเงินทุนเพียงพอเพื่อให้ดำเนินการเกี่ยวกับหนังสือเดินทางได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ค่าธรรมเนียมดังกล่าวครอบคลุมค่าอุปกรณ์ไอทีนำเข้าที่ใช้ในการผลิตหนังสือเดินทาง และค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์นี้และระบบอื่นๆ ที่เจ้าหน้าที่กรมกงสุลใช้เพื่อให้แน่ใจว่ามีการค้างในกระบวนการผลิตน้อยลง นับตั้งแต่วันที่เริ่มใช้ค่าธรรมเนียมใหม่ จะสามารถออกหนังสือเดินทางเล่มใหม่ได้ภายใน 10 วันทำการ

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_40_Govt_y24.php

ธนาคารแห่ง สปป.ลาว กำหนดให้นักลงทุนต่างชาติเปิดบัญชี FDI

ธนาคารแห่ง สปป.ลาว (BOL) ได้บังคับใช้กฎระเบียบใหม่ ซึ่งกำหนดให้นักลงทุนต่างชาติต้องเปิดบัญชีธนาคารเพื่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินกีบลาวหรือสกุลเงินต่างประเทศที่แปลงสภาพกับธนาคารพาณิชย์ภายใน 15 วันหลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกและติดตามการไหลเวียนของเงินทุน ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศใน สปป.ลาว เมื่อโอนเงินเข้าธนาคารพาณิชย์ในประเทศลาวแล้ว ผู้ลงทุนต่างประเทศจะต้องยื่นขอ Capital Importation Certificate (CIC) ต่อฝ่ายบริหารการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศภายใน 30 วัน

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/02/22/bol-policy-mandates-foreign-investors-to-open-fdi-account/