ผู้ประกอบการท่าเรือบก สปป.ลาว – ทางการมณฑลยูนนาน หารือปรับปรุงระบบขนส่งข้ามพรมแดน

ผู้ประกอบการท่าเรือบกและศูนย์โลจิสติกส์แห่งเวียงจันทน์ และคณะผู้แทนจากมณฑลยูนนานของจีน จัดการเจรจาเรื่องการปรับปรุงระบบขนส่งทางรางและการค้าข้ามพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศ โดยนายหลิว หงเจียน สมาชิกคณะกรรมการประจำคณะกรรมการพรรคมณฑลยูนนาน และเลขาธิการคณะกรรมการเทศบาลคุนหมิง นำคณะเยี่ยมชมศูนย์โลจิสติกส์บูรณาการของ สปป.ลาว ซึ่งเป็นจุดที่เส้นทางรถไฟลาว-จีน และลาว-ไทยมาบรรจบกัน โดยโครงการ Lao Logistics Link มีจุดประสงค์เพื่อตอบสนองต่อความพยายามของรัฐบาล สปป.ลาว ในการเปลี่ยนประเทศลาวที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลให้กลายเป็นประเทศเชื่อมโยงการขนส่งทางบก

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_92_Lao_y24.php

ร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราที่ได้รับอนุญาตจะต้องขายสกุลเงินต่างประเทศในราคาควบคุม: ธนาคารกลางเมียนมา

ตามประกาศของ ธนาคารกลางเมียนมา ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตรามีหน้าที่ขายสกุลเงินต่างประเทศตามอัตราที่กำหนดของธนาคารกลางแห่งเมียนมา (CBM) หากไม่ทำเช่นนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากบัตรเดบิตและบัตรเครดิตสำหรับการทำธุรกรรมระหว่างประเทศแล้ว CBM ยังอนุญาตให้ผู้แลกเงินที่ได้รับอนุญาตขายสกุลเงินต่างประเทศได้ที่สนามบินนานาชาติย่างกุ้ง (YIA) หรือเคาน์เตอร์ที่กำหนดของตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต (ธนาคารเอกชน) เพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนเงินสดย่อยและควบคุม โดยเริ่มบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 สำหรับธุรกรรมที่ผิดกฎหมายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ผู้ที่ไปทำงานในต่างประเทศ ไปรับการรักษาพยาบาล และศึกษาต่อต่างประเทศ และเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2566 สำหรับผู้แสวงบุญและเข้าร่วมเวิร์คช็อปหรือการประชุมตามคำเชิญขององค์กรภาครัฐต่างประเทศ อย่างไรก็ดี หากชาวเมียนมาต้องการแลกเปลี่ยนสกุลเงินมากกว่าเงินสดที่มีอยู่ สามารถใช้บัตรเดบิตและบัตรเครดิตระหว่างประเทศได้ นอกจากนี้ ยังมีการเยี่ยมเยียนร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งและข้อบังคับที่กำหนดไว้ภายใต้กฎหมายการจัดการการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/authorized-money-changers-must-sell-foreign-currencies-at-regulated-prices-cbm/

อาเซียนวางแผนที่จะช่วยเหลือเมียนมาในการแก้ไขปัญหาปัจจุบันอย่างสันติ

ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ นายกรัฐมนตรี พลเอกอาวุโส มิน ออง หล่าย ให้การต้อนรับคณะผู้แทน นำโดย นายอลุนแก้ว กิตติคุณ ทูตพิเศษของประธานอาเซียนด้านเมียนมา และเลขาธิการอาเซียน ดร.เกา คิม ชั่วโมง ณ หอรับรองประจำสำนักงาน ก.ล.ต. ที่กรุงเนปิดอว์เมื่อเช้าวานนี้ โดยในการประชุมดำเนินแผนงาน 5 ประการเพื่อประกันสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาของประเทศ พวกเขาหารือถึงความร่วมมือของเมียนมาในอาเซียน เงื่อนไขการมีส่วนร่วมของเมียนมาในการประชุมอาเซียน การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยอาเซียนแก่เมียนมา และความร่วมมือที่ดีที่สุดของเมียนมาในการกระจายความช่วยเหลือให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความพยายามของเมียนมาในการดำเนินการตามระบบประชาธิปไตยหลายพรรคที่ประชาชนปรารถนาอย่างมั่นคง การเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตยหลายพรรคที่เสรีและยุติธรรม และข้อกำหนดให้ทุกคนทราบสภาพที่แท้จริงของเมียนมา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/asean-plans-to-assist-myanmar-in-peacefully-solving-current-issues/

กัมพูชาเตรียมเปิดเที่ยวบินตรงระหว่าง กัมพูชา-อินเดีย

สายการบินแคมโบเดีย อังกอร์ แอร์ สายการบินแห่งชาติของกัมพูชา ได้ประกาศเปิดตัวบริการเที่ยวบินตรงระหว่างกัมพูชาและอินเดียเป็นครั้งแรก โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. ซึ่งจะให้บริการ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ได้แก่ วันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ และวันอาทิตย์ เชื่อมพนมเปญและนิวเดลี ด้าน Eng Molina ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของสายการบินกัมพูชาอังกอร์แอร์ไลน์กล่าวเสริมว่า ราคาต่อคนสำหรับการเดินทางไปกลับจากนิวเดลีไปยังพนมเปญรวมภาษีแล้วอยู่ที่ประมาณ 23,000 รูปี ขณะที่ Koy Kuong เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำอินเดีย มองอนาคตในแง่ดีว่าจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของทุกปี หลังจากการเชื่อมต่อเที่ยวบินตรงและความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในอินเดีย โดยคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้เกิดการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501488700/cambodia-to-begin-direct-flights-to-india-from-june-16/

กัมพูชาส่งออกยางพาราในช่วง 4 เดือนแรกของปีแตะ 125 ล้านดอลลาร์

กัมพูชาส่งออกยางแห้งจำนวน 85,428 ตัน ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2024 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 จากจำนวน 82,359 ตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของ General Directorate of Rubber โดยรายงานระบุว่า กัมพูชาสร้างรายได้จากการส่งออกยางแห้งกว่า 125 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 จากมูลค่า 116.4 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจุบันยางแห้งหนึ่งตันมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,465 ดอลลาร์ สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 51 ดอลลาร์ สำหรับประเทศผู้นำเข้ารายสำคัญยังคงเป็นมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และจีน เป็นหลัก ด้านพื้นที่เพาะปลูกภายในกัมพูชาอยู่ที่ 407,172 เฮกตาร์ โดยมีพื้นที่พร้อมเก็บเกี่ยว 320,184 เฮกตาร์ หรือร้อยละ 78.6 ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501488697/cambodia-makes-125-mln-from-rubber-export-in-first-4-months/

‘เวียดนาม’ นำเข้ารถยนต์ 4 เดือนแรก มูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

กรมศุลกากรเวียดนาม รายงานว่าเวียดนามนำเข้ารถยนต์ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ จำนวน 43,805 คัน มูลค่ากว่า 929.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 19.4% และ 23.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาเฉพาะเดือน เม.ย. พบว่าเวียดนามนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตในต่างประเทศทั้งคัน (CBU) จำนวน 11,565 คัน มูลค่าอยู่ที่ 255.6 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ อินโดนีเซีย ไทยและจีน เป็นซัพพลายเออร์รถยนต์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยทั้งสามประเทศมียอดขายรถยนต์รวมกันทั้งสิ้น 42,154 คัน คิดเป็น 96.2% ของปริมาณการนำเข้ารถยนต์ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ นอกจากนี้ จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์เวียดนาม (VAMA) เปิดเผยยอดขายรถยนต์ในประเทศ ไตรมาสแรกของปีนี้ ลดลง 17% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1655591/viet-nam-spends-nearly-1b-importing-cars-in-the-first-four-months-of-2024.html

‘เวียดนาม’ เผชิญกับแรงกดดันเงินเฟ้อสูงขึ้น

คุณ เหงียน ถิ เฮือง (Nguyen Thi Huong) หัวหน้าสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม กล่าวว่าภาวะเงินเฟ้อยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม ตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย. ถึงแม้ว่าจะได้รับแรงกดดันอย่างมากจากตลาดระหว่างประเทศและในประเทศ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ใกล้กับเพดานที่ตั้งเป้าไว้ในปีนี้ที่ระดับ 4-4.5%

ในขณะเดียวกัน นายเหงียน บิช ลา (Nguyen Bich Lam) นักเศรษฐศาสตร์ มองว่าเศรษฐกิจเวียดนามได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกอย่างมาก รวมถึงการแข่งขันที่รุงแรงในตลาดต่างประเทศ และความตึงเครียดในทะเลแดง ซึ่งอาจเกิดการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและเกิดความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก

นอกจากนี้ อัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐต่อด่องเวียดนาม มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตข้างหน้า เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐยังไม่มีแผนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย จากตัวเลขเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง สิ่งเหล่านี้จะถือว่าเป็นภาระต้นทุนในการนำเข้าและเงินเฟ้อในประเทศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/mounting-inflationary-pressure-requires-governments-flexible-moves-post286015.vnp

การส่งออกประมงของเมียนมามีมูลค่า 55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนที่ผ่านมา

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เผยว่าการส่งออกประมงของเมียนมา เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 54.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 3 พฤษภาคม ในปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2567-2568 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน โดยตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้น 25.5 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 29.46 ล้านดอลลาร์ที่บันทึกไว้ในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2023-2024 อย่างไรก็ดี ปัจจุบันการส่งออกสินค้าประมงเกิดขึ้นเป็นประจำ แต่ปริมาณการส่งออกสินค้าประมงยังต่ำกว่าที่บันทึกไว้ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้ เมียนมาส่งออกสินค้าประมง เช่น ปลา ปู และกุ้ง ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (จีนและไทย) ผ่านด่านชายแดน Muse, Myawady, Kawthoung, Myeik, Sittway และ Maungtaw นอกจากนี้ยังจัดส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น ประเทศในยุโรป จีน ไทย และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคผ่านช่องทางเดินเรือ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-fishery-exports-hit-us55m-in-one-month/#article-title

ASEAN-Korea Startup Innovation Week 2024 ต้อนรับสตาร์ทอัพด้านไอทีจากเมียนมาเข้าร่วมการแข่งขันแนวคิดนวัตกรรม

ตามข้อมูลขององค์การส่งเสริมการค้าเมียนมา บริษัทสตาร์ทอัพด้านไอทีของเมียนมาได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันนำเสนอผลงานสัปดาห์นวัตกรรมสตาร์ทอัพอาเซียน-เกาหลี ปี 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 ตุลาคม โดยงานสัปดาห์นวัตกรรมปี 2024 ได้มีการเชิญชวนสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้นของอาเซียน ซึ่งสตาร์ทอัพที่ได้รับเลือกจะต้องเข้าร่วมโปรแกรมเร่งรัดและการประชุมทางธุรกิจแบบเสมือนตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 13 กันยายน จากนั้นพวกเขาจะต้องปรากฏตัวที่งานในเกาหลี การแข่งขันแนวคิดนวัตกรรม ซึ่งสตาร์ทอัพที่ได้รับคัดเลือกจะต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการเสนอวิธีแก้ปัญหาต่อคณะกรรมการตัดสินซึ่งจะถามคำถามในวันที่ 21 ตุลาคม สตาร์ทอัพชั้นนำจะเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลและสนทนาข้างกองไฟในวันที่ 22 ตุลาคม และเข้าร่วมทัวร์ระบบนิเวศสตาร์ทอัพของเกาหลีในวันที่ 23 ตุลาคม อย่างไรก็ดี ศูนย์อาเซียน-เกาหลีจะดูแลด้านที่พักและเที่ยวบินไป-กลับสำหรับสตาร์ทอัพแต่ละรายที่ได้รับการคัดเลือกสำหรับงานนี้ และขอให้สถานทูตของประเทศสมาชิกอาเซียนในกรุงโซลเสนอสตาร์ทอัพ 2 แห่งเป็นตัวแทน นอกจากนี้ ตัวแทนต้องมีคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติและข้อกำหนดการสมัคร ซึ่งคณะกรรมการประสานงานอาเซียนว่าด้วยวิสาหกิจขนาดย่อม ขนาดเล็ก และขนาดกลาง (ACCMSME) ยังสามารถแนะนำผู้ประกอบการรายหนึ่งรายสำหรับแต่ละประเทศในอาเซียนได้

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/asean-korea-startup-innovation-week-2024-welcomes-myanmar-it-startups-to-join-pitch-competition/

รถไฟลาว-ไทย เตรียมเปิดอย่างเป็นทางการ พร้อมทดลองวิ่ง

สปป.ลาวและไทยได้เริ่มทดลองใช้บริการรถไฟข้ามพรมแดนใหม่ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะประกาศภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า ดำเนินการโดยการรถไฟแห่งชาติลาว ภายใต้กระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การทดสอบจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 14 ถึง 17 พฤษภาคม 2567 จากสถานีรถไฟท่านาเล้งถึงสถานีเวียงจันทน์ ใน สปป.ลาว หลังจากการทดลองวิ่งครั้งแรกนี้ การทดสอบจะขยายเพิ่มเติมจากสถานีรถไฟอุดรธานีและสถานีหนองคายในประเทศไทย ไปยังสถานีรถไฟท่านาเล้งและสถานีคำสะวาทของลาว ตั้งแต่วันที่ 18-20 พฤษภาคม 2567 รถไฟลาว-ไทย และรถไฟลาว-จีน เป็นองค์ประกอบสำคัญของเครือข่ายรถไฟระดับภูมิภาคที่มุ่งเชื่อมโยงจีนกับสิงคโปร์ผ่านลาว ไทย และมาเลเซีย

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/05/15/laos-thailand-railway-prepares-for-official-opening-with-trial-runs/