การแข่งขันแรงงานและผู้รับเหมาก่อสร้างในกัมพูชาได้เริ่มต้นขึ้น

การแข่งขันผู้รับเหมาแห่งประเทศได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างทักษะของแรงงานก่อสร้างในกัมพูชาและผู้รับเหมา จัดขึ้นโดย SCG Cambodia ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของเครือซิเมนต์ไทย โดยจัดงานร่วมกับกระทรวงแรงงานและการฝึกอบรมวิชาชีพกัมพูชา ซึ่งมีผู้รับเหมาที่ได้รับการคัดเลือกจากผู้รับเหมากว่า 200 รายที่เข้าร่วมการแข่งขันประเภทต่างๆ เช่นการฉาบปูนซี การมุงหลังคาและการติดตั้งสมาร์ทบอร์ดและสมาร์ทวูด ซึ่งในพิธีเปิดงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้เข้ามาร่วมเปิดงานและกล่าวว่าการพัฒนาด้านเทคนิคและอาชีวศึกษาในประเทศต้องการการสนับสนุนจากภาคเอกชน โดยการแข่งขันจะพัฒนาทักษะของแรงงานชาวกัมพูชาและช่วยทำให้แรงงานบรรลุมาตรฐานสากลที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการฝึกอบรมทักษะการสร้างงานรวมถึงการเพิ่มผลิตผลและรายได้ ซึ่ง SCG ต้องการปรับปรุงฝีมือของผู้รับเหมาชาวกัมพูชารวมถึงคุณภาพงานก่อสร้างในประเทศกัมพูชา ที่ทำให้ผู้พัฒนาโครงการหรือบุคคลที่ต้องการสร้างบ้านสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพสูงขึ้นซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวกัมพูชาจำนวนมาก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50664639/contractor-competition-kicks-off/

การส่งออกข้าวไปยังประเทศจีนของกัมพูชายังคงอยู่ภายใต้โควตาของปีที่แล้ว

ซีอีโอของธนาคารเพื่อการพัฒนาชนบท (RDB) กล่าวว่า Cofco ผู้ผลิตและผู้ค้าอาหารรายใหญ่ที่สุดของจีนยังไม่ได้ส่งคำสั่งซื้อใดๆ สำหรับข้าวสารที่ผลิตในกัมพูชาในปี 2562 โดยโควตาสำหรับปี 2562 อยู่ที่ 400,000 ตัน ซึ่งผู้ส่งออกข้าวในประเทศบางรายกำลังพยายามส่งข้าวไปยังประเทศจีนตามโควตาสำหรับปี 2018 ที่ 300,000 ตัน โดยจีนได้ให้คำมั่นที่จะซื้อข้าว 400,000 ตันจากกัมพูชาในปีนี้ ซึ่งคำปฏิญาณดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนมกราคมระหว่างการประชุมที่ปักกิ่งระหว่างนายกรัฐมนตรีฮุนเซนและประธานาธิบดีจีนจินผิงโดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนตุลาคมปีนี้กัมพูชาส่งข้าวสารจำนวน 184,844 ตัน ไปยังประเทศจีน คิดเป็น 40% ของการส่งออกข้าวสารทั้งหมดของกัมพูชาที่ 457,940 ตัน เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากข้อมูลของ SOWS-REF สหภาพยุโรปเป็นผู้ซื้อข้าวกัมพูชารายใหญ่เป็นอันดับสองโดยซื้อข้าวสารจำนวน 155,950 ตัน ในช่วงเดือนมกราคมถึงตุลาคมเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รายงานแสดงให้เห็นว่า 83 บริษัท ส่งออกข้าวกัมพูชาไปยังตลาดต่างประเทศรวมทั้ง บริษัท Baitang (Kampuchea) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50664440/rice-exports-to-china-still-under-last-years-quota-crf/

การรวมกลุ่มกว่า 100 บริษัทจากทั้งกัมพูชาและเวียดนาม

บริษัท จากกัมพูชาและเวียดนามกว่า 100 รายเริ่มสร้างเครือข่ายทางธุรกิจครั้งแรกจัดขึ้นโดยชมรมธุรกิจเวียดนามแห่งกัมพูชา (VBCC) ซึ่งงานนี้จัดขึ้นที่สถานเอกอัครราชทูตเวียดนามในกรุงพนมเปญ โดยเป็นการรวมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของทั้งสองประเทศมารวมตัวกัน โดย Farax (กัมพูชา), Ws Asia Pacific, Cargo, Angkor Milk และ MekongNet เป็นหนึ่งใน บริษัท ของกัมพูชาที่เข้าร่วมการประชุม ด้านเวียดนามมี Metfone, Cargoteam, BMB Steel และธนาคาร เช่น Sacombank, Agribank และธนาคารเพื่อการลงทุนและพัฒนากัมพูชา (BIDC) นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารจากจังหวัด An Giang ของเวียดนาม ซึ่งเชื่อว่าธุรกิจจากทั้งสองประเทศได้รับประโยชน์จากการรวมตัวกันในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนชาวเวียดนามและ SMEs ในการค้นพบศักยภาพของตลาดกัมพูชา  ผ่านการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน ซึ่งปัจจุบันเวียดนามเป็นหนึ่งในคู่ค้าและนักลงทุนที่สำคัญที่สุดของกัมพูชา ซึ่งมีบริษัทจากเวียดนามกว่า 200 บริษัทที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50664448/event-draws-100-firms-from-vietnam-cambodia/

รัฐบาลและภาคเอกชนของกัมพูชาหารือเกี่ยวกับระบบพลังงานแสงอาทิตย์ไม่ได้

กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานร่วมกับบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ในท้องถิ่นหลายแห่งประชุมเชิงปฏิบัติการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแนวทางสำหรับระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (SHS) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลการตลาดวิเคราะห์ตัวอย่างของการปฏิบัติที่ดีในอุตสาหกรรมและหารือเกี่ยวกับความท้าทายที่จะได้รับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งจัดขึ้นโดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และโดยมีผู้เข้าร่วมเป็น บริษัท BNP-Power Green, Kamworks และบริษัทอื่นๆ ถือเป็นบริษัทเชิงโซลูชั่น โดยจะแบ่งปันประสบการณ์และมุมมองเกี่ยวกับตลาดโซล่าร์ในประเทศกัมพูชาซึ่งกันและกัน ซึ่ง Sokun Sum ซีอีโอของ Lighting Engineering Solution กล่าวว่าความต้องการแผงโซลาร์เซลล์บนชั้นดาดฟ้าในประเทศกำลังเติบโต โดยแผงเซลล์แสงอาทิตย์บนชั้นดาดฟ้าเริ่มเป็นที่นิยมในปี 2018 เมื่อรัฐบาลอนุญาตให้ภาคเอกชนเชื่อมต่อระบบ PV เข้ากับกริดแห่งชาติได้ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า บริษัท ในท้องถิ่น โรงงานและครัวเรือนหลายแห่งกำลังติดตั้งระบบ PV เพื่อลดค่าไฟฟ้า โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะผลิตพลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์ในกัมพูชาร้อยละ 15 ภายในสิ้นปีหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50664003/govt-and-private-sector-to-discuss-solar-home-system-guidelines/

กัมพูชาและเกาหลีใต้ลงนามศึกษาความเป็นไปได้ของเขตการค้าเสรี

กัมพูชาและเกาหลีใต้ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อเริ่มการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกันในการสร้างข้อตกลงการค้าเสรี โดยเป็นการลงนามระหว่าง Yoo Myung-hee รัฐมนตรีการค้าของเกาหลีใต้และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา Pan Sorasak ณ เมืองปูซานประเทศเกาหลี ซึ่งตกลงที่จะเพิ่มปริมาณการค้าทวิภาคีและสำรวจความเป็นไปได้ในการเข้าสู่เขตการค้าเสรีระหว่างกัน โดยข้อตกลงดังกล่าวเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการเจรจาต่อรองเพื่อสร้างการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกัน โดยข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างกัมพูชาจะกลายเป็นข้อตกลงที่สำคัญที่ช่วยให้บริษัทจากเกาหลีเจาะเข้าไปในประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น ซึ่งตัวเลขจากกระทรวงพาณิชย์แสดงให้เห็นว่าปริมาณการค้าระหว่างกัมพูชาและเกาหลีใต้อยู่ที่ 756 ล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้วเพิ่มขึ้นประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปี 2560 โดยนายกรัฐมนตรีฮุนเซนสนับสนุนให้นักลงทุนเอกชนของเกาหลีเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับศักยภาพทางธุรกิจของกัมพูชาและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศควบคู่ไปด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50663999/cambodia-and-s-korea-closer-to-signing-fta/

แอร์เอเซียมีแนวโน้มขยายตัวในกัมพูชา

แอร์เอเชียกำลังมองหาความเป็นไปได้ที่จะขยายเข้าไปในกัมพูชาผ่านการเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทในท้องถิ่น ซึ่งรายงานของ Nikkei Asian Review รายงานว่ากัมพูชาเป็นหนึ่งในสามประเทศในเอเชียที่แอร์เอเซียมองหาพันธมิตรในท้องถิ่น โดยแอร์เอเชียมีเที่ยวบินไปยังกัมพูชาแล้วแต่ในปัจจุบันยังไม่มีเครือข่ายในท้องถิ่นต่างจากอินโดนีเซีย ไทยและประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกัมพูชาในฐานะที่เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวทำให้ผู้ให้บริการจากต่างประเทศจำนวนมากมองไปที่การขยายตัวภายในประเทศ โดยปัจจุบันมี บริษัท สายการบินกว่า 49 แห่ง ที่ให้บริการในตลาดการบินของกัมพูชา ในขณะที่สายการบินเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นสายการบินต่างประเทศ ซึ่งกัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเป็นอันดับสามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากเวียดนามและอินโดนีเซีย โดยในปี 2561 กัมพูชาได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ 6.2 ล้านคน โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 6.7 ล้านคน ซึ่งกัมพูชาผลักดันให้มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศมากขึ้น โดยกัมพูชาตั้งเป้าหมายว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 12 ล้านคนภายในปี 2568

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50663646/malaysias-airasia-looks-to-expand-into-the-kingdom/

สถานทูตสิงคโปร์เสนอจัดเทศกาลศิลปะบนท้องถนนในกัมพูชา

กระทรวงการท่องเที่ยวและสถานทูตสิงคโปร์กำลังพิจารณาจัดเทศกาล Street Art ณ กรุงพนมเปญในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อฉลองครบรอบ 55 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต โดยเทศกาลนี้จะมุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกัมพูชา ซึ่งในการประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกับเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำกัมพูชากล่าวว่าสิงคโปร์กำลังมองหาการสนับสนุนจากกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชาและกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์เพื่อจัดงาน โดยผู้คนจะสามารถเข้าร่วมงานแสดงศิลปะจากศิลปินหลากหลายท่านและเพลิดเพลินไปกับอาหารและเครื่องดื่มภายในงาน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวยินดีรับพิจารณาเพราะความคิดริเริ่มของโครงการนี้คล้ายกับสิ่งที่กระทรวงกำลังดำเนินการอยู่ในบางประเด็นเช่นเดียวกับเทศกาล Food Street Festival ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเชื่อว่าเทศกาลสตรีทอาร์ตจะส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในกัมพูชาและจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ ในขณะที่กระทรวงกำลังจัดทำโครงการ Food Street ซึ่งจะรวบรวมผู้ค้าอาหารในท้องถิ่น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50663743/singapore-embassy-proposes-street-art-festival/

อุตสาหกรรมนำหรือสกัดทรัพยากรธรรมชาติจะเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของกัมพูชา

รัฐบาลกล่าวว่าอุตสาหกรรมสกัดเป็นเส้นทางหลักทางเศรษฐกิจ โดยการพัฒนาทางเศรษฐกิจของกัมพูชาส่วนใหญ่ได้แรงหนุนจากการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว เสื้อผ้าและภาคการเกษตร ซึ่งรัฐบาลกำลังมองหาความหลากหลายในอุตสาหกรรม โดยภาคการผลิตจะกลายเป็นแรงหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญ กล่าวโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน ในระหว่างการประชุมฟอรั่มอุตสาหกรรมสกัดครั้งที่ 8 ณ กรุงพนมเปญ ซึ่งอุตสาหกรรมนี้จะเป็นแรงหลังของเศรษฐกิจกัมพูชา ที่จะสร้างแหล่งรายได้ใหม่และสร้างงานให้กับชุมชนท้องถิ่น ซึ่งบริษัท KrisEnergy จากสิงคโปร์คาดว่าจะเริ่มการสกัดน้ำมันได้ในปีหน้า โดยรายได้จากน้ำมันที่สกัดในกัมพูชาจะถูกนำไปใช้ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงด้านการศึกษา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเหมืองแร่และพลังงานกล่าวว่ารายได้จากภาคเหมืองแร่และน้ำมันสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนคือรายได้จากภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี โดยรายได้ที่มิใช่ภาษีหมายถึงค่าธรรมเนียมใบอนุญาตสัญญาเช่าที่ดินและค่าสิทธิที่จ่ายให้กับรัฐบาล

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50663802/extractive-industry-to-become-new-economic-driver-ministry/

บริษัทจากสหรัฐเร่งการลงทุนในกัมพูชา

การพบกันระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาขอให้สหรัฐฯเร่งการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตรกรรม การผลิตอัญมณี การผลิตไฟและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตัวแทนสถานทูตสหรัฐฯกล่าวว่าในไม่ช้าจะมีการจัดเวทีที่มุ่งเน้นภาคเกษตร โดยเป้าหมายของการจัดงานคือการช่วยเหลือและสนับสนุนการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในกัมพูชา ภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ซึ่งนักการทูตสหรัฐฯกล่าวกับทางรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ว่า บริษัท General Electrics ได้แสดงความตั้งใจที่จะลงทุนในภาคพลังงานของกัมพูชา โดยโฆษกประจำสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกากำลังส่งเสริมธุรกิจของสหรัฐฯให้แสวงหาโอกาสการลงทุนในกัมพูชารวมทั้งเชื่อมโยงบริษัทกัมพูชาเข้ากับธุรกิจในสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯกับกัมพูชา โดยวางแผนที่จะติดตามกิจกรรมนี้โดยเชิญ บริษัท ชั้นนำบางหลายแห่งของสหรัฐฯไปยังกัมพูชาในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อสำรวจโอกาสทางการค้าและการลงทุนในภาคเกษตรกรรมของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50663745/us-companies-urged-to-invest-in-cambodia/

กัมพูชาวางแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภายในประเทศ

รัฐบาลได้เปิดตัวกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภายในกัมพูชา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้จากภาคการท่องเที่ยวในขณะที่ปรับปรุงวิถีชีวิตของชุมชนในชนบทและช่วยปกป้องทรัพยากรภายในประเทศ ซึ่งรัฐบาลวางแผนนโยบายการท่องเที่ยวเชิงนิเวศไว้ในปี 2562-2573 ในการประชุมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มจำนวนชุมชนการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในประเทศเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวของกัมพูชา ซึ่งมีกระทรวงการท่องเที่ยว กระทรวงสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง ทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยชุมชนได้รับประโยชน์จากการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ซึ่งเป็นการดีที่กระทรวงจะเน้นการพัฒนาชุมชนเหล่านี้ให้เป็นผู้ให้บริการการท่องเที่ยว เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวเชิงชุมชนมากขึ้น โดยรัฐบาลจะต้องทำงานร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว คู่ค้าเพื่อการพัฒนาและคนในท้องถิ่น ซึ่งกัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 4.8 ล้านคน ในช่วงเก้าเดือนแรกของปีเพิ่มขึ้น 10% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50662325/plan-to-boost-ecotourism-launched/