INFOGRAPHIC : เวียดนามดึงดูด FDI ถึง 26.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้

กระทรวงวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม (MPI) เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 ระบุว่าเวียดนามดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) 26.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้

โดยเงินลงทุนจากโครงการใหม่จำนวน 2,313 โครงการ รวมมูลค่า 13.559 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ, จำนวน 907 โครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนมูลค่าจำนวน 1,051 โครงการ  รวมมูลค่า 6.333 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และโครงการที่มีการซื้อหุ้นกิจการจากนักลงทุนต่างประเทศ จำนวน 5,812 โครงการ รวมมูลค่า 6.539 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด ด้วยมูลค่าเม็ดเงิน 12.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 48.05 ของเงินลงทุนรวมจากต่างประเทศ รองลงมาการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ก๊าซ น้ำและระบบการปรับอากาศ มีมูลค่า 4.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (18.73%), อสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (14.38%), ค้าส่งค้าปลีก ซ่อมยานยนต์ มีมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (5.68%) และอื่นๆ ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/fdi-attraction-hits-2643-bln-usd-in-11-months/191282.vnp

เวียดนามเผย COVID-19 ส่งผลต่อการลงทุน FDI ดิ่งลง

จากรายงานของกระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ระบุว่าเวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) รวม 26.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ โดยทางกระทรวงฯ กล่าวเสริมว่าเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะที่ นักลงทุนยังไม่สามารถเดินทางได้ จากข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งนี้ ในช่วงเวลาเดียวกัน มีโครงการใหม่กว่า 2,313 โครงการที่ได้รับการจดทะเบียน ลดลงร้อยละ 33.5 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวม 13.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 7.6 อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด ด้วยมูลค่าเงินทุน 12.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า อสังหาริมทรัพย์และการค้าส่งและค้าปลีก ตามลำดับ นอกจากนี้ สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการลงทุนมายังเวียดนามมากที่สุด ด้วยมูลค่าราว 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 30.6 ของเงินทุนทั้งหมด รองลงมาเกาหลีใต้และจีน ตามลำดับ

  ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/pandemic-drags-down-fdi-attraction/191301.vnp

เวียดนามจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือนพ.ย. พุ่ง 7.3%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม เปิดเผยว่าเวียดนามประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 13,100 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนนี้ มีเงินทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 72 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ด้วยมูลค่า 12.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจำนวนการจ้างงาน 119,700 คน ทั้งนี้ ช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ในเวียดนาม 124,300 แห่ง ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 81.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.9 ในแง่ของจำนวนธุรกิจ แต่กลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.3 ในแง่ของเงินทุนจดทะเบียน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อีกทั้ง มีธุรกิจที่กลับมาดำเนินกิจการในช่วงเวลาดังกล่าว 40,800 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 รัฐบาลเวียดนามได้ดำเนินการช่วยเหลือแก่ชุมชน ซึ่งการช่วยเหลือเมื่อเร็วๆนี้ เป็นในลักษณะปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลร้อยละ 30 สำหรับธุรกิจที่มีรายได้น้อยกว่า 200 พันล้านด่อง (8.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2563

ที่มา : http://hanoitimes.vn/business-formations-in-vietnam-rise-73-mm-in-november-315065.html

INFOGRAPHIC : เวียดนามเผยดัชนี CPI เดือนพฤศจิกายน ติดลบ 0.01%

สำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเวียดนามในเดือนพฤศจิกายน 2563 ติดลบร้อยละ 0.01 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.48 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ทั้งนี้ 7 ใน 11 รายการของกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และบริการที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม หมวกและรองเท้า (0.14%), ที่พักอาศัยและวัสดุก่อสร้าง (0.07%), เครื่องดื่มและบุหรี่ (0.06%), เครื่องใช้ในครัวเรือนและอุปกรณ์ (0.03%), ยาเวชภัณฑ์และบริการทางสุขภาพ (0.01%) และสินค้าและบริการอื่นๆ (0.12%) เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ การศึกษาอยู่ในระดับไม่เปลี่ยนแปลง

อีก 3 รายการที่ลดลง ได้แก่  วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว (0.06%) บริการโทรคมนาคม (0.17%) และการขนส่ง (0.47%)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-cpi-down-by-001-percent-in-november/191274.vnp#&gid=1&pid=1

เวียดนามเผยดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายน ลดลง 0.01% จากเดือนก่อน

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเวียดนามในเดือนพฤศจิกายน ลดลงร้อยละ 0.01 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงและค่าน้ำค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวลดลง ในขณะที่ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.43 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมีสินค้าและบริการ 11 รายการในกลุ่มตะกร้าสินค้าที่ใช่ในหลักการคำนวณ CPI พบว่ามี 3 รายการที่ลดลง ได้แก่ การขนส่ง บริการไปรษณีย์และโทรคมนาคมและวัฒนธรรม การท่องเที่ยว เป็นต้น นอกจากนี้ ราคาทองคำเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.87 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

  ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/november-cpi-edges-down-001-percent-from-previous-month/191251.vnp

เวียดนามเกินดุลการค้าลดลงเหลือ 600 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนพ.ย. ขณะที่ ผลผลิตอุตฯ พุ่ง 9.2%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม เปิดเผยว่าในเดือนพฤศจิกายน เวียดนามเกินดุลการค้าลดลงเหลือ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่เกินดุลการค้าในเดือนตุลาคม 2.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยมูลค่า 24.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะเดียวกัน การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 ด้วยมูลค่า 24.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกของเวียดนามมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยมูลค่า 254.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะเดียวกัน การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ด้วยมูลค่า 234.50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกินดุลการค้าอยู่ที่ 20.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ผลผลิตอุตสาหกรรมของเวียดนามในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietreader.com/business/24941-vietnam-nov-trade-surplus-plunges-to-600-mln-industrial-output-rises-92.html

รัฐบาลและธุรกิจ เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความก้าวหน้าเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนาม

จากข้อมูลของ Central Institute for Economic Management (CIEM) ระบุว่าการผลักดันของการนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญทั้งภาครัฐและเอกชน จะต้องร่วมกันสร้างความก้าวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลในเวียดนาม สำหรับภาครัฐบาลแล้วนั้น ได้เล็งเห็นความสำคัญของการดำเนินกฎหมาย เพื่อส่งเสริมกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ตามหลักสากล ทั้งนี้ เศรษฐกิจดิจิทัลควรครอบคลุมไปยังพื้นที่ห่างไกลและกลุ่มเปราะบาง รวมถึงผู้หญิงหรือคนจน นอกจากนี้ ผลการศึกษาของ Google, Temasek และ Bain เปิดเผยว่าผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญให้เศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนาม ขยายตัวร้อยละ 16 ในปีนี้ คิดเป็นมูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงปี 2568 อยู่ที่ 52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตข้างหน้า รัฐบาลจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจว่าโลกไซเบอร์มีความปลอดภัย และปรับปรุงกฎหมายแก่เศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนนโยบายภาษีแก่ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจบนแพลตฟอร์มดิจิทัล และประเด็นในเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น

ที่มา : http://hanoitimes.vn/government-firms-are-key-to-create-breakthroughs-in-vietnam-digital-economy-315008.html

“อีคอมเมิร์ซ” ประตูส่งออกสำคัญของเวียดนาม

สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (VCCI) และบริษัท Innovative Hub ได้จัดงานสัมมนาเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าในท้องถิ่นผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในบริบทของการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ห่วงโซ่อุปทานต่างๆ เกิดการหยุดชะงัก และการเข้ามาของอีคอมเมิร์ซ ขี้ให้เห็นถึงจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังคงรักษาความสามารถในการดำเนินงาน ทั้งนี้ คุณ Zoe Zuo CEO ของบริษัท Innovative Hub ได้แชร์กระบวนการทำงานของอีคอมเมิร์ซในสิงค์โปร์ที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังแนะนำให้เลือกกลุ่มเป้าหมายและลูกค้าให้ชัดเจน เพื่อที่จะนำเสนอสินค้าที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม นอกจากนี้ จากข้อมูลของสมาคมอีคอมเมิร์ซเวียดนาม ระบุว่ามูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในปีนี้ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 30 ด้วยมูลค่าราว 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะเติบโตถึง 52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568

  ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/european-firms-in-vietnam-more-positive-about-q3-performance/191126.vnp

เวียดนามเป็นแหล่งลงทุนอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น

ธุรกิจในเวียดนามจำนวนมากได้รับคำแนะนำให้ปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อคว้าโอกาสในการรับกระแสการลงทุนจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะธุรกิจญี่ปุ่นกว่า 2,000 ราย เข้ามาลงทุนในเวียดนามช่วงสิ้นปี 2562 รองลงมากลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 59.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 15.6 ของเงินทุนรวม โดยข้อมูลข้างต้น เกิดหลังจากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เปิดเผยรายชื่อบริษัท 15 รายที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อย้ายฐานการผลิตจากจีนไปยังกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไทยและสปป.ลาว ทั้งนี้ ตามการสำรวจของเจโทร เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ระบุว่าธุรกิจญี่ปุ่นส่วนใหญ่ร้อยละ 63.9 ดำเนินกิจการในเวียดนาม สิ่งนี้เป็นโอกาสอันดีแก่ธุรกิจในท้องถิ่น เพื่อยกระดับความร่วมมือและเชื่อมต่อกับธุรกิจญี่ปุ่น โดยเฉพาะการผลิตชิ้นส่วนและสนับสนุนเทคโนโลยีสารสนเทศ

ที่มา : https://vietreader.com/business/finance/24421-vietnam-regarded-as-top-investment-destination-for-japan-businesses.html\

จีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

กรมศุลกากรเวียดนาม รายงานว่ามูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังจีน อยู่ที่ประมาณ 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนตุลาคม ส่งผลให้ยอดมูลค่ารวมนับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน ราว 38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จีนเป็นตลาดสำคัญของเวียดนาม ด้วยมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดในปีนี้ อยู่ที่ 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ว่ามีสัญญาเชิงบวกหลายด้าน แต่ความตึงเครียดของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการค้าระหว่างประเทศของเวียดนามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) จึงอำนวยความสะดวกในการส่งออกสินค้าไปยังจีน ไม่ว่าจะเป็นปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจ ปฏิรูปสถาบันและลดขั้นตอนการจัดการ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนธุรกิจ นอกจากนี้ ทางกระทรวงฯ ได้ไปเปิดสำนักงานส่งเสริมการค้าในเมืองหางโจวและเจ้อเจียง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในการทำธุรกิจในจีนและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

ที่มา : https://vnexplorer.net/china-retains-vietnams-largest-trade-partner-a2020128284.html