งบประมาณประจำปี 2563 ของกัมพูชา

รัฐบาลได้วางแผนงบประมาณระดับชาติมากกว่า 7.66 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 ซึ่งจะแบ่งตามภาคต่างๆใน 39 กระทรวงและสถาบันต่างๆ โดยในส่วนของภาคธุรกิจเพื่อสังคมวางแผนตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 37.4% เพิ่มขึ้น 8.9% เมื่อเทียบกับปีนี้ ส่วนฝ่ายความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยแห่งชาติจัดสรรไว้ที่ 25.8% เพิ่มขึ้น 9.3% ส่วนฝ่ายการบริหารทั่วไปเพิ่มขึ้น 4.7% ในขณะที่ภาคเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้น 3.3% รวมถึงส่วนอื่นๆอีก ซึ่งมีกลยุทธ์ใหม่ที่ได้นำเสนอคือ การเพิ่มเงินเดือนสำหรับข้าราชการ ครู แพทย์ ตำรวจ ทหาร โดยยังคงไม่เก็บภาษีเจ้าหน้าที่ของรัฐและกองกำลังติดอาวุธทุกชนิดสำหรับเงินเดือนขั้นต่ำไม่ว่าจะได้รับเงินเดือนขั้นต่ำเท่าใดก็ตาม ซึ่งข่าวประชาสัมพันธ์ระบุว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาจะลดลงเป็น 6.5% ในปีหน้าซึ่งจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศอยู่ที่ประมาณ 29.36 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/cambodias-national-budget-next-year-set-us766-billion-107098

ADB เผยแพร่กลยุทธ์การเป็นหุ้นส่วนใหม่ของกัมพูชา

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ได้รับรองยุทธศาสตร์ความร่วมมือในระดับประเทศ (CPS) ระยะเวลาห้าปีใหม่ โดยให้การสนับสนุนเป้าหมายของกัมพูชาในการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงระดับสูงภายในปี 2573 ซึ่งภายใต้ยุทธศาสตร์ปี 2562-2566 ADB จะให้เงินกู้ยืมเพื่อพัฒนาและให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคการเกษตรและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ 1.45 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ในเมืองและชนบท รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พลังงานทดแทนและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นสำคัญ โดยการสนับสนุนการปฏิรูปของภาครัฐและการพัฒนาขีดความสามารถของสถาบันจะยังคงเป็นหัวใจหลัก ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงการเข้าถึงและคุณภาพการบริการสำหรับชาวกัมพูชารวมถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ โดยเชื่อว่า CPS จะช่วยสร้างโอกาสในการทำงานที่ดีขึ้นสำหรับชาวกัมพูชาโดยลงทุนด้านการศึกษาทักษะและการเรียนรู้ตลอดชีวิต เนื่องจากประชากรวัยหนุ่มสาวของกัมพูชากำลังการขยายการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลและการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์การเป็นหุ้นส่วนในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50654726/adb-releases-new-cambodia-partnership-strategy/

การเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก

ภาคอสังหาริมทรัพย์ของกัมพูชามีการเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรก โดยมีการดูดซับตลาดที่แข็งแกร่งสำหรับบ้านและคอนโดมิเนียมตามรายงานล่าสุดจากการประเมินของ VTrust ซึ่งการปรับปรุงตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงพนมเปญในช่วงครึ่งปีแรกมีการเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรกว่า 13,900 ยูนิตจาก 82 โครงการและกำลังดำเนินการก่อสร้างถึง 4,600 แห่ง โดยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยการประเมิน VTrust กล่าวว่าอัตราการดูดซับตลาดที่แข็งแกร่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสุขภาพของภาคธุรกิจ ซึ่งอุปทานใหม่ในกรุงพนมเปญมีมากกว่า 147,000 ตารางเมตร ณ เดือนมิถุนายน โดยประธานสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ของกัมพูชากล่าวว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชาจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอีกห้าปีข้างหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงพนมเปญ สีหนุวิลล์ เค็ป กัมปอต เสียมราฐ พระตะบองและเกาะกง ซึ่งการเติบโตนี้เกิดขึ้นได้จากรายได้ที่สูงขึ้นในหมู่คนท้องถิ่นการสนับสนุนของธนาคารพาณิชย์ความพยายามของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระเบียบข้อบังคับ รวมถึงเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50654869/real-estate-growth-robust-in-h1-vtrust/

บริษัท ญี่ปุ่นสร้างโรงงานแปรรูปมะม่วงหิมพานต์ในกัมพูชา

บริษัท ท็อปแพลนนิ่งเจแปน จำกัด ประกาศที่จะสร้างโรงงานในประเทศกัมพูชาเพื่อแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยได้สรุปการศึกษาการลงทุนที่ดำเนินการโดยความช่วยเหลือขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) และได้มีการประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของกัมพูชาในกรุงพนมเปญเพื่อหารือเกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งจากการศึกษา บริษัท พบว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของกัมพูชามีรสชาติดีกว่าในประเทศเวียดนาม อินเดียและแอฟริกา ภายใต้คุณภาพสุขอนามัย มีศักยภาพที่เป็นไปได้ แต่ขาดความทันสมัยในอุตสาหกรรมการผลิตแปรรูปทาง บริษัท จึงต้องการสร้างโรงงานแปรรูปในกัมพูชาที่ปฏิบัติตามมาตรฐานสากล โดยตั้งใจที่จะยกระดับมาตรฐานคุณภาพในภาคการผลิตให้ไปถึงระดับสากล ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชาเองกำลังพัฒนาภาคเกษตรทั้งในด้านคุณภาพ มาตรฐานบรรจุภัณฑ์และปรับปรุงอุตสาหกรรมให้ทันสมัย ตามนโยบายรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะผลิตสินค้าเกษตรแปรรูปเพื่อส่งออกร้อยละ 12 ของการส่งออกภายในปี 2568 ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระบุว่ากัมพูชาส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 169,458 ตัน ไปกว่า 11 ประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50654880/japanese-firm-to-build-cashew-processing-plant/

กัมพูชาเริ่มเข้าใกล้กับขั้นตอนการควบคุมท่าเรือที่เหมาะสม

กระบวนการในและนอกของการยกร่างกฎหมายที่จะควบคุมท่าเรือของกัมพูชาอย่างเหมาะสมนั้นกลับมาดำเนินการอีกครั้ง โดยกระทรวงโยธาธิการและคมนาคมของกัมพูชามีหน้าที่มอบหมายในการร่างกฎหมายท่าเรือและองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ได้จัดกิจกรรมที่นำผู้แทนจากทั้งภาครัฐและเอกชนมารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงร่างกฎหมายตามรายงานจาก Agence Kampuchea Presse (AKP) ซึ่ง JICA ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชาในการร่างกฎหมายที่เสนอ โดยในการประชุมเชิงปฏิบัติการแสดงถึงขั้นตอนที่สำคัญสำหรับกัมพูชาซึ่งตามผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการขนส่งสินค้ามองว่าจำเป็นต้องมีกฎหมายที่ควบคุมกิจกรรมภายในท่าเรือของตนอย่างเหมาะสม ซึ่งการขาดกฎหมายท่าเรือถือว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาท่าเรือของกัมพูชา โดยท่าเรือถูกมองว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาของกัมพูชาซึ่งได้เห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและเติบโตอย่างมากหลังจากเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/653738/cambodia-one-step-closer-to-proper-port-regulation/

กลุ่มนักลงทุนจีนลงทุนในอุตสาหกรรมกล้วยมูลค่าโครงการกว่า 30 ล้านเหรียญ

Beijing Capital Agribusiness Group ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนประกาศที่จะศึกษาโครงการการลงทุนมูลค่ากว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อทำสวนกล้วยในกัมพูชา โดยบริษัทกำลังพิจารณาการซื้อที่ดิน 1,500 เฮกตาร์ ที่จะใช้ในการปลูกกล้วย ซึ่งอธิบดีกรมวิชาการเกษตรของกัมพูชาให้การต้อนรับแผนของ บริษัท และให้คำมั่นที่จะอำนวยความสะดวกในการลงทุนเนื่องจากมองว่าการลงทุนจะมีความสำคัญต่อการพัฒนาภาคเกษตรกรรมของกัมพูชา โดยให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความทันสมัยของภาคและส่งเสริมการแปรรูปบรรจุภัณฑ์รวมถึงการส่งออกสินค้าเกษตรที่มีมาตรฐานคุณภาพสูง จากรายงานล่าสุดของกระทรวงเกษตร กัมพูชาได้ส่งออกกล้วยสดจำนวนกว่า 110,512 ตัน ในช่วงเก้าเดือนแรกของปีซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศจีน เวียดนามและญี่ปุ่น โดยมองว่าในอนาคตมูลค่าการส่งออกกล้วยอาจจะสูงมากกว่ามูลค่าการส่งออกข้าวสารภายในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50653739/chinese-group-unveils-plan-to-invest-30m-in-banana-industry/

ผู้ค้าข้าวในกัมพูชาเริ่มส่งออกข้าวไปยังตลาดจีนมากขึ้น

เจ้าหน้าที่ของจีนตกลงที่จะเร่งการตรวจสอบใบสมัครของ บริษัท ในกัมพูชากว่า 40 แห่ง ที่ต้องการส่งออกข้าวไปยังตลาดจีน โดยสำนักงานควบคุมคุณภาพตรวจสอบและกักกันโรค (AQSIQ) ของประเทศจีน และกระทรวงเกษตรของกัมพูชาพบกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการส่งออกข้าวของกัมพูชาไปยังประเทศจีน ซึ่งประธานสหพันธ์ข้าวกัมพูชากล่าวว่าการส่งมอบข้าวไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงเก้าเดือนแรกของปีเพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยจากข้อมูลของ CRF กัมพูชาส่งออกข่าว 157,793 ตันไปยังประเทศจีนตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายนคิดเป็นกว่า 39.6% ของการส่งออกข้าวทั้งหมดของกัมพูชา ซึ่งเมื่อปีที่แล้วไม่สามารถส่งออกข้าวได้ตามโควต้าที่ทางจีนกำหนดโดยส่งออกไปเพียง 170,000 ตันจากจำนวนโควต้าที่ได้รับอนุญาตที่ 300,000 ตัน อย่างไรก็ตามในปีนี้ CRF มั่นใจว่ากัมพูชาจะสามารถส่งออกข้าวได้เต็มจำนวนโควต้าที่ได้รับอนุญาต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50653395/more-local-rice-traders-set-to-export-to-chinese-market/

รัฐบาลกัมพูชาจะซื้อ Cintri เพื่อแก้ไขปัญหาขยะภายในประเทศ

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนประกาศว่ารัฐบาลจะเข้าถือครองและจัดการ Cintri (กัมพูชา) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ทำสัญญาเพื่อรวบรวมและจำกัดขยะในเมืองหลวง โดยมองเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงคือมีขยะเป็นจำนวนมากบวกกับปัญหารถติดและที่จอดรถไม่เพียงพอ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอให้กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังรวมถึงศาลาว่าการพนมเปญทำงานร่วมกับ Cintri ในการเข้าซื้อกิจการเพื่อให้เกิดบริการที่ดีขึ้น  โดยอดีตเมืองนี้มีขยะเพียง 500 ตันต่อวัน แต่ปัจจุบันสูงถึง 3,000 ตันต่อวัน เกิดจากการขยายตัวของเศรษฐกิจของเมืองอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะจัดการระบบในการทำงานใหม่โดยจะมี บริษัทเอกชนรายอื่นเข้ามาร่วมในการดำเนินการเพื่อไม่ให้เป็นการผูกขาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการให้ดีขึ้น โดยในทุกๆวัน กรุงพนมเปญสร้างขยะถึง 2-3 พันตันต่อวันซึ่งเป็นขยะพลาสติกกว่า 600 ตัน โดยรวมแล้วกัมพูชาสร้างขยะมากกว่า 10,000 ตันต่อวันหรือมากกว่า 3.6 ล้านตันต่อปี ซึ่งรวมถึงขยะมูลฝอยทุกประเภทในครัวเรือนและขยะอุตสาหกรรมอื่นๆ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50653397/government-will-buy-cintri-pm/

เจ้าหน้าที่ของกัมพูชาควบคุมผู้ใช้รถบนท้องถนนที่ไม่มีประกันภัย

สมาคมประกันภัยกัมพูชา (IAC) เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ บริษัท ประกันภัยเกี่ยวกับการประกันภัยรถยนต์ โดยข้อตกลงดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นระหว่างผู้ให้บริการประกันภัยกับผู้บริโภคภายในประเทศ ซึ่งข้อตกลงนี้มุ่งเน้นเฉพาะการชำระเงินสำหรับความเสียหายต่อยานพาหนะไม่ร่วมการประกันภัยสำหรับการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุร้ายแรง โดยบริษัท รถบรรทุกหลายแห่งไม่มีประกันภัยคุ้มครอง จากอุบัติเหตุรถบรรทุกกว่า 798 คันในปี 2561 มีเพียง 24% ที่ได้รับความคุ้มครอง ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีบทลงโทษกับบริษัทรถบรรทุกที่ไม่มีประกัน หากเกิดอุบัติเหตุและเจ้าของไม่มีประกันจะมีค่าปรับและอาจจะโดนยึดใบอนุญาตประกอบธุรกิจหรือถูกส่งเรื่องไปยังศาล รวมถึงผู้ใช้รถสันจรบนท้องถนนอื่นอีกด้วย โดยข้อตกลงจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่ง IAC จะฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับวิธีปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากข้อตกลง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50652811/authorities-clamp-down-on-lack-of-vehicle-insurance/

รายได้กรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชาเพิ่มขึ้น 35%

รายรับที่กรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเก้าเดือนแรกของปีเพิ่มขึ้นกว่า 35% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายนกรมฯเก็บภาษีเกือบ 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือเท่ากับร้อยละ 106 ของเป้าหมายของรัฐบาลตลอดทั้งปี ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วของรายได้เป็นผลมาจากผลประกอบการทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประเทศและสถานการณ์ทางการเมืองที่มั่นคง โดยจากข้อมูลของ GDCE แหล่งที่มาของรายได้หลัก คือการนำเข้ายานพาหนะและเครื่องจักรคิดเป็น 52%  พลังงานรวมถึงปิโตรเลียมคิดเป็น 17% ของรายรับรวม ซึ่งส่วนใหญ่ของรายรับจะนำมาพัฒนาและลงทุนบนโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพารัฐบาลต่างประเทศ โดยภายในสิ้นปี 2562 คาดว่า GDCE จะสามารถจัดเก็บภาษีได้อีกประมาณ 800 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50652815/gdces-revenue-up-35-percent/