“ตลาดธุรกิจพื้นที่ค้าปลีกของเวียดนาม” แนวโน้มเติบโตในปี 2566

ตลาดพื้นที่ค้าปลีก (Retail space) ของเวียดนามมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมค้าปลีก โดยเฉพาะการลงทุนระลอกใหม่ของแบรนด์ดังจากต่างประเทศ ในส่วนของมุมมองของผู้เชี่ยวชาญอย่าง คุณ Nick Bradstreet หัวหน้าฝ่ายตลาดค้าปลีกของ Savills’ Asia-Pacific กล่าวว่าแบรนด์ค้าปลีกชื่อดังหลายแห่งได้พิจารณาขยายการดำเนินธุรกิจในเวียดนาม เนื่องจากเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งและเล็งเห็นถึงศักยภาพของเวียดนาม ยกตัวอย่างเช่น บริษัทลอตเต้ (Lotte) เดินหน้าทำโปรเจกต์ใหม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท้าทายแก่เวียดนามในปัจจุบัน คือ ศูนย์การค้ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ค้าปลีกต่างชาติ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-retail-real-estate-market-expects-growth-in-2023-2103611.html

ประเมินเศรษฐกิจเวียดนาม 2 ฉากทัศน์ ปี 2566

จากข้อมูลของ Central Institute for Economic Management (CIEM) เปิดเผยว่าได้ทำการประเมินเศรษฐกิจเวียดนาม 2 ฉากทัศน์ (Scenario) ในปี 2566 หลังจากเศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว 8% ในปีที่แล้ว โดยเป็นการวิเคราะห์ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามในปีนี้ ได้พิจารณาจากปัจจัยต่างๆ มากกว่าปีที่แล้ว ได้แก่ ความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรค การดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด การแข่งขันทางภูมิศาสตร์และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน เป็นต้น ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ทางสถาบันฯ จึงประเมินเศรษฐกิจของเวียดนามในปีนี้ ออกเป็น 2 ฉากทัศน์ (1) ฉากทัศน์แรก เศรษฐกิจของเวียดนามจะขยายตัว 6.47% และ (2) ฉากทัศน์ที่สอง เศรษฐกิจของเวียดนามจะขยายตัว 6.83%

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/two-scenarios-for-vietnamese-economy-in-2023-post997878.vov

Foodpanda มอบเงินบริจาคกว่า 54 ล้านกีบ ให้โรงพยาบาลในหลวงพระบาง ของ สปป.ลาว

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณธัญญารัตน์ เจริญสุข กรรมการผู้จัดการบริษัท Delivery Hero ประจำสปป.ลาว ซึ่งดำเนินธุรกิจฟู๊ดเดลิเวอรี่ภายใต้แบรนด์  Foodpanda ได้บริจาคเงิน 54 ล้านกีบให้กับ Lao Friends Hospital ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสำหรับรักษาเด็กเล็ก ในหลวงพระบาง ของสปป.ลาว เพื่อนำเงินไปซื้อเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์สำหรับเด็กและครอบครัว โดยมี นายโทมัส บรูน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นผู้รับมอบเงินบริจาค ทั้งนี้ Delivery Hero ได้ออกแคมเปญ One Order One Smile เพื่อช่วยเหลือเด็กที่เข้ารับการรักษาใน Lao Friends Hospital โดยลูกค้าที่สั่งอาหารผ่านแอป Foodpanda สามารถร่วมเข้าร่วมแคมเปญด้วยการบริจาคพร้อมการสั่งอาหาร ซึ่งแคมเปญดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนและสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม. 2565

ที่มา: https://laotiantimes.com/2023/01/23/foodpanda-donates-lak-54-million-to-lao-friends-hospital-in-luang-prabang/

อุตสาหกรรมธนาคารในกัมพูชายังคงเติบโตต่อเนื่องในปี 2022

ปี 2022 อุตสาหกรรมการธนาคารของกัมพูชายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านสินเชื่อและเงินฝาก ตามรายงานประจำปีของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) โดยในรายงานระบุว่าสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 21.7 เมื่อเทียบเป็นรายปีที่มูลค่า 56,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เงินฝากของลูกค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 คิดเป็นมูลค่า 45,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินกู้ยืมดังกล่าวได้ออกให้กับภาคส่วนสำคัญๆ เช่น การค้า ที่อยู่อาศัย การก่อสร้าง การเกษตร โรงแรมและภัตตาคาร และภาคการผลิต รวมถึงภาคส่วนสำคัญอื่นๆ โดยปัจจุบันกัมพูชามีธนาคารพาณิชย์รวมทั้งสิ้น 58 แห่ง ธนาคารเฉพาะกิจ 9 แห่ง และสถาบันการเงินรายย่อย 86 แห่ง โดยมีสำนักงานใหญ่และสาขารวม 2,614 แห่ง รวมถึงเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) 3,998 เครื่องทั่วประเทศ ด้าน Heng Bomakara รองอธิบดีฝ่ายกำกับดูแลการธนาคารของ NBC กล่าวว่าร้อยละ 67 ของประชากรในกัมพูชาสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ภายในปี 2022 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 59 เมื่อเทียบกับปี 2021

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501223356/the-banking-industry-in-cambodia-continues-to-enjoy-high-growth-in-2022/

กัมพูชาจัดเก็บภาษีเกินกว่าเป้า 22% ในช่วงปี 2022

กรมภาษีอากร (GDT) หน่วยงานร่วมกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง รายงานการจัดเก็บภาษีประจำปี 2022 ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 3.45 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 122 ของเป้าหมายในการจัดเก็บประจำปี รายงานโดย Kong Vibol ผู้อำนวยการทั่วไปของ GDT ในปี 2565 โดยปัจจุบันกัมพูชามีหน่วยงานหรือสถาบันในการจัดเก็บภาษีสองแห่ง คือ 1.กรมภาษีอากร ซึ่งเน้นจัดเก็บภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีโรงเรือน และ 2.กรมศุลกากรและสรรพสามิต ซึ่งเน้นไปที่การจัดเก็บภาษีสินค้าเข้าและออก โดยในปี 2023 รัฐบาลตั้งเป้าในการจัดเก็บภาษีไว้ที่ประมาณ 5.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2022 เกือบร้อยละ 16

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501222609/tax-collection-exceeds-22-of-plan-last-year/

“AMRO” ปรับเพิ่ม GDP เวียดนาม ปี 66 โตสูงขึ้น แม้ว่าศก.ภูมิภาคชะลอตัว

สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (AMRO) รายงานประจำเดือน ม.ค. เปิดเผยว่าได้ปรับตัวเลขเศรษฐกิจของเวียดนามในปี 2566 ขยายตัว 6.8% จากเดิมที่ปรับประมาณการเศรษฐกิจว่าจะขยายตัว 6.5% แต่หากเทียบกับเศรษฐกิจในประเทศภูมิภาค อาทิเช่น อาเซียน+3 ในปี 2566 ว่าจะขยายตัวประมาณ 4.3% จากในครั้งก่อนที่ประมาณการไว้ที่ 4.6% และในปี 2565 ชะลอตัว 3.7% สาเหตุหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศอาเซียน +3 ที่อ่อนแอลง โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีอัตราการขยายตัวที่อ่อนแอลงอย่างมาก นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อของเวียดนาม คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3% ในปีนี้ และเงินเฟ้อของภูมิภาคอาเซียน+3 ปรับตัวลดลงจาก 6.3% ในปี 2565 มาอยู่ที่ 4.5% ในปีนี้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1452456/amro-revises-viet-nam-s-2023-gdp-upward-despite-regional-slowdown.html

ค้าชายแดนท่าขี้เหล็ก เมียนมา-จีน-ไทย ทะลุ 10.154 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผย เดือนธันวาคม 2565 มูลค่าการค้าชายแดนท่าขี้เหล็กของเมียนมากับจีนและไทยมีมูลค่ากว่า 10.154 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นมูลค่าการส่งออก 4.636 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้า 5.597 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสินค้าส่งออกหลักคือสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากป่า และสินค้าประมง เช่น ใบชาแห้ง ส้ม ไม้สักแปรรูป กุ้ง ฯลฯ ส่วนการนำเข้าจะเป็นสินค้าประเภท  สินค้าทุน วัตถุดิบอุตสาหกรรม และสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ปูนซีเมนต์ ยานพาหนะและอุปกรณ์ยานพาหนะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ วัสดุก่อสร้างที่ทำจากแก้ว อุปกรณ์จำหน่ายไฟฟ้าและติดตั้ง วัสดุก่อสร้างที่ทำจากแร่ วัสดุก่อสร้างเหล็กและเหล็กกล้า ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม น้ำมันพืช เคมีภัณฑ์ สีเคลือบเงา วัตถุดิบพลาสติก กระดาษ วัตถุดิบที่ทำจากเหล็กกล้า สบู่ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์กีฬา ฯลฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/tachilek-border-trade-with-china-and-thailand-valued-at-us10-154-mln/

ลุ้นคลังขยับเป้าจีดีพีปี 2566 เพิ่มขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 1-16 ม.ค.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ยอยู่ที่ 78 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับปีที่แล้ว เฉลี่ยอยู่ที่ 95.4 เหรียญ ดังนั้นในปีนี้อัตราเงินเฟ้อน่าจะลดลงและอยู่ในอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไว้ในกรอบ 1-3% ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง จะทบทวนคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2566 ใหม่ และจะประกาศอย่างเป็นทางการวันที่ 27 ม.ค.นี้ โดยคาดว่า สศค.จะปรับเป้าจีดีพีไทยปี 66 ขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดการณ์เดิมไว้ว่าปี 65 จะขยายตัวได้ 3.4% และปี 66 คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.8% ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปในปี 65 คาดว่าอยู่ที่ 6.2% และปี 66 อยู่ที่ 2.9% โดยปัจจัยบวกนอกจากเรื่องราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแล้วคือ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ ของจีน ที่เปิดให้คนจีนออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้ ซึ่งก่อนหน้านี้การคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปีนี้ อยู่ที่ 21.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก ปี 65 ที่มีนักท่องเที่ยว 10 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นการคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนประมาณ 2.8 ล้านคน ส่วนปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อคือเงินบาทที่คาดว่าจะแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันในการส่งออกสินค้าของไทย ซึ่งมูลค่าการส่งออกของไทยในปี 66 จะขยายตัว 2.5% เท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2609673

ชาวจีนร่วมฉลอง “ตรุษจีน” ในสปป.ลาว อย่างคีกคัก

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566 ผ่านมา ชาวสปป.ลาว และชาวจีนต่างร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนที่จัดขึ้น ณ สถานฑูตจีน อย่างคึกคัก  โดยในงานได้รับเกียรติจาก นาย Jiang Zaidong เอกอัครราชทูตจีนประจำสปป.ลาว เข้าร่วมงาน โดยบรรยากาศภายในงาน มีการเชิดสิงโต การจุดประทัด  อาหารมงคล และนิทรรศการจีนโบราณในธีมแม่น้ำและภูเขาที่งดงาม  ซึ่งมีชาวสปป.ลาวและชาวจีนเข้าร่วมงานกว่า 500 คน

ที่มา: https://english.news.cn/asiapacific/20230122/3347759a05514ca3b43f0a8ec034526b/c.html

เจพีมอร์แกนชูหุ้นไทย “น่าลงทุนที่สุด” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยว่า การที่ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ของ ไทย กลับมาฟื้นตัวได้ดีเกินคาดหลังจาก จีนเปิดประเทศ และมีแนวโน้มที่จะช่วยกระตุ้นการอุปโภคบริโภคของไทยให้ปรับตัวขึ้นนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ตลาดหุ้นไทย มีความ “น่าลงทุนมากที่สุด” เมื่อเทียบกับบรรดาตลาดหุ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ นายจักรพันธ์ พรพรรณรัตน์ หัวหน้าสายงานวิจัยหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์เจพีมอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยแพร่วันนี้ (19 ม.ค.) ว่า ภาวะการซื้อขายที่คึกคักในตลาดหุ้นไทยก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไป และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากราคาพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบชะลอตัวลงนั้น จะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยทำผลงานโดดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคยกเว้นเวียดนาม

ที่มา : https://www.thansettakij.com/finance/stockmarket/553556