กัมพูชาอนุมัติสามโครงการลงทุนใหม่มูลค่า 18 ล้านดอลลาร์

สภาเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชา (CDC) อนุมัติโครงการลงทุนใหม่ 3 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 18 ล้านดอลลาร์ ซึ่งโครงการแรกเป็นของ บริษัท New Target Footwear (Cambodia) Co., Ltd. โครงการที่สองเป็นของ บริษัท Golden Island Garments (Cambodia) Co., Ltd. และโครงการที่สามเป็นของ บริษัท Jin Long Quan (Cambodia) Co., Ltd. โดยทั้งสามบริษัทจะลงทุนในการจัดตั้งโรงงานผลิตรองเท้าและเสื้อผ้า รวมถึงการผลิตอุปกรณ์เสริมสำหรับเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และหมวกในจังหวัดตาแก้วและกันดาล ซึ่งคาดว่าจะเกิดการจ้างงานเกือบ 5,000 ตำแหน่ง ให้กับคนในท้องถิ่น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501227974/three-more-projects-worth-18-million-approved/

กัมพูชาส่งออกไปยังออสเตรเลียโตกว่า 85% ในช่วงปีก่อน

ออสเตรเลียกลายเป็นหนึ่งในคู่ค้ารายสำคัญของกัมพูชา โดยในปี 2022 มูลค่าการส่งออกของกัมพูชาไปยังออสเตรเลียเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 84.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายงานโดยกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) ซึ่งหากคิดเป็นมูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศคิดเป็นมูลค่ากว่า 523 ล้านดอลลาร์ หรือขยายตัวร้อยละ 60.9 เทียบกับปี 2021 ส่งผลทำให้กัมพูชาเกินดุลการค้ากับออสเตรเลียที่ 234 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 โดยกัมพูชาเน้นการส่งออก เสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทางไปยังออสเตรเลีย ขณะที่การนำเข้าของกัมพูชา ได้แก่ ถ่านหิน เครื่องจักร และธัญพืช เป็นหลัก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501227589/kingdoms-exports-to-australia-surge-by-85/

“คนเวียดนาม” มีสัดส่วนประชากรแรงงานต่างชาติมากที่สุดในญี่ปุ่น

กระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการญี่ปุ่น (MHLW) เปิดเผยว่าข้อมูล ณ เดือนตุลาคม 2565 พบว่าพลเมืองเวียดนามมีสัดส่วน 25.4% ของจำนวนแรงงานต่างชาติทั้งหมดในญี่ปุ่น โดยจากจำนวนแรงงานต่างชาติทั้งหมดข้างต้นนั้น มีชาวเวียดนาม 462,384 คน, ชาวจีน 385,848 คน และชาวฟิลิปปินส์ 206,050 คน นับว่าเป็นแรงงานต่างชาติที่มีจำนวนมากที่สุดในญี่ปุ่น และข้อมูลดังกล่าวยังแสดงให้เห็นว่ามีจำนวนสถานที่ทำงานที่รับจ้างแรงงานต่างชาติ อยู่ที่ 298,790 คน เพิ่มขึ้น 4.8% อีกทั้ง ด้านสถานะการอยู่อาศัย พบว่าจำนวนผู้ถือวีซ่าประเภทผู้เชี่ยวชาญและวิศวกร เพิ่มขึ้น 21.7% อยู่ที่ 479,949 คน และผู้ถือวีซ่าทำงาน เช่น ผู้พำนักถาวรและคู่สมรสของชาวญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 2.6% อยู่ที่ 595,207 คน

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnamese-account-largest-proportion-of-japan-s-foreign-worker-population-2104439.html

ไทย-สปป.ลาว เตรียมหารือพัฒนารถไฟเชื่อมจีน-สปป.ลาว-ไทย

เมื่อเร็วๆ นี้ นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมศุลกากร และนางกิจจลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์ รองอธิบดีกรมศุลกากร ได้เดินทางเยือนสปป.ลาวเพื่อหารือเกี่ยวกับศักยภาพของการเชื่อมโยงทางรถไฟจีน-สปป.ลาว-ไทย ซึ่งสามารถลดต้นทุนการขนส่งสินค้าได้ 30%-50% ใน 3-5 ปี โดยเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงจะได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบันและเป็นประโยชน์ต่อทั้งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน จากข้อมูลที่ผ่านมา พบว่า ในปี 2565 มูลค่าการค้าส่งออก-นำเข้าด่านชายแดนไทย-สปป.ลาว ของจังหวัดหนองคาย มีมูลค่าถึง 99,200 ล้านบาท แม้ว่าจะมีการระบาดของ COVID-19 แต่การค้าชายแดนของปี 2565 ยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น 39.9% หรือคิดเป็นมูลค่ารายได้เพิ่มขึ้น 28,200 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังพัฒนาสถานีรถไฟหนองคายให้เป็นศูนย์ตรวจสินค้าผ่านแดนและเป็นทางเชื่อมรถไฟสู่การขนส่งทางบก รวมทั้งเป็นด่านศุลกากรและศูนย์กระจายสินค้าอีกด้วย ทั้งนี้ เครือข่ายรถไฟไทย-สปป.ลาวจะให้บริการ 14 ขบวนต่อวัน และหวังว่าจะดึงดูดการลงทุนจากสปป.ลาวมากขึ้นและสร้างรายได้จากพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่อยู่บริเวณเมืองเวียงจันทน์

ที่มา: https://www.bangkokpost.com/business/2493584/china-laos-thailand-rail-link-plans-up-for-talks

10 เดือนของปีงบฯ 65-66 ค้าต่างประเทศของเมียนมา พุ่งขึ้น 18.47%

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย 10 เดือน ของปีงบประมาณ 2565-2566 (เดือนเมษายน 2565-เดือนมกราคม 2566) มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของเมียนมา มีมูลค่ากว่า 27,190 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 18.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2564-2565 โดยการค้าระหว่างประเทศจะดำเนินการผ่านทางทะเล 76.04% และผ่านทางชายแดน 23.96%  ทั้งนี้ สินค้าส่งออกที่สำคัญ คือ สินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ การประมง แร่ธาตุและผลิตภัณฑ์จากป่า สินค้าเพื่อการผลิต ฯลฯ ในขณะที่การนำเข้าจะเป็นสินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง และสินค้าอุปโภคบริโภค

ที่มา: https://english.news.cn/asiapacific/20230128/b5400f45b45e4ec084c130f2c6fc0271/c.html

“ไฮฟอง” ตั้งเป้าศูนย์กลางโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ

เมืองไฮฟอง (Hai Phong) ประเทศเวียดนาม ได้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เนื่องจากมีข้อได้เปรียบหลายประการในฐานะที่เป็นฮับการขนส่งสินค้าทั้งทางทะเล ทางถนน ทางราง ทางอากาศและทางแม่น้ำ โดยวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว เพื่อพัฒนาการให้บริการทุกมิติของเมืองและโลจิสติกส์ พร้อมกับวิสัยทัศน์ระยะยาวถึงปี 2045 ทั้งนี้ นาย Tran Luu Quang รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเมืองไฮฟองจะทำการปฏิรูปการบริหารและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในด้านท่าเรือและโลจิสติกส์ ตลอดจนส่งเสริมการดึงดูดการลงทุนและส่งเสริมการค้า และยกระดับห่วงโซ่บริการด้านโลจิสติกส์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นและเชื่อมโยงระดับภูมิภาค

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1455789/hai-phong-aims-to-become-an-international-logistics-centre.html

จับตา “ค้าปลีกเวียดนาม” มีแนวโน้มขยายตัว ปี 2566

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) เปิดเผยว่าขนาดของตลาดค้าปลีกเวียดนาม อยู่ที่ 142 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะขยายตัวสูงถึง 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 คิดเป็นสัดส่วน 59% ของ GDP ถึงแม้ว่าในปีนี้ สถานกาณณ์ทางเศรษฐกิจจะเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ แต่ว่าผู้เชี่ยวชาญมีมุมมองว่าในปีนี้จะเป็นปีที่เริ่มฟื้นตัวของภาคค้าปลีกเวียดนาม หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากมีสัญญาการกลับมาของนักลงทุนและความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากการสำรวจของ Vietnam Report พบว่าผู้ประกอบการค้าปลีกส่วนใหญ่ 53.8% มองว่าสถานการณ์ธุรกิจอยู่ในระดับเท่าเดิมและดีขึ้นเมื่อเทียบกับระดับก่อนการระบาด นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย ได้อัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มอีก 852.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปยังตลาดเวียดนามในอีก 5 ปีข้างหน้า

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/retail-market-predicted-to-bustle-in-2023/246819.vnp

ปี 2565 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเมียนมาเริ่มกลับมาคึกคัก

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวของเมียนมา เผย ปี 2565 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าเมียนมาเพิ่มขึ้น 78% เมื่อเทียบกับปี 2564 ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ไทย อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และรัสเซีย เพื่อเป็นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของประเทศเมียนมา และได้ร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหพันธ์การท่องเที่ยวโลก   เพื่อเปิดตลาดการท่องเที่ยวของประเทศผ่านแคมเปญและกิจกรรมต่างๆ  โดยการจัดนิทรรศการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างประเทศ  สายการบินในประเทศสามารถกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง ทั้งนี้ กระทรวงฯ ยังได้เร่งผลักดันให้สมาคมโรงแรมและการท่องเที่ยวและธุรกิจในอุตสาหกรรม ร่วมกันพัฒนาการท่องเที่ยวของเมียนมา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/increasing-numbers-of-foreigners-entering-myanmar-in-2022/#article-title

กระทรวงเกษตร สปป.ลาว ร่วมกับ FAO เปิดตัวโครงการสนับสนุนด้านความมั่นคงทางอาหาร

องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กำลังเดินหน้าช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการเกษตรและการพัฒนาชนบทใน สปป.ลาว ด้วยการลงนามในโครงการ 3 โครงการ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (24 ม.ค.) โดยทั้งสามโครงการ ได้แก่ การเสริมสร้างขีดความสามารถในการวางแผนและพัฒนาแผนแม่บทเกี่ยวกับชา, ความหลากหลายทางชีวภาพในภาคเกษตร และความช่วยเหลือด้านเทคนิคสำหรับการพัฒนาแผนปฏิบัติการแห่งชาติสำหรับระบบอาหารที่ยั่งยืน โดยได้รับการลงนามระหว่างกระทรวงเกษตรและป่าไม้ กับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ซึ่ง FAO ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงเกษตรและป่าไม้เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเพิ่มเติมในสามประเด็นหลักที่สอดคล้องกับเป้าหมายสำคัญของภาครัฐบาล เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน การค้า ความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการให้กับ สปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_FAO18.php

รายได้ต่อหัวในจังหวัดพระตะบองเพิ่มขึ้นเป็น 1,760 ดอลลาร์ ในช่วงเวลา 5 ปี

จังหวัดพระตะบองซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศกัมพูชา มีการพัฒนาเป็นอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในจังหวัดมีเขตเศรษฐกิจพิเศษขนาดใหญ่ ส่งผลทำให้มีโรงงานและสถานประกอบการจำนวนมากเข้ามาจัดตั้งภายในจังหวัด ซึ่งเศรษฐกิจภายในจังหวัดขยายตัวร้อยละ 2.3 ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,760 ดอลลาร์ในปี 2022 จาก 1,534 ดอลลาร์ ในปี 2018 ด้าน Sok Lou ผู้ว่าการจังหวัดพระตะบอง กล่าวเสริมว่า ในจังหวัดมีบริษัทและโรงงานขนาดใหญ่ เช่น โรงสีข้าว โรงงานแปรรูปมันสำปะหลังและข้าวโพด โรงงานปูนซีเมนต์ โรงงานยา โรงงานแปรรูปกระดาษ โรงงานรองเท้า และวิสาหกิจอื่นๆ ทั้งหมดสิ้น 736 แห่ง สร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นกว่า 14,973 คน โดยจังหวัดพระตะบองมีพรมแดนติดกับประเทศไทย ซึ่งทำให้เอื้อต่อการค้า การท่องเที่ยว การขนส่ง ความร่วมมือ และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดเป็นอย่างมาก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501226407/battambangs-per-capita-income-rises-to-1760-in-five-years/